“องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ”ออกโรงจี้รัฐบาลเร่งแจงความคืบหน้าผลสอบสวนเหตุตึก สตง.ถล่ม หลังเกิดเหตุมาแล้ว 50 วัน กระทุ้งล่าตัวคนมีอำนาจสั่งการ-ผู้บงการเบื้องหลัง มาดำเนินคดีให้ได้ หวั่นสาวไม่ถึงตัวใหญ่ จบแค่ผู้รับเหมา
เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ผ่านมาแล้วกว่า 50 วันนับตั้งแต่เกิดเหตุสะเทือนขวัญ อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พังถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงโศกนาฏกรรมที่คร่าชีวิตและสร้างบาดแผลทางกายและใจแก่ประชาชนจำนวนมาก แต่ยังทำลายทรัพย์สิน มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ที่เป็นเงินภาษีของประชาชน
นายมานะกล่าวต่อว่า สำคัญที่สุดได้พังทลายความเชื่อมั่นต่อมาตรฐานความปลอดภัยและความโปร่งใสในโครงการภาครัฐทั่วประเทศ แม้ขณะนี้จะจับผู้ต้องหาถึง 17 ราย แต่สิ่งที่สังคมยังกังวลคือกระบวนการสอบสวนและทำสำนวนคดีที่อาจไม่รัดกุมเพียงพอ อาจนำไปสู่การที่ผู้ทำผิดบางราย หรือแม้แต่ทั้งหมด หลุดพ้นจากความรับผิด เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
“การเอาผิดต้องไม่หยุดเพียงระดับผู้รับเหมา หรือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ แต่ต้องขยายผลไปถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจ ผู้อนุมัติงบประมาณ ผู้ตรวจรับงาน และผู้ที่มีบทบาทเอื้อประโยชน์จนก่อให้เกิดความเสียหาย การออกหมายจับผู้ต้องหาเพียงไม่กี่ราย ยังไม่อาจเรียกได้ว่าความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย หากยังไม่มีใครกล้าตั้งคำถามถึงตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง อย่างตอนนี้ไม่ปรากฏข้อมูลว่าหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องแบ่งหน้าที่สืบค้นข้อมูลกันอย่างไร ทั้งตำรวจ ดีเอสไอ กรมโยธาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม ฯลฯ” ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าว
และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการอย่างเร่งด่วนดังนี้ 1.ตั้งตัวแทนรัฐบาลที่มีอำนาจหน้าที่ชัดเจนในการประสานงาน รวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนต่อสาธารณะให้ประชาชนทราบ ต้องเปิดโปงผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลัง และเร่งรัดกระบวนการดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องเด็ดขาด 2.ประกาศมาตรการป้องกันชัดเจน ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำในอนาคต พร้อมตรวจสอบโครงการก่อสร้างภาครัฐทั้งหมดอย่างเข้มข้น และลงโทษผู้ละเลยความปลอดภัยโดยไม่ละเว้น
นายมานะยังเรียกร้องให้รัฐบาลเอาจริง ด้วยการจับตัวนายทุนต่างชาติให้ได้ เพราะเป็นตัวเชื่อมกับผู้บงการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ทั้งนี้ ดีเอสไอ ปปง. สามารถใช้อำนาจของกฎหมายฟอกเงินตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายทุนจีนคนนี้ช่วง 3-4 ปีทีผ่านมาได้ว่า เกี่ยวข้องกับใครบ้าง และกรมสรรพากรสามารถช่วยตรวจสอบการเสียภาษีเงินได้บุคคลของผู้ต้องสงสัยได้อีกด้วย
ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯกล่าวด้วยว่า ถ้ารัฐบาลยังเพิกเฉย ไม่แสดงความคืบหน้า ไม่เปิดเผยข้อมูล และไม่ดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้อง องค์กรฯจะร่วมกับภาคประชาชนเปิดเผยข้อมูลที่มีอยู่ต่อสาธารณชน และยกระดับผลักดันทุกมิติ เพื่อให้ความจริงปรากฏ คนผิดต้องได้รับโทษตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ บริษัทเอกชน หรือผู้มีอิทธิพล เพราะความเงียบเท่ากับการสมรู้ร่วมคิด และการไม่ยืนหยัดเพื่อความจริงคือ การทรยศต่อประชาชน
ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯยังเผยแพร่บทความ “สังคมไทยได้เห็นอะไรหลังตึกสตง.ถล่ม” ผ่านเพจองค์กรมีสาระสำคัญ เพื่อเป็นการทบทวนว่าเหตุน่าเศร้านี้ทำให้สังคมไทย “ตาสว่าง” มากขึ้นหลายประการในด้านใดบ้าง โดยเฉพาะคอร์รัปชันในงานก่อสร้างภาครัฐ ที่นำมาสู่วิกฤติศรัทธาในวงการก่อสร้างไทยเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพทั้งวิศวกรและสถาปนิก แค่ไหนคือความเหมาะสมของการใช้เงินแผ่นดินและอำนาจขององค์กรอิสระ ฯลฯ ส่วนสาเหตุที่ตึก สตง. ถล่มเป็นไปได้ทั้งคอร์รัปชันบวกความชุ่ยของคนรวมกัน แต่แน่นอนประชาชนเชื่อว่า เรื่องนี้มาจากการคอร์รัปชันในภาครัฐที่มักมีนักการเมือง และข้าราชการเกี่ยวข้องด้วยเสมอ
“น่าเสียดายที่นายกฯพลาดโอกาสแสดงศักยภาพผู้นำ เมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤต ไม่ประกาศความรับผิดชอบต่อทุกข์สุขประชาชน ไม่แสดงความมุ่งมั่นในนามรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไร” ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี