วันจันทร์ ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
‘สอวช.-นิด้า’เปิดตัวโครงการยกระดับ Pride Thailand ใช้วิจัยขับเคลื่อนเทศกาลไทยสู่สากล

‘สอวช.-นิด้า’เปิดตัวโครงการยกระดับ Pride Thailand ใช้วิจัยขับเคลื่อนเทศกาลไทยสู่สากล

วันเสาร์ ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 16.51 น.
Tag : เทศกาลไทย Pride Thailand นิด้า สอวช.
  •  

สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดตัวโครงการยกระดับเทศกาล “Pride Thailand สู่เวทีโลก: การผลักดันต้นแบบความโอบรับของเทศกาลไทยสู่สากล” โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้พลังจากงานวิจัยขับเคลื่อนเทศกาลไทยสู่การยอมรับระดับสากล

ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการ สอวช. ได้กล่าวถึงแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักของรัฐบาล โดยเฉพาะมิติที่เชื่อมโยงกับงานเทศกาล ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์วัฒนธรรม แต่ยังมีศักยภาพสูงในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับประเทศ เทศกาลที่ดี จึงต้องตอบโจทย์เศรษฐกิจร่วมสมัย ต้องมีการออกแบบเชิงระบบ และคำนึงถึงการใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ควบคู่ไปกับด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ศิลปศาสตร์ รวมถึงใช้การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) เข้าไปช่วยสนับสนุนให้เกิดงานเทศกาลที่ตอบโจทย์ผู้เข้าร่วมงาน และใช้ข้อมูลจากงานวิจัยมาจัดทำนโยบาย กลไกต่าง ๆ เพื่อพัฒนาให้เทศกาลไทยไปสู่สากลได้


ดร.สุรชัย กล่าวต่อว่า สอวช. เห็นโอกาสในการใช้ศักยภาพการออกแบบและพัฒนางานเทศกาลในเชิงนโยบาย จึงได้จับมือกับ นิด้า เพื่อออกแบบกลไกเชิงนวัตกรรม และศึกษาความเป็นไปได้ในการยกระดับเทศกาลไปสู่ระดับนานาชาติ และหนึ่งในต้นแบบสำคัญคือ Pride Festival ที่ไม่ใช่เพียงงานเฉลิมฉลองความหลากหลาย แต่คือเทศกาลร่วมสมัยที่เชื่อมโยงระหว่าง Soft Power อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ กฎหมายสมรสเท่าเทียม และนโยบายของรัฐที่สะท้อนภาพลักษณ์ของไทยในฐานะประเทศที่เปิดกว้าง ยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน และพร้อมโอบรับวัฒนธรรมโลก

ผศ.ดร.โชคชัย สุเวชวัฒนกูล อาจารย์ประจำคณะการจัดการการท่องเที่ยว นิด้า กล่าวว่า งานเทศกาลเป็นเครื่องมือของการส่งต่อคุณค่าร่วมของสังคมผ่านจิตวิญญาณแห่งงานเทศกาล ที่ทั้งโอบรับ หยั่งราก และเชื่อมต่อกับอนาคต เราเชื่อว่าเทศกาลสร้างสรรค์สามารถหล่อหลอมเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และความเท่าเทียม ให้กลายเป็นพลังสำคัญของสังคมไทยในการยืนอยู่บนเวทีโลกอย่างสง่างาม โดยการค้นพบจิตวิญญาณแห่งงานเทศกาลเป็นผลพวง

จากการกำหนดกรอบการวิจัย “โครงการศึกษาเชิงนโยบายและพัฒนากลไก อววน. เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวประเภทงานเทศกาลท้องถิ่นสู่ระดับสากล” จากการศึกษางานวิจัยจำนวน 46 งานวิจัย พบว่าสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือจิตวิญญาณของงานเทศกาลที่สามารถส่งต่อเรื่องราว คุณค่า และความหมาย ไปยังสังคมได้อย่างลึกซึ้งสามารถต่อยอดให้เป็นพลังเชิงสร้างสรรค์ได้ในระดับโลก

ในโอกาสนี้ ยังได้มีการจัดเวทีเสวนาเพื่อเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และมุมมองเกี่ยวกับบทบาทของเทศกาลในการส่งเสริมภาพลักษณ์และอัตลักษณ์ของสังคมไทยในเวทีสากล

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่าเทศกาลคือเครื่องมือสะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น จุดประกายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในเมือง และเป็นเวทีสำคัญในการดึงอัตลักษณ์ของผู้คนและชุมชนในเมืองให้โลกรู้ว่า เรามีอะไรดี โดยกรุงเทพมหานครมีแนวคิดสนับสนุนงานเทศกาลผ่านนโยบาย “12 เดือน 12 เทศกาล” ซึ่งงาน Pride Festival ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลสำคัญที่สะท้อนถึงแนวคิดความเท่าเทียม ความหลากหลาย และเปิดกว้าง

รอง ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวเพิ่มเติมว่า เทศกาลต่าง ๆ คือยอดของภูเขาน้ำแข็งซึ่งเบื้องล่างยังมีโครงสร้างรองรับขนาดใหญ่ คือ อุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่สามารถเติบโตและเชื่อมโยงได้ หากได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม เทศกาลต้องไม่ใช่เพียงการจัดงานเพื่อตอบรับกระแส แต่ควรมีความต่อเนื่องในเชิงนโยบาย ทั้งในระดับเมืองและระดับองค์กร เช่น การพัฒนาแนวทาง Pride Badge ซึ่งต้องเชื่อมโยงกับนโยบายของบริษัทหรือภาคเอกชนในการยอมรับความหลากหลาย ขณะเดียวกันแต่ละองค์กรจะต้องมีกรอบแนวคิด DEI – Diversity, Equity, and Inclusion ซึ่งไม่ใช่เพียงแนวคิดทางสังคม แต่เป็นโครงสร้างที่ช่วยสร้างเศรษฐกิจใหม่ในเมืองที่เปิดรับความแตกต่าง และใช้ Soft Power อย่างยั่งยืน

ด้านนายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ (มหาชน) และ อนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านเฟสติวัล เล่าถึงประสบการณ์ในฐานะตัวแทนประเทศไทยที่ได้ทำงานในเวทีระดับนานาชาติ สิ่งที่ค้นพบคือประเทศไทยเป็นสังคมเปิด ที่มีอิสระและเสรีภาพสูงมาก เรามีทรัพยากรทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งสามารถต่อยอดได้อย่างมหาศาล ประเทศไทยจึงควรยกระดับเทศกาลให้มีความร่วมสมัย พร้อมผลักดันให้เทศกาลไทยไปไกลถึงต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสร้างความแตกต่างจากงานเดิม ๆ และสร้างผลทางเศรษฐกิจที่จับต้องได้ นอกจากนี้ ประเทศไทยควรวางตำแหน่งให้ชัดในระดับนโยบายว่า เราคือประเทศแห่งเทศกาล “ We are Country of Festivals” พร้อมเดินหน้าพัฒนาเทศกาลให้เป็น World-Class Festival

นายภัทร เลิศสุกิตติพงศา ผู้ก่อตั้ง Drag Bangkok Festival และอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านศิลปะการแสดง กล่าวว่า Pride  Festival ไม่ใช่แค่การจัดงาน แต่คือการวางแผนร่วมกับชุมชนจากรากฐานของการเรียกร้องสิทธิ เพื่อสร้างระบบนิเวศทางวัฒนธรรมใหม่ให้กับเมือง ซึ่งการจัดงานในเดือนมิถุนายนก็เพื่อเชื่อมโยงกับวันสำคัญระดับนานาชาติ โดยในปัจจุบันพลังของเทศกาลได้แปรเปลี่ยนเป็นเวทีของการเฉลิมฉลองความก้าวหน้า เช่น ในปีนี้ที่ประเทศไทยผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมได้สำเร็จสำหรับสิ่งที่ต้องการจากการทำวิจัย คือ การเข้าใจมวลชน และเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ เพื่อประเมินทิศทางของเทศกาลในแต่ละปี เช่น ปีนี้อาจเน้นเรื่องการสมรสเท่าเทียม ปีถัดไปอาจเกี่ยวข้องกับสิทธิในการสร้างครอบครัว หรือบทบาทของธุรกิจแฟชั่น ความงาม และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ถ้ามีข้อมูลที่แม่นยำเกี่ยวกับมวลชน เทศกาลจะไม่ใช่แค่กิจกรรม แต่จะกลายเป็นนโยบายวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนได้จริง นอกจากนี้ การวางแผนจัดงานในแต่ละจังหวัดอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ คืออีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยให้ Pride ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงพื้นที่เมืองหลวง แต่กระจายพลังความเข้าใจและการยอมรับไปสู่สังคมวงกว้าง

รศ.วงกต วงศ์อภัย รองผู้อำนวยการ สอวช. ให้ความเห็นว่าเทศกาลคือพื้นที่ที่มนุษย์สร้างเพื่อเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน เทศกาล สงกรานต์ ลอยกระทง หรือแม้แต่พิธีพราหมณ์ ล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น เพื่อให้คนแปลกหน้าได้รู้จักกัน เกิดการเชื่อมโยงกันทางสังคม เหมือนกับเทศกาล Pride Month ที่ไม่ใช่แค่เฉลิมฉลอง แต่คือการเปิดพื้นที่ให้มนุษย์ได้แสดงตัวตนในช่วงเวลาที่เหมาะสมและปลอดภัย ซึ่งในมุมของ สอวช. ซึ่งมีหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายด้วยวิชาการ ควรให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัย และความสบายใจทางจิตใจ โดยต้องสร้างกระบวนการฟังเสียงจากนักวิจัย เพื่อเชื่อมต่อกับความต้องการของสังคมอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันจีดีพีของประเทศกำลังประสบปัญหา เนื่องจากอุตสาหกรรมหลักพัฒนาไม่ทัน แต่ภาควัฒนธรรมและบริการขับเคลื่อนได้เร็วกว่า รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจวัฒนธรรมใช้เวลาและทรัพยากรน้อยกว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมหนัก ดังนั้นหากรัฐต้องการฟื้นเศรษฐกิจหลังวิกฤต ควรให้ความสำคัญกับภาคบริการและวัฒนธรรมที่สามารถแทรกเข้าไปได้ในทุกสังคม

ผศ.ดร.โกสินทร์ ปัญญาอธิสิน อาจารย์ประจำคณะภาษาและการสื่อสาร นิด้า ในฐานะหัวหน้าโครงการฯ ได้กล่าวถึงแนวทางการดำเนินงานในโครงการว่า เราจะทำการศึกษาความต้องการในการพัฒนาเทศกาลขนาดใหญ่ ให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในระดับสากล นอกจากนี้ ยังได้สำรวจความต้องการจำเป็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ศึกษาตัวอย่างความสำเร็จจากต่างประเทศ สร้างข้อเสนอเชิงกลไกเพื่อพัฒนาและจัดเทศกาลขนาดใหญ่ในประเทศไทย โดยมีกรอบดำเนินการ ประกอบด้วย 5 แกนหลัก ได้แก่องค์ความรู้ของ อววน. การรับฟังผู้มีส่วนได้ส่วนเสียการอนุรักษ์วัฒนธรรม ธุรกิจเพื่อสังคม และการพัฒนาเชิงพื้นที่ เพื่อให้ได้ข้อเสนอเชิงกลไก ยกระดับเทศกาลให้เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนประเทศไทยในเวทีโลกอย่างยั่งยืน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘สอวช.’ดัน‘พ.ร.ฎ.ยกเว้นภาษี’หนุนการศึกษาเชิงประสบการณ์ คาดผลประโยชน์ 1.1 หมื่นล้าน ‘สอวช.’ดัน‘พ.ร.ฎ.ยกเว้นภาษี’หนุนการศึกษาเชิงประสบการณ์ คาดผลประโยชน์ 1.1 หมื่นล้าน
  • ‘สอวช.’เปิด 6 ปัจจัยแนะ‘มหาวิทยาลัยไทย’มุ่งสู่ความสำเร็จ รับโลกเปลี่ยน ‘สอวช.’เปิด 6 ปัจจัยแนะ‘มหาวิทยาลัยไทย’มุ่งสู่ความสำเร็จ รับโลกเปลี่ยน
  • ครบ 6 ปี สอวช.!‘ดร.สุรชัย’เดินหน้า‘อววน.’ปี 68-71 รับมือโลกเปลี่ยนไว ใช้ Foresight นำไทยสู่อนาคต ครบ 6 ปี สอวช.!‘ดร.สุรชัย’เดินหน้า‘อววน.’ปี 68-71 รับมือโลกเปลี่ยนไว ใช้ Foresight นำไทยสู่อนาคต
  • ‘สอวช.’จับมือ‘มจธ.’เปิดหลักสูตร STIP รุ่น 7 ปั้นนักออกแบบนโยบายรับมือการเปลี่ยนแปลง ‘สอวช.’จับมือ‘มจธ.’เปิดหลักสูตร STIP รุ่น 7 ปั้นนักออกแบบนโยบายรับมือการเปลี่ยนแปลง
  • ‘สอวช.’จับมือ‘คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ-ภาคเอกชน ลุยปั้นครีเอเตอร์ ‘สอวช.’จับมือ‘คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ-ภาคเอกชน ลุยปั้นครีเอเตอร์
  • ‘สอวช.’กางแนวทางผลักดันธุรกิจด้วยนวัตกรรม ปลดล็อกข้อจำกัดกม.หนุนเข้าสู่ตลาด ‘สอวช.’กางแนวทางผลักดันธุรกิจด้วยนวัตกรรม ปลดล็อกข้อจำกัดกม.หนุนเข้าสู่ตลาด
  •  

Breaking News

ใช้โซเชียลอย่างมีวิจารณญาณ! 100คลิป‘TikTok’ยอดฮิตด้าน‘สุขภาพจิต’กว่าครึ่งให้ข้อมูลผิดๆ

‘ธีรรัตน์’คว้ารางวัลเกียรติยศ Pride Popular of Politician Awards 2025

สองตายายร่ำไห้ใจจะขาด ไฟไหม้คอกควายที่เลี้ยงไว้ ตาย 10 ตัว

กำแพงความถูกต้อง! ‘หมอตี๋’ให้กำลังใจ‘กรรมการแพทยสภา’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved