ศาลนนทบุรีพิพากษาคดี‘แตงโม’

ยกฟ้อง4จำเลย

ข้อหาประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต

ชี้ดาราสาวเดินไปท้ายเรือเอง

‘แซน-จ๊อบ-กระติก-เอ็ม’เฮ

DSIลุยต่อนัดถกด่วน27พ.ค.

ศาลจังหวัดนนทบุรี ยกฟ้อง 4 จำเลย คดีแตงโม ไม่ได้ประมาท ปมแตงโมพลัดตกสปีดโบ๊ทจมแม่น้ำดับ ทนายเดชา ระบุไม่มีประจักษ์พยาน ศาลเชื่อแตงโมเดินไปท้ายเรือจนพลัดตกเอง สั่งลงโทษ‘จ็อบ’แค่ข้อหาแจ้งความเท็จฯ-ทิ้งสิ่งปฏิกูลฯ สั่งจำคุก 2 เดือน-ปรับ 8 พันบาท ให้รอลงอาญา ด้าน‘แม่แตงโม’ยังคาใจ ไม่เชื่อคนในเรือไม่มีส่วนร่วม รอปรึกษาอัยการ จ่อยื่นอุทธรณ์คดี ภายใน 1 เดือน

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้นัดฟังคำพิพากษาคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา หรือนิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ดาราสาว ที่เสียชีวิตจากการพลัดตกเรือสปีดโบ๊ท ตกไปในแม่น้ำเจ้าพระยา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งอัยการจังหวัดนนทบุรี เป็นโจทก์ และนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของแตงโม เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้องนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน นายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หรือจ๊อบ น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก และนายภีม ธรรมธีรศรี หรือเอ็ม ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานทำลาย พยานหลักฐานในการกระทำความผิด เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทยฯ โดยจำเลย 4 ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา

สำหรับคดีดังกล่าวมีการแยกฟ้องจากคดีของนายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือปอ และนายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือโรเบิร์ต ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลจังหวัดนนทบุรี มีคำพิพากษาจำคุกในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยสั่งจำคุกนายตนุภัทร เป็นเวลา 5 ปี 8 เดือน ปรับ 128,000 บาท และจำคุกนายไพบูลย์ เป็นเวลา 4 ปี 4 เดือน ปรับ 108,000 บาท โดยจำเลยทั้งสองรับสารภาพ และได้ชดเชยค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหาย ศาลจึงลดโทษนายตนุภัทร กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 9 เดือน ปรับ 64,000 บาท และให้รอการลงโทษเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยให้รายงานตัวบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมและสาธารณะ ส่วนนายไพบูลย์ ศาลลดโทษให้คงจำคุก 2 ปี 2 เดือน ปรับ 54,000 บาท และให้รอการลงโทษเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยให้รายงานตัวบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมและสาธารณะ

ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่าย ที่นำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่านายนิทัศน์ จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 119 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานทำให้เสียหาย ทำลาย พยานหลักฐานในการกระทำความผิด เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ จำคุก 4 เดือน ปรับ 16,000 บาท, ฐานเท ทิ้ง หรือทำด้วยประการใดๆ ให้หิน กรวด ทราย ดิน โคลน อับเฉา สิ่งของหรือสิ่งปฏิกูลใดๆ ลงในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ หรือทะเลสาบอันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันหรือทะเลภายในน่านน้ำไทย อันจะเป็นเหตุให้เกิดการตื้นเขิน ตกตะกอนหรือสกปรกโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท รวมจำคุก 6 เดือน และปรับ 24,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสกลับตนเป็นพลเมืองดี จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ทั้งนี้ หากจำเลยที่ 2ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก

ส่วนจำเลยอื่นๆ คือนายวิศาพัช น.ส.อิจศรินทร์ และนายภีม จำเลยที่ 1 , 3 และ 4 พิพากษายกฟ้อง กับยกคำร้องโจทก์ร่วมที่ขอให้บังคับจำเลย ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย

ต่อมานายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนางภนิดา มารดาของแตงโม กล่าวภายหลังรับฟังคำพิพากษาคดี ว่าเหตุที่ศาลยกฟ้อง เพราะบนเรือไม่มีประจักษ์พยาน ที่ศาลยกฟ้องเพราะแตงโม เดินไปท้ายเรือและเสี่ยงภัยเอง โดยตกท้ายเรือถือเป็นความผิดของผู้ตายเอง โดยแซน จะช่วยแล้ว แต่ช่วยไม่ได้ เพราะน้ำแรง คดีนี้ 3 คนบนเรือต่อสู้คดีว่าไม่ได้ประมาท โดยระบุว่าเป็นผู้โดยสารบนเรือ ไม่มีกฎหมายระบุในเรื่องนี้ที่ต้องดูแลคนอื่น มีแต่ระบุในกฎหมายว่าคนขับ ที่จะมีกฎหมายกำหนดอยู่ ในคดีนี้จึงถือว่าประมาทและเสี่ยงภัยเอง อย่างไรก็ตาม นางภนิดา ยังไม่เห็นด้วย แต่จะต้องรอปรึกษาอัยการ โดยรอคัดคำพิพากษาและจะต้องยื่นอุทธรณ์ ภายใน 1 เดือน โดยนางภนิดา ยังไม่เชื่อว่าแตงโม เสียชีวิตด้วยการกระทำของตัวเอง ที่เดินไปและตกท้ายเรือจนจมน้ำเสียชีวิต โดยเชื่อว่าคนบนเรือมีส่วนทำให้แตงโม เสียชีวิต