ประเด็นร้อนอื้อฉาวสะท้านวงการผ้าเหลือง คงไม่มีเรื่องใดเกินไปกว่ากรณีที่ตำรวจกองปราบปราม และตำรวจ บก.ปปป.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าจับกุมอดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จ.นครปฐม และอดีตเจ้าคณะภาค 14 ปมยักยอกเงินวัดกว่า 300 ล้านบาท นำไปแทงพนันบาคาร่าออนไลน์ ซึ่งทั้งผิดศีลและผิดกฎหมายอาญา
แถมยังถูกแฉอีกว่ามีสีกาเข้ามาเกี่ยวพัน
แม้ว่าจะรู้หรือไม่ก็ตามว่าหญิงสาวเข้าหา ทำทีใกล้ชิดเพียงเพราะหวังเงินทอง แต่สมภารก็ยังตกหลุมพราง มีแชทและคลิปในโทรศัพท์มือถือ ถูกแบล็กเมล ให้หาเงินมาให้ ก็ต้องยอมทำตามถึงขั้นเที่ยวกู้ยืมเงินผู้อื่น จนยอดเงินและความเสียหายพุ่งไปแตะหลัก 800 กว่าล้านบาท
พฤติการณ์ในการกระทำความผิดเป็นเรื่องของการเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ซึ่งหลังจากนี้คงต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ให้ครบถ้วน เพื่อดำเนินคดีและขยายผลไปยังบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือถูกเชื่อมโยงได้ว่าร่วมกระทำผิดด้วย
หากจะย้อนกลับไปช่วงหลายปีก่อน ทางตำรวจ บก.ปปป.ได้เคยเปิดปฏิบัติการทลายขบวนการ ‘เงินทอนวัด’ มาแล้ว โดยครั้งนั้นมีการจับกุมพระผู้ใหญ่ และผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดกรณีเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พ.ศ.) เป็นเงินอุดหนุนวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย แต่แล้วกลับมีการนำเงินบางส่วนเข้ากระเป๋าเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ
กรณีที่เกิดขึ้นมีการร่วมกันทำเป็นขบวนการ
มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ คือ ผอ.พศ.ไปจนถึงพระสงฆ์ระดับเจ้าอาวาสวัดดังหลายแห่ง คดีนี้หนึ่งในจำเลยสำคัญ ที่หลบหนีคดีไปอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ก็เพิ่งถูกจับกุมตัวไม่นานนี้ นั่นคือนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีต ผอ.พศ.
การทุจริตในวงการสงฆ์ รวมถึงความฉ้อฉลของเจ้าหน้าที่รัฐ นำงบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรไว้สำหรับอุดหนุนวัด มาเข้ากระเป๋าตัวเอง โดยที่วัดมีส่วนรู้เห็น เป็นความยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย เพราะต่างคิดว่าสมประโยชน์ แม้จะรู้ว่าเป็นความผิด เป็นเรื่องที่สังคมต้องตั้งคำถามกับภาครัฐ ที่ต้องจัดการปัญหา
ประเด็นปัญหาดังกล่าว เป็นเรื่องของการใช้อำนาจโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นปัญหาเชิงระบบ เนื่องจากขาดการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของวัดอย่างมีประสิทธิภาพ จุดอ่อนนี้แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี กลับยังไม่เห็นการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรม
หลายฝ่ายเริ่มปลุกกระแสให้มีการบริหารจัดการเงินวัด
เงินที่วัดได้รับจากการทำบุญหรือบริจาคอันเกิดจากศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ควรจะถูกนำไปใช้อย่างโปร่งใสตรวจสอบได้
จากกรณีของสมภารวัดไร่ขิง ทำให้ พศ.และทางมหาเถรสมาคม อยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ต้องประชุมด่วน ออกมาเทคแอ็คชั่น สั่งการเป็นการด่วนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้ซ้ำรอย จนเกิดกับวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ก็ยังนับว่าเป็นบทเรียนสำคัญ เพียงแต่จะต้องไม่ทำงานแบบไฟไหม้ฟาง
สำหรับแนวทางป้องกันและแก้ปัญหานี้ จึงควรดำเนินการ คือ 1.การปฏิรูประบบการบริหารวัด จัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบภายในวัด โดยให้มีตัวแทนชุมชน ผู้ทรงคุณวุฒิ และภาครัฐ เข้าร่วมกำกับดูแลการใช้เงิน จำกัดอำนาจเจ้าอาวาส ไม่ให้สามารถเบิกจ่ายเงินโดยลำพัง ต้องมีการอนุมัติร่วมจากคณะกรรมการวัด 2.ปรับปรุงระบบบัญชีของวัด โดยแยกประเภทบัญชีให้ชัดเจน มีการรายงานรายรับ-รายจ่ายเป็นประจำทุกเดือน ให้ญาติโยม พุทธศาสนิกชน หรือหน่วยงานต่างๆ ที่มีหน้าที่ตรวจสอบ สามารถตรวจสอบเงินวัดได้อย่างโปร่งใส
นอกจากนี้ควรนำเทคโนโลยีมาใช้จัดการกับเงินวัด
ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวล้ำนำสมัย สามารถพัฒนาแอปพลิเคชั่น หรือระบบกลางของ พศ.ได้ เพื่อเป็นเครื่องมือในการบันทึกและตรวจสอบรายรับ-รายจ่ายของวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม หากใช้มาตรการต่างๆ แล้ว ยังพบการกระทำผิดที่อาศัยช่องว่างช่องโหว่ในด้านการบริหาร บทลงโทษจากการกระทำผิดก็ควรมีการเพิ่มโทษ หรือบังคับโทษอย่างเคร่งครัด ไม่เลือกปฏิบัติ ยกระดับกฎหมายว่าด้วยพระสงฆ์ เพื่อให้มีเครื่องมือทางกฎหมายในการจัดการกรณีพระกระทำความผิด
ที่สำคัญคือการมีส่วนร่วมของประชาชน ต้องส่งเสริมให้ญาติโยม พุทธศาสนิกชน มีบทบาทในการติดตามการบริหารจัดการวัด เช่น การจัดตั้ง “สภาวัด” ส่งเสริมการศึกษาเรื่องธรรมาภิบาล ให้พระสงฆ์มีจริยธรรมและความรู้ด้านการบริหารจัดการ
ปัญหาการทุจริตในวงการสงฆ์ เช่น กรณีเงินทอนวัด หรือกรณีเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ยักยอกเงินวัด สะท้อนถึงความล้มเหลวในระบบตรวจสอบ และธรรมาภิบาล โดยการแก้ปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐ ชุมชน หรือวัดเอง เพื่อฟื้นฟูความศรัทธาของประชาชนและทำให้วัดกลับมาเป็นที่พึ่งทางจิตใจอันบริสุทธิ์อย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี