สภา กทม. หารือแก้ไขปัญหาการทิ้งขยะลงแม่น้ำและปล่อยน้ำเสียจากแหล่งโรงงานร่วมกับ อบจ.ฉะเชิงเทรา

เมื่อวันที่ 21 พ.ค.68 นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร นำคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมหารือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา ตามโครงการแลกเปลี่ยนความรู้ความร่วมมือบูรณาการการบริหารจัดการกรุงเทพมหานครร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดปริมณฑลที่เป็นรอยต่อกับกรุงเทพมหานคร ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยประเด็นสำคัญที่ร่วมหารือในครั้งนี้ คือ แนวทางการแก้ไขปัญหาการทิ้งขยะลงแม่น้ำ ลำคลอง การปล่อยน้ำเสียจากแหล่งโรงงาน และครัวเรือน ลงแม่น้ำ ลำคลอง

“กรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ฝ่ายบริหาร โดยมีผู้ว่าฯ ชัชชาติ และฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งมีประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ 2 ท่าน และ ส.ก.ที่มาจาก 50 เขต หน้าที่สำคัญของสภา กทม. คือการติดตาม แนะนำและตรวจสอบฝ่ายบริหาร รวมถึงการพิจารณาอนุมัติงบประมาณของ กทม. วันนี้ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีที่ทั้งสองหน่วยงานจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน นำ Case Study ที่ทั้ง2พื้นที่มี มาApply ประยุกต์ให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน” ประธานสภากทม.กล่าว

นายสุรจิตต์  กล่าวเพิ่มเติมถึงข้อกฎหมายที่สภากรุงเทพมหานครได้ให้ความเห็นชอบและมีผลประกาศบังคับใช้เร็ว ๆ นี้ 2 เรื่อง คือข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูล หรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. 2562  ซึ่งจะบังคับใช้ 1 ต.ค.นี้ เป็นการเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมการเก็บขนและกำจัดขยะ จากเดิม 20 บาท เป็น 60 บาท อย่างไรก็ตามประชาชนสามารถจ่ายค่าเก็บขนในอัตราเดิม คือ 20 บาท ได้ง่ายๆ เมื่อลงทะเบียนและร่วมคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง สำหรับข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครที่สภากรุงเทพมหานครให้ความเห็นชอบอีกเรื่อง คือ ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2567 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 10 ม.ค.69 เพื่อควบคุมการเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะสุนัขและแมวให้เหมาะกับพื้นที่อยู่อาศัย เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนรำคาญจากปัญหาสัตว์จรจัดที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมานานหลายปี

นายกลยุทธ ฉายแสง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้กล่าวต้อนรับคณะสภากรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกล่าวถึงภารกิจหน้าที่ของทั้งสององค์กร โดยกรุงเทพมหานครมีภารกิจหน้าที่ตามกฎหมายที่แตกต่างจาก อบจ. ซึ่งคนกรุงเทพฯ อาจจะไม่เข้าใจการปกครองท้องถิ่น การมาพูดคุย พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จึงมีความสำคัญที่จะทำให้เข้าใจการทำงานระหว่างกัน และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาพื้นที่เพื่อประชาชนต่อไป

นายไพรินทร์ หนูมาก ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับคณะสภากรุงเทพมหานคร ในโอกาสแลกเปลี่ยนเรื่องของสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ทั้งพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรากว่าครึ่งหนึ่งอยู่ติดกับกรุงเทพมหานคร และเกินกว่าครึ่งเป็นลำคลอง ซึ่งปัจจุบันรูปแบบและบริบทของคลองได้เปลี่ยนไปมาก ถึงแม้ในเรื่องงบประมาณและกฎหมายจะแตกต่างกัน แต่สภา กทม. และสภา อบจ.ฉะเชิงเทรา มีสิ่งที่เหมือนกัน คือ อำนาจในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร การคานอำนาจระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ และการนำปัญหาควาทเดือดร้อนของประชาชนมาผลักดันให้ฝ่ายบริหารนำไปแก้ไข

ด้าน นางกนกนุช กลิ่นสังข์ ส.ก.เขตดอนเมือง ในฐานะรองประธานคนที่ 2 คณะกรรมการรักษาความสะอาดและสิ่งแวดล้อม สภากทม. กล่าวว่า ถึงแม้จะมีกฎหมายกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น แต่ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถกระจายอำนาจแบบเบ็ดเสร็จได้ รวมถึงเรื่องงบประมาณด้วย กทม.เองก็มีปัญหาที่เกิดจากประชากรแฝงจำนวนมาก ฉะนั้น หากมีการบูรณาการร่วมกันระหว่างท้องถิ่นที่มีอาณาเขตติดต่อกัน โดยไม่ขัดกับระเบียบและกฎหมาย จะทำให้การบริหารพื้นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและคณะผู้แทนหน่วยงานที่ร่วมประชุม ประกอบด้วย นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร นางสาวเมธาวี ธารดำรงค์ ส.ก. เขตปทุมวัน ในฐานะประธานคณะกรรมการการพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม นายธนวัฒน์ เชิดชูกิจกุล ส.ก. เขตประเวศ ในฐานะประธานคณะกรรมการการวัฒนธรรม การท่องเที่ยวและการกีฬา นางกนกนุช กลิ่นสังข์ ส.ก. เขตดอนเมือง ในฐานะรองประธานคณะกรรมการการรักษาความสะอาดและสิ่งแวดล้อม นางลักขณา ภักดีนฤนาถ ส.ก. เขตตลิ่งชัน ในฐานะรองประธานคณะกรรมการการศึกษา นางสาวนภัสสร พละระวีพงศ์ ส.ก. เขตบางกะปิ นายอานุภาพ ธารทอง ส.ก. เขตสาทร นางวรนุช สวยค้าข้าว รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม และ นายปวินท์สรรค์ กัลยาณพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดการคุณภาพน้ำ สำนักการระบายน้ำ

037