ปิดฉากคดี! สะเทือนขวัญ ‘ยิง-เผานั่งยาง 3 ศพ’ กลางสวนปาล์มน้ำมัน นำ 4 ผู้ต้องหาชี้จุดก่อเหตุ ญาติคนตายรุมสาปแช่ง ทำไอ้บิน-ไอ้แจ็ค ต้องขอโทษครอบครัว ก่อนนำตัวส่งฝากขังศาล ผู้การภาค 9 ยันหลักฐานแน่นหนา สั่งรื้อคดีเก่า ฟ้องเพิ่มโทษ ด้านลูกชายโกเชษฐ์ ลั่นไม่มีใครสำนึกผิด เดนคนฆ่ามาแล้ว 8 ศพ วอนต้องได้รับโทษประหารชีวิตจริงๆเสียที
17 พ.ค.68 เมื่อเวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พร้อมด้วย พล.ต.ต ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผบก.ภ.จว.ตรัง พ.ต.อ. ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9 พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผกก. สส.ภ.จว.ตรัง ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุคนร้ายจำนวน 4 คนร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงก่อนฆ่าเผานั่งยาง นายสุรเชษฐ์ ล้วนเกียรติขจร หรือโกเชษฐ์ อายุ 69 ปี ผู้จัดการสวนปาล์มน้ำมัน และลูกน้อง คือ นายอนันต์ โตชนก อายุ 49 ปี และนายวีระยุทธ ตั้นหนูลา อายุ 41 ปี ภายในสวนปาล์มน้ำมันหมู่ 1 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง
พร้อมกับควบคุมตัว หัวหน้าแก๊ง คือ นายศุภกรณ์ รักวิวัฒน์ หรือ ‘ไอ้บิน ควนกุน’ อายุ 37 ปี นายปิยะศักดิ์ สุวรรณมณี หรือแจ็ค อายุ 33 ปี (มือยิง) นายจรณชัย สมาธิ หรือแต้ม อายุ 32 ปี นายระพีพันธุ์ บุญเกื้อ หรือเถือก อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาทั้งหมดมาชี้จุดเกิดเหตุ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.9 กก.สส.ภ.จว.ตรัง และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (หน่วยสวาทศรีตรัง) คุ้มกันอย่างแน่นหนา เนื่องจากมีญาติของผู้เสียชีวิตได้มาเฝ้ารอดูหน้าของผู้ก่อเหตุ ในจังหวะหนึ่งระหว่างนำตัวผู้ก่อเหตุเดิน ญาติของผู้เสียชีวิตได้มีการชี้หน้ารุมด่าและสาปแช่งกลุ่มผู้ก่อเหตุ
โดย นายศุภกรณ์ หรือ ‘ไอ้บิน ควนกุน’ และลูกน้องได้ชี้จุด ขณะที่ นายสุรเชษฐ์ หรือ โกเชษฐ์ ขับรถเข้ามาในสวนปาล์มน้ำมันจำนวน 170 ไร่ ที่โกเชษฐ์เป็นผู้จัดการอยู่ โดยมีลูกน้องนั่งอยู่บริเวณท้ายรถกระบะ ก่อนที่โกเชษฐ์ได้พูดคุยกับนายบิน แต่ปรากฏว่าจังหวะนั้นโกเชษฐ์คล้ายกับลอกชายเสื้อขึ้นมา ส่วนลูกน้องโกเชษฐ์ได้ลุกขึ้นถือมีดจากท้ายรถ ก่อนทีมนายบินจะใช้ปืนยิงลูกน้องโกเชษฐ์ทั้ง 2 คนบาดเจ็บ จากนั้นบังคับให้โกเชษฐ์ ขับรถยนต์กระบะไปยังภายในขนำภายในสวนปาล์ม 36 ไร่ที่นายบินเป็นผู้จัดการอยู่ โดยให้ทั้งหมดนั่งท้ายกระบะ ก่อนที่นายแจ็ค หนึ่งในลูกน้องนายบินจะบังคับขู่เข็นให้ นายอนันต์ โตชนก หนึ่งในลูกน้องของโกเชษฐ์ ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บอยู่ ให้โอนเงินจำนวน 4 หมื่นบาทเข้าบัญชีภรรยาของนายแจ็ค ซึ่งในช่วงนั้นนายอนันต์ ได้พยายามอ้อนวอนให้นายแจ็คไว้ชีวิต แต่ปรากฏว่าหลังโอนเงินเสร็จสิ้น นายแจ๊คได้ใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม. ของโกเชษฐ์ยิงโกเชษฐ์และลูกน้องจนเสียชีวิตคาขนำ ก่อนจะขับรถนำพาทั้ง 3 ศพที่เสียชีวิตอยู่ท้ายกระบะ ยกศพลงไปในร่องคูน้ำ ซึ่งเป็นเขตแบ่งแดนระหว่างสวนทั้งสองสวนที่อยู่ติดกัน
พร้อมกับนำไม้มาพาดรองไว้ในร่องน้ำ โดยที่นายแต้ม และ นายเทือก เป็นผู้ไปจัดหายางรถยนต์มาใช้เผานั่งยาง แต่ปรากฏว่าระหว่างที่จุดไฟเผาอยู่นั้น โกเชษฐ์ซึ่งยังไม่เสียชีวิต พยายามตะเกียกตะกายหนีความตายขึ้นมาจากร่องน้ำ ที่มีไฟกำลังท่วมร่างอยู่ ทำให้นายแจ็คซึ่งนั่งเฝ้าและเห็นเข้าจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงซ้ำเข้าไปอีก 2 นัดจนทำให้โกเชษฐ์เสียชีวิต และได้ใช้ไม้เขี่ยร่างโกเชษฐ์กลับเข้าไปในกองเพลิงอย่างโหดเหี้ยม
ซึ่งในระหว่างชี้จุด นายบินได้ พูดบอกว่า ตนเองรู้สึกเสียใจ ไม่อยากจะทำเช่นนี้ ไม่ใช้เหตุผลเพราะลักขโมยปาล์ม เพราะตนก็คุมสวนปาล์มเอง 3-4 พันไร่มันก็มากแล้ว แต่บังเอิญวันนั้นมาเจอและมีปากเสียงกันเรื่องปาล์ม ไม่เคยรู้จักโกเชษฐ์มาก่อนเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป อยากให้เขารู้ด้วยว่าสิ่งที่ทำลงไปไม่ใช่จะตั้งใจ พร้อมขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต ส่วนนายแจ็ค ก็ได้ยกมือไหว้ขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย
พล.ต.ท. ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 กล่าวว่า คดีนี้ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญ พยานหลักฐานทุกอย่าง ที่รวบรวมมาได้ ละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์และสามารถมัดตัวผู้ก่อเหตุแน่นหนา ประกอบกับผู้ต้องหารับสารภาพและชี้จุดทุกจุดจนครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งผู้ต้องหาก็มีหมายเก่าอยู่หลายคน ก็จะรื้อหมายเก่าออกมาประกอบกับในคดีนี้ พร้อมสั่งให้ฟ้องเพิ่มโทษกับผู้ต้องหา ส่วนสาเหตุก็มาจาก เรื่องขัดแย้งผลประโยชน์ในสวนปาล์มน้ำมัน ผู้ต้องหาก็พยายามสร้างเครือข่าย ต้องการที่จะคุมพื้นที่มีรายได้จนกระทำเช่นนี้ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นผู้มีอิทธิพล
ส่วนศพที่ 4 ที่พบเป็นโครงกระดูกอยู่ห่างจากจุดเผา 3 ศพไป 300 เมตรนั้น ทางตำรวจได้ทำเป็นคดีชันสูตร โดยดำเนินการแยกเป็นอีก 1 คดี จากในเบื้องต้นนายบินยอมรับว่าเป็นคนลงมือฆ่าเองคนตายคือ นายศุภฤกษ์ ขุนทอง หรือ กาด อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นชายวิกลจริต สติไม่สมประกอบ เหตุที่นายบินอ้างฆ่าเพราะผู้ตายพยายามที่จะใช้มีดยาวไล่ฟัน ก่อนจะยิงและนำไปฝั่งไว้
ขณะเดียวกัน ทางบรรดาญาติของโกเชษฐ์ ที่เดินทางมาเฝ้าดูการชี้จุดของผู้ก่อเหตุ ได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมและดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมดในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมกับกล่าวว่า ผู้ก่อเหตุทำโดยตั้งใจไตร่ตรองมาก่อน ช่วงจังหวะก่อเหตุได้มีการพยายามฆ่าเพื่อให้ทรมานก่อนและฆ่า และมีการร้องขอชีวิต รวมทั้งบังคับให้โอนเงิน วันนี้พาตัวมาชี้จุดมีการคุ้มครองผู้ต้องหา แต่ไม่มีการคุ้มครองจิตใจญาติคนตาย และอยากฝากนักข่าวว่าในเรื่องของการเซ็นเซอร์หน้าควรเซ็นเซอร์หน้าผู้ตายไม่ใช่หน้าคนร้าย วันนี้เห็นห้าคนร้ายมันแทบไม่สำนึกเลย คนอย่างนี้ไม่มีคำว่าสำนึกอยู่แล้ว อยากถามคนร้ายว่าเงินแค่นี้ สิทธิในการดูแลสวนปาล์มถึงกับต้องฆ่ากันเลยหรอ ทำตัวเป็นโจรรีดไถ่ไปเรื่อย ไม่พอใจก็ยิงทิ้ง มันไม่ใช่คนแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ก่อคดีฆ่าคนมา 4 คนแล้ว และครั้งนี้อีก 4 คน รวมเป็น 8 ศพ การันตีได้ว่าผู้ก่อเหตุไม่ใช่คนแล้ว เป็นอมนุษย์ เป็นเดนคนไปแล้ว จึงอยากให้ดำเนินคดีให้ทิ้งที่สุด อยากให้ได้รับโทษประหารชีวิตไปเลย ไม่ใช่ติดคุกแค่ไม่กี่ปี แต่ออกมาเดินไล่ยิงชาวบ้านคนอื่นอีก
จากการตรวจสอบประวัติคดีอาญาที่ผ่านมา นายศุภกรณ์ หรือ ‘ไอ้บิน ควนกุน’ ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง ในปี 2553 ขณะอายุ 23 ปี เคยต้องคดีฆ่าผู้อื่น ในพื้นที่ สภ.ห้วยยอด , ในปี 2553 (ปีเดียวกัน) เคยต้องคดี ฆ่าผู้อื่น ในพื้นที่ สภ.วังวิเศษ ,ปี 2557 เคยต้องคดีตัวการในข้อหาฆ่าผู้อื่น , ตัวการในข้อหามีเครื่องกระสุนปืน ในพื้นที่ สภ.วังวิเศษ ,ปี 2557 เคยต้องคดีฆ่าผู้อื่น ในพื้นที่ สภ.สิเกา และ ปี 2557 เคยต้องคดี เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ในพื้นที่ สภ.สิเกา
อย่างไรก็ตาม นายศุภกรณ์ หรือ ‘ไอ้บิน ควนกุน’ ในอดีตเคยต้องคดีฆ่าผู้อื่นมาแล้วจำนวน 4 ศพ และเหตุการณ์ครั้งล่าสุดอีก 4 ศพ รวมทั้งหมดเป็น 8 ศพ
009
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี