วันพฤหัสบดี ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ศาลสั่งคุก 44 เดือน 'กฤษณ์ ณรงค์เดช'ยักยอกทรัพย์ 35 ล้าน

ศาลสั่งคุก 44 เดือน 'กฤษณ์ ณรงค์เดช'ยักยอกทรัพย์ 35 ล้าน

วันพุธ ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2568, 14.33 น.
Tag : กฤษณ์ณรงค์เดช ณพณรงค์เดช แนวหน้าออนไลน์ มรดก ยักยอกทรัพย์
  •  

ศาลแขวงพระนครใต้ สั่งจำคุก 44 เดือน ไม่รอลงอาญา "กฤษณ์ ณรงค์เดช" ยักยอกทรัพย์ 35 ล้าน ก่อนศาลให้ประกันกันตัว 4 แสน

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 68 ที่ศาลแขวงพระนครใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดี อ.1662/2566 ที่ นายณพ ณรงค์เดช บุตรชายคนกลางของตระกูลณรงค์เดช เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายกฤษณ์ ณรงค์เดช พี่ชายคนโต พร้อมพวกรวม 3 คน เป็นจำเลยที่ 1 - 3 ในความผิดฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์


โจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช มารดาของโจทก์ ขณะมีชีวิตอยู่ ได้นำที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบริเวณ ต.ศีรษะจรเข้ใหญ่ กิ่ง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ออกให้บุคคลภายนอกเช่า รวมถึงบริษัท โทลล์ โลจิสติก จำกัด ด้วย

หลังจากที่ คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 ต่อมา จำเลยที่ 1 โจทก์ และ นายกรณ์ ณรงค์เดช น้องชายคนสุดท้อง เข้าเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินผืนดังกล่าว แต่จำเลยที่ 1 ไม่เคยทำบัญชีทรัพย์มรดก และไม่นำเงินส่วนแบ่งค่าเช่าและค่าเช่าช่วง มอบให้โจทก์ตามสิทธิทั้งในฐานะทายาท และในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินข้างต้น โดยโจทก์ได้มอบหมายให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยที่ 1 จัดทำบัญชีทรัพย์มรดก และแบ่งปันทรัพย์มรดกให้เสร็จสิ้น แต่จำเลยที่ 1 กลับเพิกเฉย

ทั้งนี้ จำเลยที่ 1 มีเจตนาเบียดบังเอาค่าเช่าและค่าเช่าช่วงที่โจทก์มีสิทธิได้รับเป็นของตนและบุคคลอื่นโดยทุจริตโดยโจทก์มิได้ยินยอม ทั้งนี้ จำเลยที่ 2 - 3 ต่างก็ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นอย่างดี แต่ก็ยังสมคบกับจำเลยที่ 1 ไม่ส่งมอบเงินตามสิทธิที่โจทก์มีสิทธิได้รับให้แก่โจทก์

จำเลยทั้งสามมีเจตนาทุจริตยักยอกทรัพย์ คือ เงินค่าเช่า ของโจทก์หลายครั้งหลายหน เป็นเงินกว่า 35 ล้านบาท และโจทก์ขอให้นับโทษต่อจากคดีในศาลนี้ที่เคยพิพากศาลงโทษจำคุกไม่รอลงอาญาไว้ 12 เดือน

โดยวันนี้ศาลไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนที่มารอทำข่าวเข้าฟังคำพิพากษา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำพิพากษาสั่งจำคุก นายกฤษณ์ ณรงค์เดช จำเลยที่ 1 รวม 44 เดือน ไม่รอลงอาญา โดยจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ วงเงินประกัน 400,000 บาท

ด้าน นายณพ โจทก์ กล่าวว่า คดีนี้ตนยื่นฟ้องพี่ชายของตนอย่างนายกฤษณ์ เนื่องจากมีที่ดินแปลงหนึ่งเป็นทรัพย์สินของมารดา และมีการนำที่ดินไปให้เช่าโดยไม่บอกกล่าวกับตนเอง อีกทั้งไม่เคยแบ่งรายได้จากการเช่าที่ดินที่ตนมีส่วนได้อยู่ด้วย ก่อนหน้านี้ตนเคยยื่นฟ้องนายกฤษณ์ ที่ศาลแขวงพระนครใต้ไปแล้ว 1 คดี จากมูลเหตุลักษณะเดียวกัน ซึ่งศาลพิพากษาจำคุก 12 เดือน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์

ส่วนคดีนี้เป็นคดีที่ 2 ที่ตนยื่นฟ้องนายกฤษณ์ พี่ชาย คดียักยอกทรัพย์ ซึ่งมูลค่าสูงกว่าคดีแรก ในวันนี้ศาลมีคำสั่งพิพากษาจำคุก 44 เดือน รวม 11 กระทงๆ ละ 4 เดือน ไม่รอลงอาญา และเหตุผลที่ศาลสั่งจำคุกไม่รอลงอาญา เนื่องจากนายกฤษณ์ ยังมีพฤติการณ์ในลักษณะเดิม และหลักฐานค่อนข้างชัดเจน

นายณพ กล่าวอีกว่า ตนมีเรื่องฟ้องร้องเกี่ยวกับเรื่องมรดกตั้งแต่ปี 2561 ภายหลังจากมารดาซึ่งเป็นเจ้าของมรดกเสียชีวิต ซึ่งมรดกส่วนนี้ยังไม่มีการจัดการแบ่งให้เรียบร้อย ทั้งๆ ที่มารดาของตนเองได้ระบุรายละเอียดไว้แล้วอย่างชัดเจน และไม่มีการจัดแบ่งมรดกไว้ตามเจตนารมณ์ของมารดา ถึงแม้ว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งให้ตนเข้าเป็นผู้จัดการมรดกร่วม ก็ไม่สามารถจัดการแบ่งมรดกได้ เพราะไม่ได้รับความร่วมมือเกี่ยวกับการจัดทำรายการบัญชีทรัพย์สิน

"ตนยืนยันว่าที่ผ่านมามีการพูดคุยเจรจาเกี่ยวกับเรื่องมรดกกับนายกฤษณ์ และผู้ใหญ่ที่ตนเองนับถือหลายครั้งแล้ว แต่ไม่สามารถพูดคุยกันได้ เพราะจะต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักการและข้อเท็จจริง" นายณพ กล่าว

เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการมรดกอย่างไร นายณพ กล่าวว่า หลังจากนี้ก็ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่างที่มารดาระบุไว้ในพินัยกรรมอย่างชัดเจนว่า ทรัพย์สินบางส่วนมอบให้เป็นของลูกของตน

สำหรับเรื่องที่มีสื่อออกข่าวว่า มีการเสนอเงิน 100 ล้านบาท เกี่ยวกับเรื่องคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวทรัพย์กว่า 3 พันล้านนั้น เมื่อ 3 ปีที่แล้วตนได้ร้องเรียนอธิบดีผู้พิพากษา และรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลแห่งหนึ่ง ต่อคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) มาจากกระบวนพิจารณาที่ไม่ตรงไปตรงมา และก่อนหน้านี้ก็มีหลักฐานว่า อธิบดีผู้พิพากษาดังกล่าวได้เดินเข้าออกบ้านพี่กับน้อง ซึ่งเป็นคู่ความของตนจำนวนหลายครั้ง ซึ่งต่อมาตนและทนายความก็รู้สึกว่ากระบวนพิจารณาไม่ได้รับความเป็นธรรม อย่างเช่นมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเกินส่วน มีการอายัดหุ้นมากกว่าที่โจทก์ฟ้อง ซึ่งไม่มีข้อกฎหมายใดๆ รองรับ และมีการเปลี่ยนรองอธิบดีผู้พิพากษาที่โดนตนร้องคนดังกล่าวมาเป็นเจ้าของสำนวนตนเกือบทุกคดี จนเราร้องเรียน ก.ต.ไป จึงมีการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษา จากนั้นจะมีการพิพากษาให้ตนชนะคดี ซึ่งขณะนี้นานมากกว่า 2 ปีแล้ว แต่ปัจจุบันเงินปันผลกว่า 3.4 พันล้านบาท ก็ยังถูกอายัดอยู่ คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลทำความเดือดร้อนให้กับตนอย่างมหาศาล เนื่องจากตนต้องดูแลธุรกิจ และดูแลลูกน้อง และทำให้ธุรกิจเสียหายเป็นจำนวนมหาศาลมาก คดีนี้อยู่ระหว่างอุทธรณ์ แต่คำสั่งอายัดกลับมาจากศาลชั้นต้น ซึ่งก็มีความสับสนว่าคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเป็นอำนาจของศาลไหนกันแน่ ซึ่งทีมกฎหมายของตนกำลังดำเนินการเรื่องนี้อยู่

ส่วนผลการร้องเรียน ก.ต.ที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น ถ้าเป็นเรื่องของตนจริง ตนก็ต้องขอขอบคุณ ก.ต.ซึ่งก็ทราบจากทางสื่อว่า ก.ต.มีมติตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง แต่เรื่องข้อเท็จจริงนั้นตนไม่ทราบ ส่วนเรื่องที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวน 100 กิโลกรัม หรือ 100 ล้านบาทนั้น พอได้ฟังข่าวก็ตกใจ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่เคยทราบมาก่อน ซึ่งมาจากผลการประชุม ก.ต.ครั้งที่ผ่านมา ตอนนี้ก็คงต้องรอ

ส่วนเรื่องเงิน 100 ล้านบาท ของใคร อยากเรียนว่า ตนเป็นผู้ร้อง เป็นผู้ได้รับความเสียหาย ตอนนี้อยากทราบว่าเงิน 100 ล้านบาท มาจากไหน มาจากใคร มาจากบริษัทมหาชนหรือไม่ หรือมาจากกองมรดก เรื่องคดีนี้มีบุคคลที่เกี่ยวข้อง 3 คนเท่านั้น คือ ตน พี่ชายตน และน้องชายตน ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนให้แน่ๆ ก็คงต้องไปถาม 2 คนนั้น เรื่องนี้ตนแค่ทราบจากสื่อ ที่ร้องเรียนไปเพียงประเด็นว่าอธิบดีผู้พิพากษาเข้า - ออกบ้าน และประเด็นเกี่ยวกับการพิจารณาคดี ที่ตนเชื่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เรื่องที่อธิบดีผู้พิพากษาเข้า - ออกบ้านตน มีหลักฐานชัดเจน ซึ่งได้ส่งประกอบคำร้องไปด้วย ซึ่งที่ผ่านมาตนก็เข้าไปให้ข้อมูลทางคณะกรรมการตุลาการหลายครั้ง

ด้าน นายพิชา ป้อมค่าย ทนายความส่วนตัวของนายกฤษณ์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นเรื่องในครอบครัว และมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นที่ให้บริษัทเช่าช่วง แล้วมีเงินค่าเช่าเข้ามาสู่บัญชีของบริษัท และเข้าสู่กองมรดก ซึ่งไม่ได้จ่ายเข้าบัญชีของนายกฤษณ์ ดังนั้น เรื่องนี้จะต้องไปสู้กันในรายละเอียดที่ศาลสูงต่อไป สำหรับเรื่องที่อีกฝ่ายไปร้อง ก.ต.พวกเราไม่มีใครทราบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เลย

เมื่อถามถึงเรื่องคลิปที่นายณพ ระบุว่า มีอธิบดีผู้พิพากษาเข้า - ออกบ้านนั้น นายกรณ์ ณรงค์เดช น้องชายคนเล็ก ซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจนายกฤษณ์ กล่าวว่า เรื่องคลิปดังกล่าวตนได้ยินมานานแล้ว แต่ยืนยันว่าไม่มีเรื่องนี้แน่นอน และไม่เคยเห็นคลิปดังกล่าวด้วย ขอยืนยันว่า ตนไม่รู้จักทั้งอธิบดีผู้พิพากษา และรองอธิบดีผู้พิพากษาที่ปรากฏในข่าวแน่นอน

นายพิชัย ทนายความส่วนตัวของนายกฤษณ์ กล่าวเสริมว่า ในส่วนของประเด็นเงิน 100 ล้านบาท ตนไม่แน่ใจว่ามีการเข้าใจผิดหรือไม่ เมื่อศาลชั้นต้นยกคำร้องเรื่องบริษัท วินเอเนอร์จี้ เราจึงได้ใช้สิทธิตามกฎหมายขอให้ศาลมีการคุ้มครองต่อ และศาลพิจารณาแล้วว่าคำขอของเรามีมูลเพียงพอที่จะให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวต่อไปศาลให้เราวางเงิน 100 ล้านบาท เป็นการวางเงินประกันความเสียหายต่อศาล และเป็นเรื่องที่เราปฏิบัติตามคำสั่งศาล ไม่ได้นำไปให้บุคคลอื่นอย่างแน่นอน ซึ่งเรามีหลักฐานที่สามารถเช็คได้อยู่ในระบบ โดยเป็นคำสั่งศาลชั้นต้นที่คุ้มคริงในชั้นอุทธรณ์ เนื่องจากตอนนั้นสำนวนยังไม่ส่งไปศาลอุทธรณ์

- 006

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • คืบหน้าป่วนบอมกระบี่!! จนท.เข้าทำลาย-เก็บกู้วัตถุคล้ายระเบิด รวม 4 จุดแล้ว คืบหน้าป่วนบอมกระบี่!! จนท.เข้าทำลาย-เก็บกู้วัตถุคล้ายระเบิด รวม 4 จุดแล้ว
  • ปลอดภัยแล้ว!! EOD เก็บกู้ทำลายวัตถุต้องสงสัยซุกหน้าผาแหลมพรหมเทพอีก 1 ลูก ปลอดภัยแล้ว!! EOD เก็บกู้ทำลายวัตถุต้องสงสัยซุกหน้าผาแหลมพรหมเทพอีก 1 ลูก
  • ลามเข้ากระบี่!! จนท.ส่ง EOD ตรวจหลายจุดสำคัญในพื้นที่ พบวัตถุต้องสงสัยหลายจุด ลามเข้ากระบี่!! จนท.ส่ง EOD ตรวจหลายจุดสำคัญในพื้นที่ พบวัตถุต้องสงสัยหลายจุด
  • เจออีก!! จนท.ยิงทำลายวัตถุต้องสงสัยฝังทรายหาดป่าตอง ใกล้ป้อมตำรวจบางลา เจออีก!! จนท.ยิงทำลายวัตถุต้องสงสัยฝังทรายหาดป่าตอง ใกล้ป้อมตำรวจบางลา
  • ตร.เข้าจับกุมแรงงานต่างด้าว ขณะเล่นไพ่วิ่งหนีกันกระเจิงในพื้นที่คลองหลวง ตร.เข้าจับกุมแรงงานต่างด้าว ขณะเล่นไพ่วิ่งหนีกันกระเจิงในพื้นที่คลองหลวง
  • รวบหัวโจกแก๊ง\'สินเชื่อเงินด่วน\' หนีหมายจับ กบดานแหล่งพักยากลางหุบเขา รวบหัวโจกแก๊ง'สินเชื่อเงินด่วน' หนีหมายจับ กบดานแหล่งพักยากลางหุบเขา
  •  

Breaking News

‘ชาวชำราก’ตราดตื่นตัว! ซ้อมอพยพทั้งตำบล ทหารย้ำสถานการณ์ไม่น่าไว้ใจ

'ชัยวุฒิ' ซัดเดือด! คนตรงข้าม 'ทหาร' จบไม่ดีเเน่นอน

มทภ.4 กำชับเจ้าหน้าที่คุมเข้มพื้นที่ จชต. เน้นเมืองเศษฐกิจ

'ดิว อริสรา'ลุกขึ้นสู้! แจงเป็นมือใหม่หัดไลฟ์สด ขอบคุณจากใจที่ทุกคนให้โอกาส

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved