รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้าฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น....เรื่องของการเมือง ณ ห้วงเวลานี้ ทุกภาคส่วนของสังคมไทย ต่างให้ความสนใจ ในการติดตามความเคลื่อนไหวของการปรับครม.อุ๊งอิ๊งค์ 2 เพราะกระแสข่าวการปรับครม. ถูกสื่อทุกแขนงนำมาเสนอจนกลายเป็นข่าวทุกชั่วโมง รวมทั้งกูรูทางการเมือง ทุกสำนัก ต่างก็ออกมาฟันธงว่า เพื่อไทย กำลังไปไม่รอด การที่จะอยู่รอด เพื่อให้ แพทองธาร ชินวัตร สามารถไปต่อในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อไป มีทางเดียวคือการปรับครม. ซึ่งกลายเป็นว่าการปรับครม.ครั้งนี้ อาจจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประชาชน แต่เป็นการปรับ เพื่อให้ แพทองธาร ชินวัตร มีความมั่นคงในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะเพื่อไทย ยังไม่พร้อมที่จะยุบสภา เพื่อการเลือกตั้งครั้งใหม่......แต่สุดท้าย เมื่อดูลมล่าง ลมบน และพยากรณ์อาการทางการเมือง ยังเชื่อว่าการปรับครม.ครั้งนี้ เป็นการปรับเล็ก
ในส่วนของเพื่อไทย เพื่อเป็นการพยายามที่จะตอบโจทย์ เรื่องของปัญหาปากท้องของประชาชนที่เดือดร้อนทั้งแผ่นดิน จากความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลเพื่อไทย ที่ทำให้เกิดสภาวะ ที่สินค้าอุปโภค-บริโภค แพงทั้งแผ่นดิน ในขณะที่ผลผลิตทางการเกษตรอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า ถูกทั้งแผ่นดิน ส่วนค่าแรง ค่าจ้าง ไม่สามารถปรับขึ้นได้ เพราะถูกขัดขวาง โดยกลุ่มทุน จนทำให้ปรับค่าแรงไม่ได้ และหากมีการปรับเฉพาะในส่วนของเพื่อไทย ก็ไม่น่าจะช่วยให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลดีขึ้น เพราะนักการเมืองที่เห็นหน้าค่าตา ว่าจะมาเป็น เสนาบดีกระทรวงต่างๆ ที่เป็นของเพื่อไทย ไม่ได้มีชื่อชั้น ในการเป็นมือดีที่ดีกว่า ผู้เป็นเสนาบดีที่ถูกปรับออก จึงกลายเป็นการปรับครม.ของเพื่อไทย ที่หากเป็นการปรับเล็ก เฉพาะในส่วนของเพื่อไทย เป็นเรื่องสมบัติผลัดกันชม ที่อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ กับปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน.....ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ จากผู้ที่ตั้งว่าเป็นกูรูที่รู้ทุกเรื่อง ที่ออกมาจ้อผ่านรายการทีวีทุกช่อง ว่าการปรับครม.ครั้งนี้ จะมีการเตะทิ้ง พรรคร่วมอย่าง ภูมิใจไทย ในฐานะ ที่ทำตัวเป็น ภูมิใจขวาง นโยบายของเพื่อไทย นั้น เชื่อเถอะ เพื่อไทย คิดได้ แต่ไม่กล้าทำ เพราะระหว่างเพื่อไทย กับภูมิใจไทย ยังมีหลายอย่าง ที่ยังต้องพึ่งพาอาศัย ในการขับเคลื่อนของรัฐนาวา ที่นำโดย อุ๊งอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร ดังนั้น ภูมิใจไทย ยังคงเป็นพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป และเพื่อไทย ก็ไม่กล้าที่จะยึดมหาดไทย คืนจาก ภูมิใจไทย แม้ นายกรัฐมนตรีจะมีอำนาจในการปรับครม.โดยไม่ต้องบอกกล่าว กับพรรคร่วม เช่นเดียวกับพรรคร่วมอื่นๆ ที่ยังคงเกาะเก้าอี้ ในตำแหน่ง เสนาบดี กระทรวงต่างๆ ต่อไป ดังนั้น คนไทยจึงต้องทำใจ กับการปรับครม.ครั้งนี้ว่า ไม่ได้ทำให้ประเทศชาติ และประชาชนดีขึ้น.....ยกเว้น ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นสทร.กล้าที่จะหักดิบ ลูกสาวของตนเอง และพรรคร่วม โดยใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีในการหักด้ามพร้าด้วยหัวเข่า ด้วยการปรับใหญ่ ยึดเอากระทรวงสำคัญ อย่างมหาดไทย, ศึกษาธิการ จาก ภูมิใจไทย และยึดกระทรวงพลังงานจาก รวมไทยสร้างชาติ กลับมาเป็นของเพื่อไทย เพื่อเป็นการกดดันให้พรรคที่ไม่พอใจ ลาออกจากการร่วมรัฐบาล โดยไม่ต้องเขี่ยออก ซึ่งหากมีการปรับใหม่อย่างนี้ ก็เชื่อได้ว่า ทักษิณ ชินวัตร มีแผนในการขับเคลื่อนนำรัฐนาวา ของเพื่อไทย โดย แพทองธาร ชินวัตร โดยพร้อมที่จะรับแรงกระแทกทางการเมือง และสูตรนี้ เป็นการกระชับอำนาจ เพื่อให้เพื่อไทยได้ทำตามนโยบายที่ต้องการ และเตรียมที่จะยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน เพื่อเลือกตั้งใหม่.... นั้นเป็นเรื่องปรับครม. ที่ถูกสร้างให้เป็นกระแส จาก สื่อมวลชน และกูรูทางการเมือง ที่ทำตัวเป็นพยาธิในท้องของบุรุษที่เป็นสทร. ซึ่งคนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ อาจจะถูก สรท. หัวเราะก๊าก หรือขำกลิ้ง เพราะสุดท้ายการปรับครม.เป็นไปตามสูตรของสทร. ที่ไม่เหมือนกับการวิพากษ์วิจารณ์ ของสื่อมวลชน และกูรู ทางการเมือง ก็เป็นได้ และอาจจะไม่ใช่การปรับครม. ในเร็วๆ นี้ ก็เป็นได้ เพราะการเมืองในสมัยการปิดประชุมสภาฯ ไม่มีผลทางการเมือง จึงไม่ต้องเร่งร้อน รอให้กระแสและความอยาก ของคนการเมืองหมดไปก่อน จึงค่อยปรับครม.
ก็ไม่สาย ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม....งานกาชาด ซึ่งเป็นงานที่จัดยิ่งใหญ่ระดับจังหวัดของแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ แต่สิ่งหนึ่งที่ภายในงานไม่ควรจะให้มีนั้นก็คือการพนันไม่ว่าจะเป็นการพนันประเภทไหนก็ไม่ควรจะอนุญาตให้มีในงานกาชาด เฉพาะการจำหน่ายบัตรกาชาด ก็มากพอแล้ว ภายในงานควรจะเป็นการละเล่น ขายสินค้า ชิงช้า ม้าหมุน ดนตรี ก็น่าจะพอแล้ว....ตู้ไฟฟ้าเล่นการพนันที่ด่านนอก หรือบ้านไทยจังโหลน อ.สะเดา จ.สงขลา ข้างโรงแรม โอรีเวอร์ เปิดให้เล่นการพนันกว่า 10 ตู้ และทั้งด่านนอกมีประมาณเกือบ 50 ตู้ เล่นการพนันกัน เจ้าหน้าที่ไม่กล้าจับ เพราะมีคนอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เป็นเจ้าของ งานนี้ พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา ลองส่งตำรวจมือดีเจ้าตรวจสอบหน่อยครับ…น้ำมันเถื่อนลอบขนจาก อ.สะเดา จ.สงขลา โดย นายทุนใหญ่ ชื่อ แบงค์ เจ้าของคอกน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ ส่งน้ำมันเถื่อนไปให้ นายทุนชื่อโก ที่ท่าอุแท ตำบลทุ่งกง อำเภอกาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนนำขายทั่วภาคใต้ และทั่วจ.สุราษฎร์ธานี... ส่วนบ่อนการพนัน โปปั่น เปิดใหญ่โตที่บ้านโคกทราย อ.ป่าบ่อน จ.พัทลุง ยังคงเปิดต้อนรับเซียนพนันให้เข้าไปเล่นพนันกัน ท่าน พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง จะทราบไหมครับ…
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี