โรงพยาบาลสุรินทร์ แถลงการณ์รายงานอาการอาพาธ การถวายการรักษา และดูแลสุขภาพ พระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ เจ้าอาวาสวัดศาลาลอย (พระอารามหลวง) ฝ่ายมหานิกาย และรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคาร 14 ชั้น 1 โรงพยาบาลสุรินทร์ นายแพทย์ชวมัย สืบนุการณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ พร้อมด้วย นายแพทย์เผด็จ หนูพันธ์ ,นายแพทย์สนิทพงษ์ ฟองจันทร์สม นายแพทย์เฉลิมชัย เลิศอนันต์สิทธิ์ ,นายแพทย์จีราวัฒน์ แก้ววินัด และคุณวัชรีภรณ์ รัตรสารหัวหน้ากลุ่มการพยาบาล ที่ร่วมวางแผนถวายการรักษา และดูแลอาการอาพาธ การถวายการรักษา พระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ เจ้าอาวาสวัดศาลาลอย ร่วมแถลงการณ์ฯ โดยมีคณะสงฆ์ และสื่อมวลชนเข้ารับฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้

นายแพทย์ชวมัย สืบนุการณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ กล่าวว่า โรงพยาบาลสุรินทร์ รับพระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ เข้ารักษาในโรงพยาบาลสุรินทร์ โดย Admit เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 เวลา 14.52 น.ซึ่งมาด้วยอาการอาพาธ มีอาการ เหนื่อย ไอมีเลือดปน จึงได้ทำการตรวจเอกซเรย์ปอด พบว่าปอดอักเสบช่วงบริเวณปอดขวาล่างและปอดซ้ายล่าง

ทั้งนี้พระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์  ก่อนเคยมีประวัติเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลสุรินทร์ ด้วยโรคมะเร็งปอด มาก่อน และได้รับการรักษาด้วยการฉายแสง  มานานกว่า 1 ปี ซึ่งได้รับการดูแลรักษาจากโรงพยาบาลสุรินทร์ เรยมา กระทั่งเมื่อปลาย 2567 ทีมแพทย์ได้พบว่ามะเร็งได้ลุกลามไปยังสมอง จึงได้ทำการรักษาด้วยการทำเคมีบำบัด เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา

ต่อมาเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 เวลา 14.52 น. พระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ได้เข้า Admit ณ โรงพยาบาลสุรินทร์ ณ ห้องผู้ป่วย ICU อาคาร 14 ชั้น 2 โรงพยาบาลสุรินทร์ โดยมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านต่างๆ จากคณะทำงานฯ รายงานอาการอาพาธ การถวายการรักษา และสุขภาพ ว่าท่านมีไข้ปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำ หายใจเหนื่อย ซึ่งทีมแพทย์และพยาบาลได้เฝ้าติดตามใกล้ชิด

ขณะนี้อาการโดยรวมของ พระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ยังคงต้องเฝ้าระวังในเรื่องเชื้อราในปอด และเรื่องการหายใจอย่างใกล้ชิด โดยทีมแพทย์ ให้การรักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือด ท่านยังมีอาการเหนื่อยเวลาขยับตัว และออกชิเจนต่ำเป็นช่วงๆ  มีการให้ยาขยายหลอดลม และใช้เครื่องให้ออกซิเจนอัตราการไหลสูง ทั้งนี้คณะทำงานเพื่อปฏิบัติภารกิจด้านการแพทย์ จะถวายการรักษาตามหลักการแพทย์ อย่างเต็มที่ โดยจัดให้มีเจ้าหน้าที่ชาย ร่วมถวายดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดการถวายการรักษา