สังเวย321ศพ
10วันอันตรายยอดตายยังพุ่ง
คุมประพฤติแล้วกว่า6พันคดี
10 วันอันตราย ผ่านพ้น 1 สัปดาห์ ยอดดับพุ่ง321 ศพ เจ็บ 1,894 คน จ.สุราษฎร์ธานี นำโด่งสูญเสียสะสม ส่วนตายเป็นศูนย์ มี 6 จังหวัด ศปถ.กำชับคุมเข้มต่อเนื่องลดอุบัติเหตุ ด้าน กรมคุมประพฤติ เผย 7 วัน คุมประพฤติแล้วกว่า6 พันคดี กทม. คดีเมาขับสูงสุด ขณะที่“บขส.” สรุปตัวเลข 7 วัน เดินทางกว่า 1.2 ล้านคน
เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี และประธานแถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 ประจำวันที่ 3 มกราคม2568 เปิดเผยว่า ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึง กทม.และพื้นที่เศรษฐกิจใหญ่แล้ว ทำให้เส้นทางสายหลัก มีสภาพการจราจรคล่องตัวมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ขับขี่บางรายอาจใช้ความเร็วสูงในการขับรถ เสี่ยงทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน
ศปถ.กำชับให้ป้องกันอุบัติเหตุ
ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ได้กำชับทุกจังหวัด ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเข้มข้น โดยยังคงตั้งด่านตรวจ เพื่อป้องปรามไม่ให้ผู้ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และเพิ่มการตั้งจุดบริการประชาชนและจุดพักรถ รองรับประชาชนที่ขับรถติดต่อกันเป็นเวลานาน
นอกจากนี้ ได้กำชับจังหวัดให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบความพร้อมของพนักงานขับรถโดยสารและรถขนส่งสินค้า รวมถึงสภาพรถและระบบความปลอดภัยก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะในการเดินทาง
ให้ผู้ใช้รถคำนึงความปลอดภัย
“ในส่วนของประชาชนซึ่งเป็นผู้ที่ใช้รถใช้ถนนโดยตรง ศปถ.ขอให้จังหวัดเพิ่มการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ผู้ใช้รถใช้ถนน ตระหนักถึงการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย นำไปสู่ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ เผยแพร่ข้อกฎหมายและข้อปฏิบัติในการขับขี่ยานพาหนะ” นายเชษฐา กล่าว
วันที่7เกิดอุบัติเหตุ196ครั้งดับ43
สำหรับข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ประจำวันที่ 2 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นวันที่ 7 ของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ศปถ.รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนน ว่าเกิดอุบัติเหตุ 196 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 200 คน ผู้เสียชีวิต 43 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 40.31 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 26.02 ดื่มแล้วขับและทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ 15.82 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ จักรยานยนต์ ร้อยละ 86.07 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 83.67 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 44.9 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 26.53
พบช่วงวัย30-39ปีสูญเสียสูงสุด
ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 08.01-19.00 น.ร้อยละ 8.16 เวลา 11.01-12.00 น.เวลา 15.01-16.00 น.และเวลา 17.01-18.00 น.ร้อยละ 7.14 เวลา 09.01-10.00 น.และเวลา 10.01-11.00 น.ร้อยละ 6.12 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปี ร้อยละ 17.7 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,783 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 50,516 คน
ส่วนจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ตรัง (11 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ตรัง และลำปาง (จังหวัดละ 11 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (8 ราย)
ช่วง7วันอันตรายดับแล้ว321คน
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 7 วันของการรณรงค์ (27 ธันวาคม 2567–2 มกราคม 2568) เกิดอุบัติเหตุ รวม 1,938 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ รวม 1,894 คน ผู้เสียชีวิต รวม 321 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 6 จังหวัด ส่วนจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (72 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (82 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (20 ราย)
7วันคุมประพฤติกว่า6พันคดี
ด้าน พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยสถิติคดีคุมประพฤติต้อนรับปีใหม่ 2568 โดยวันที่ 2 มกราคม 2568 มีคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติรวมทั้งสิ้น 969 คดี โดยเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 891 คดี และคดีขับเสพ 76 คดี ขับซิ่ง 2 คดี
สรุปยอดสะสม 7 วัน ที่มีการควบคุมเข้มงวด ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2567-2 มกราคม 2568 มีคดีคุมประพฤติรวม 6,556 คดี ยอดติด EM สะสม 39 ราย ดังนี้ คดีขับรถขณะเมาสุรา 6,317 คดี (ร้อยละ 96.36) ติด EM 37 ราย คดีขับเสพ 233 คดี (ร้อยละ 3.55) ติด EM 2 ราย คดีขับรถประมาท 4 คดี (ร้อยละ 0.06) และคดีขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 2 คดี (ร้อยละ 0.03)
พบเมาขับสูงสุดที่กทม.468คดี
จังหวัดที่มียอดสะสมคดีขับรถขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (468 คดี) เชียงใหม่ (424 คดี) และนนทบุรี (341 คดี)
พ.ต.ต.สุริยา เปิดเผยว่า สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสกลนคร และสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดปราจีนบุรี ดำเนินการตามคำสั่งศาลติดอุปกรณ์ EM ให้กับผู้กระทำผิดในคดีเมาแล้วขับและขับเสพ 6 ราย เป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งบางรายกระทำผิดซ้ำ ศาลจึงเพิ่มเงื่อนไขโดยให้พักใบอนุญาตขับขี่เป็นเวลา 6 เดือน นอกจากนี้ศาลได้สั่งคุมความประพฤติกรณีขับซิ่ง 2 ราย (ขับขี่รถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น) โดยผู้ถูกคุมความประพฤติต้องมารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด
บขส.ชี้เดินทางทะลุ1.2ล้านคน
วันเดียวกัน นายอรรถวิท รักจำรูญ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ได้สรุปข้อมูลการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม 2567–2 มกราคม 2568 รวม 9 วัน มีประชาชนเดินทาง (เที่ยวไป-กลับ) 1,200,798 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส.รถร่วมฯ , รถตู้) 66,064 เที่ยว แบ่งเป็นเที่ยวไป 657,037 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส.รถร่วม , รถตู้) 33,891 เที่ยว ส่วนเที่ยวกลับ 543,761 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส.รถร่วม , รถตู้) 32,173 เที่ยว โดยเดินทางไปยังจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) มากที่สุด รองลงเป็นภาคเหนือ และภาคใต้ ตามลำดับ
รถของบขส.อุบัติเหตุเป็นศูนย์
ทั้งนี้ จากข้อมูลการเดินทางในเที่ยวไป พบว่าในวันที่ 28 ธันวาคม 2567 มีประชาชนเดินทางออกจาก กทม.สูงสุด 105,245 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส.รถร่วมฯ , รถตู้) 4,658 เที่ยว และวันที่ 2 มกราคม 2568 มีประชาชนเดินทางกลับเข้า กทม.สูงสุด 83,196 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส.รถร่วมฯ , รถตู้) 4,182 เที่ยว ส่วนข้อมูลสถิติรถโดยสารที่เกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ วันที่ 25 ธันวาคม 2567–2 มกราคม 2568 รวม 9 วัน พบว่ารถโดยสาร บขส.อุบัติเหตุเป็นศูนย์
รถร่วมฯเกิดอุบัติเหตุ4ครั้งดับ1
ขณะที่รถร่วมฯ เกิดอุบัติเหตุ 4 ครั้ง บาดเจ็บ 29 ราย เสียชีวิต 1 ราย ทั้งนี้ บขส.กำชับให้พนักงานรถโดยสาร บขส.และรถร่วมฯ ให้ความสำคัญด้านมาตรการความปลอดภัยในการเดินทางอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568
นอกจากนี้ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 บขส.สามารถจัดการเดินรถอำนวยความสะดวกให้ประชาชนอย่างเพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง และได้จัดจุดรับ–ส่งผู้โดยสารที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถเลือกเดินทางเชื่อมต่อรถไฟ , รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน , รถไฟฟ้าสายสีแดง , รถโดยสาร ขสมก.และแท็กซี่ ได้สะดวกขึ้น ตามนโยบายกระทรวงคมนาคม รวมถึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจเข้มความพร้อมรถโดยสารและพนักงานขับรถ เพื่อความปลอดภัย
หมอชิต2คนยังเดินทางต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 ประชาชนยังทยอยเดินทางด้วยรถของ บขส.อย่างต่อเนื่อง โดยวันเดียวกันนี้ มีประชาชนเดินทางกลับเข้า กทม.ตลอดทั้งวัน ภายหลังหยุดยาวในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยส่วนใหญ่ต้องกลับมาเตรียมตัวทำงานในวันที่ 6 มกราคมนี้ เป็นต้นไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี