ด่วน! ศาลยกฟ้อง'ตู้ห่าว-พวก' 19 คน คดีฟอกเงิน-ยาเสพติด

ด่วน! ศาลยกฟ้อง'ตู้ห่าว-พวก' 19 คน คดีฟอกเงิน-ยาเสพติด

วันอังคาร ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568, 15.03 น.

ยกฟ้อง ตู้ห่าว กับ อดีตเมียตำรวจ ทุกข้อหา คดีตรวจจับผับจินหลิง ค้ายา ฟอกเงิน พยานหลักฐานโจทก์อ่อน ไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ 

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568   เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 503 ศาลอาญากรุงเทพใต้  ถ.เจริญกรุง  ศาลได้อ่านคำพิพากษา คดีดำ ย.87/2566 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง นายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ จำเลยที่ 2 , พ.ต.อ.หญิง วันทนารีย์ กรณ์ชายานันท์" ตำแหน่ง ผกก.ฝ่ายความร่วมมือและกิจการระหว่างประเทศ กองการต่างประเทศ อดีตภรรยาของนายชัยณัฐร์หรือตู้ห่าว เป็นจำเลยที่ 8 กับพวกรวม 25 รายเป็นจำเลยที่ 1-25 ในความผิดฐาน สมคบกันเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดในลักษณะขององค์กรอาชญากรรม , ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 โดยไม่ได้รับอนุญาต , สมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน , เป็นอั้งยี่มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต , ร่วมกันรับคนต่างด้าวทำงานโดยคนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตให้ทำงาน และร่วมกันให้เข้า พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย


กรณี เมื่อคืนวันที่ 26 ต.ค.65 ตำรวจ บช.น. นำกำลังเข้าตรวจค้นผับ "จินหลิง" แขวงยานาวา เขตสาทร  กทม.ซึ่งมีนายตู้ห่าว เป็นเจ้าของพบยาเสพติดประเภท 1 ,2 และ 4  พร้อมอุปกรณ์การเสพหลายรายการ และอาวุธปืน จากการสอบสวนพบเป็นเครือข่ายของกลุ่มทุนจีนสีเทา โดยมีนายตู้ห่าวจำเลยที่ 2กับพวกจำเลย ร่วมกันกระทำความผิด โดยศาลได้รวมการพิจารณา 3 สำนวนเป็นคดีเดียวกัน โดยจำเลยที่ 1, 4 และ 5 ขอ กลับคำให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

โดยอัยการโจทก์ฟ้องว่า ตั้งแต่เดือน เม.ย.63- 1 พ.ย.65 จำเลยร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์อาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันกระทำผิดร้ายแรง ได้มาซึ่งทรัพย์สิน มุ่งหมายการอันมิชอบด้วยกฎหมาย โดยจำเลยทั้ง 25 รายร่วมกันวางแผน แบ่งหน้าที่กันทำ โดยนำคนกัมพูชามาทำงาน และให้คนจีนมาเที่ยวในแหล่งบันเทิงที่จำเลยร่วมกันเปิด มีการจำหน่ายยาเสพติดให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ มียาเสพติด เมทแอมเฟตามีน , คีตามีน , ไนเมตาซีแพม , โคลนาซีแพม , สารซีเมทิลีน เพื่อการค้า โดยมีการจัดเป็นชุด จำเลยที่ 1-7 , 9-12 , 16 , 17 , 19 และ 21 ร่วมกับพวกที่หลบหนี ร่วมกันจัดหาเงินทุนเพื่อจัดซื้อยาเสพติด สถานที่เสพ สถานที่เก็บยาเสพติด ชักชวนลูกค้าจากต่างประเทศมาเที่ยวและเสพยา โดยจำเลยกระทำผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน มีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกว่า 300 ครั้ง เพื่อปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด มีปืนแบลงก์กัน เครื่องกระสุนปืน ร่วมกันเปิดสถานบริการ "จินหลิง" โดยไม่ได้รับอนุญาต และรับคนต่างด้าว 27 คน มาทำงานโดยผิดกฎหมาย 

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า โจทก์นำพยานบุคคล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ป.ป.ง.และป.ป.ส.เข้าเบิกความ ว่าช่วงปลายเดือน กันยายน 65 เกิดเหตุนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนเสียชีวิตจากการเสพยาเสพติดที่สถานบริการท็อปวัน ย่านรัชดาภิเษก ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า มีความเชื่อมโยงกับสถานบริการ จินหลิง จึงเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ขอหมายศาลเข้าตรวจค้น เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 65 พบว่าเป็นสถานบริการที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าไปเที่ยวเสพยาเสพติด โดยมีการนัดหมายผ่านโปรแกรม WeChat และ telegram มีการดัดแปลงอาคารเป็นห้องคาราโอเกะ 12 ห้อง พบนักเที่ยวเป็นชาวต่างด้าวส่วนใหญ่เป็นชาวจีนจำนวน 200 คนมีจำนวน 100 คนที่พบปัสสาวะสีม่วงมีคนไทยคนจีนและเมียนมาเป็นพนักงาน พบว่า นายตู้ห่าว จำเลยที่ 2 เป็นผู้ครอบครองอาคารจินหลิง โดยพบบัญชีของธนาคารกรุงเทพ และบัญชีธนาคารกสิกรไทย ในการชำระเงินค่าบริการและจ่ายค่ายาเสพติด และโอนเข้าบัญชีแถวที่ 1 บัญชีแถวที่ 2 จำนวน 16 บัญชีแถวที่ 3 และแถวที่ 4 ซึ่งบัญชีดังกล่าวมีลักษณะเป็นบัญชีม้า โดยมีบุคคลอื่นทำธุรกรรมแทนชื่อเจ้าของบัญชีและมีการโอนเงินเกี่ยวพันกับร้านท็อปวันนั้น

ศาลเห็นว่า ทางนำสืบของโจทก์ที่ว่าจำเลยทั้ง 25 ราย เป็นอั้งยี่และเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ  แต่โจทก์ไม่ได้แสดงพยานหลักฐานให้เห็นว่า จำเลยทั้ง 25 ราย มีการสั่งการหรือควบคุมการกระทำความผิดในสถานที่ใด ตั้งแต่เมื่อใดถึงเมื่อใด แบ่งหน้าที่กันอย่างไร ได้ความแต่เพียงว่า ก่อนเข้าจับกุม 2 สัปดาห์เจ้าหน้าที่ไม่สามารถแฝงตัวเข้าไปภายในร้านจินหลิงได้ จึงต้องขอศาลออกหมายค้น พยานหลักฐานในเรื่องการเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติจึงมีน้ำหนักน้อย ฟังได้ว่าในการตรวจค้นที่ร้านดังกล่าวพบนักเที่ยวชาวต่างด้าวและยาเสพติด เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานยึดยาเสพติด ปืนแบลงค์กันและวิทยุสื่อสาร แม้จำเลยที่ 1, 4 และ 5  จะให้การรับสารภาพในข้อหานี้ แต่ก็ไม่สามารถลงโทษในความผิดฐานองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติได้ 

มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าพวกจำเลยกระทำผิด  ร่วมกันสมคบกันค้ายาเสพติดประเภทที่ 1, 2 และ 4 หรือไม่ ศาลเห็นว่า ขณะเข้าตรวจค้นไม่พบ นายตู้ห่าวจำเลยที่ 2 อยู่ในที่เกิดเหตุ ที่โจทก์เบิกความว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ครอบครองร้านในฐานะผู้เช่า เห็นว่าในทางนำสืบของโจทก์ และนายตู้ห่าว จำเลยที่ 2 ได้รับโอนเช่าร้านจินหลินเมื่อปี 2562 ในช่วงการระบาดโควิด 19 จากนายสิทธิกรซึ่งเป็นลูกหนี้มีกำหนดเช่า 3 ปี แทนการชำระหนี้เงินกู้ให้แก่จำเลยที่ 2 เมื่อครบกำหนด 3 ปีตามสัญญาเช่าเมื่อปี 2564 อาคารดังกล่าวจึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 2 โดยโจทก์ไม่ได้นำตัวนายสิทธิกรมาเบิกความเพื่อให้ทนายความจำเลยที่ 2 ซักค้านแต่อย่างใด

ขณะที่จำเลยที่ 1 ,4 และ 5 ให้การรับสารภาพ ว่าเป็นพนักงานภายในร้านจินหลิง ดูแลห้องเก็บสินค้าซึ่งเป็นห้องที่เก็บยาเสพติดนำไปจำหน่ายในห้องคาราโอเกะ ลักษณะของร้านมีลักษณะปิด ต้องนัดหมายก่อนถึงเข้าไปเที่ยวได้ และยาเสพติดที่พบมีปริมาณมาก เมทแอมเฟตามีน 1,063.314 กรัม และมีเคตามีน 2,709.985 กรัม เป็นอาชญากรรมร้ายแรงส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และจำเลยที่ 1 , 4 และ 5 ยังมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองด้วย 

ส่วนจำเลยที่ 5 ยังมีความผิดฐานตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต , ร่วมกันรับคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และร่วมกันให้เข้า พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

สำหรับจำเลยที่ 7 , 11 และ 12 มีความผิดฐานสนับสนุนให้มีการจำหน่ายยาเสพติด สถานที่เก็บยาเสพติด และสถานที่เสพยาเสพติด 

โดยที่จำเลยทั้ง 25ราย ไม่มีความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน เนื่องจากโจทก์ไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่า เงินที่มีการโอนไปมา หลังวันที่ 26 ตุลาคม65 เป็นเงินที่ได้จากการกระทำความผิดค้ายาเสพติดหรือไม่ กรณีจึงมีเหตุแห่งความสงสัยตามสมควร ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้ง 25 ราย

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และ 4 มีความผิดรวม 5 กระทง ฐานร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 โดยไม่ได้รับอนุญาต ลงโทษจำคุกคนละ 27 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 1,790,000 บาท 

จำเลยที่ 5 มีความผิดรวม 8 กระทง คงจำคุกรวม 28 ปี 12 เดือน ปรับ 2,600,000 บาท  จำเลยที่ 7 , 11 และ 12 มีความผิด 4 กระทง ฐานสนับสนุนช่วยเหลือจัดหาสถานที่ในการจำหน่ายยาเสพติดประเภท 1 , 2 และ 4 จำคุกคนละ 21 ปี 24 เดือน ปรับคนละ 1,766,66.66 บาท  ส่วนจำเลยที่2,3,6,8,9,10,13-25  พิพากษายกฟ้อง ริบของกลาง ส่วนคำขออื่นให้ยก 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  วันนี้ศาลเบิกตัว ตู้ห่าว จำเลยที่ 2  กับพวกที่ไม่ได้รับการประกันตัวจากเรือนจำ ส่วนพ.ต.อ.หญิง อดีตภรรยา นายตู้ห่าว จำเลยที่ 8 ซึ่งได้รับการประกันตัว เดินทางมาฟังคำพิพากษา นาน 5 กว่าตั้งแต่ช่วงเวลา 09.00 น.เศษ  - 14.00 น.เศษ 

อย่างไรก็ตามคดีนี้ ยังไม่ถือว่า สิ้นสุด โดยขั้นตอนหลังจากนี้ทางพนักงานอัยการจะต้องไปขอคัดคำพิพากษาฉบับเต็มเพื่อส่งให้อัยการศาลสูงสุดพิจารณาว่าจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาหรือไม่ เหตุที่เป็นอำนาจอัยการสูงสุดไม่ใช่อัยการศาลสูงเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร.

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top