กทม. เดินหน้าโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าว หลังได้งบอุดหนุนรัฐบาล สร้างต่อจากเดิม / แจงเศษวัสดุที่พบในคลองจากการรื้อย้ายบ้านรุกล้ำ คาดได้ผู้รับจ้าง สค.นี้ เร่งขุดลอกคลองเปิดทางน้ำ-พร้อมสร้างเขื่อนให้แล้วเสร็จ
นายเจษฎา จันทรประภา ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาคลองลาดพร้าว ว่า โครงการพัฒนาคลองลาดพร้าว ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 – 2565 ครอบคลุมการรื้อย้ายบ้านเรือนที่รุกล้ำ การก่อสร้างเขื่อนริมคลอง และการพัฒนาพื้นที่ริมคลอง รวมถึงการก่อสร้างบ้านมั่นคง ในระยะหลังการดำเนินการได้ล่าช้า เนื่องจากผู้รุกล้ำไม่ให้ความร่วมมือในการรื้อย้าย ทำให้การส่งมอบพื้นที่ต้องดำเนินการเป็นช่วง ๆ และในเดือน ก.พ. 65 ผู้รับจ้างที่รับผิดชอบงานก่อสร้างเขื่อนได้หยุดงานไป โดยก่อสร้างเขื่อนได้ประมาณ 24,000 เมตร คิดเป็นร้อยละ 55 ของแผนงานทั้งหมด ยังเหลืองานที่สามารถก่อสร้างได้อีกประมาณ 2,000 เมตร และงานขุดลอกคลองซึ่งยังไม่ดำเนินการในหลายจุด จากกรณีดังกล่าว กทม. จึงได้บอกเลิกสัญญากับผู้รับจ้างรายเดิม
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพื้นที่ตามภาพถ่ายพบว่า เป็นบริเวณชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา เชิงสะพานไม้ 1 และ 2 ซึ่งเป็นพื้นที่ในโครงการก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็ก (ค.ส.ล.) และประตูระบายน้ำคลองลาดพร้าว พื้นที่ดังกล่าวเดิมมีบ้านเรือนรุกล้ำจำนวนมาก ทำให้คลองมีสภาพแคบ มีความกว้างเพียง 15-20 เมตร และตื้นเขิน แต่ภายหลังการรื้อย้ายและก่อสร้างเขื่อน ทำให้สามารถขยายความกว้างคลองเป็น 25-35 เมตร ส่วนพื้นที่นอกแนวก่อสร้างเขื่อนได้ก่อสร้างบ้านมั่นคงริมคลองโดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.)
ส่วนกรณีมีการตรวจพบเศษซากปูนวัสดุก่อสร้างใต้ท้องคลองถนน ฝั่งเขตจตุจักร ซึ่งอาจส่งกระทบต่อประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่นั้น สำนักการระบายน้ำ (สนน.) ได้เร่งตรวจสอบพบว่าเศษวัสดุก่อสร้างที่พบในคลองเป็นเศษวัสดุจากการรื้อย้ายบ้านเรือนรุกล้ำเดิม และเนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างส่วนใหญ่ยังไม่ได้ดำเนินการขุดลอกคลองจึงมีลักษณะตื้นเขิน โดยเฉพาะเมื่อมีการพร่องน้ำ หรือปรับลดระดับน้ำในคลองในช่วงฤดูฝน จึงทำให้สามารถมองเห็นเศษวัสดุดังกล่าวบริเวณริมตลิ่ง
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สนน. ได้ขุดลอกเปิดทางน้ำบริเวณคลองลาดพร้าว จากคลองแสนแสบถึงประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ โดยใช้เครื่องจักรขุดลอกเปิดทางน้ำช่วงกลางคลอง เพื่อเร่งระบายน้ำป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยก่อนนี้ได้ขุดลอกไปเมื่อช่วงต้นปี 2566 และในปี 2568 ได้นำเครื่องจักร 4 ชุด ขุดลอกเปิดทางน้ำที่คลองลาดพร้าว เริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค. 68 ปัจจุบันดำเนินการได้ความยาวประมาณ 12,000 เมตร จากทั้งหมดประมาณ 22,000 เมตร (คิดเป็นร้อยละ 55) โดยการขุดลอกเปิดทางน้ำได้ขุดดินและเศษวัสดุทิ้งด้านข้างคลองและริมตลิ่ง ส่วนการขุดลอกคลองที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าวอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้างจะขุดลอกคลองให้ลึกลงไปที่ความลึก 4 เมตร โดยจะนำดินที่ขุดลอกคลอง (ดินในคลองเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ที่ราชพัสดุ) ปรับพื้นที่ริมคลอง เพื่อรองรับการก่อสร้างบ้านมั่นคงต่อไป
สำหรับความคืบหน้าโครงการฯ ปัจจุบัน กทม. ได้รับงบประมาณเงินอุดหนุนรัฐบาลให้ดำเนินการโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าวต่อเนื่องจากเดิม ตั้งแต่คลองแสนแสบถึงประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง คาดว่าสามารถคัดเลือกผู้รับจ้างได้ภายในเดือน ส.ค. 68 เมื่อได้ผู้รับจ้างแล้ว สนน. จะเร่งรัดให้ขุดลอกคลองในพื้นที่ที่มีการก่อสร้างเขื่อนให้แล้วเสร็จต่อไป
นอกจากนี้ ในส่วนความคืบหน้าการติดตามเร่งรัดโครงการก่อสร้างสายพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาคูน้ำอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง กทม. ได้ร่วมประชุมและประสานแนวทางการดำเนินงานร่วมกันเพื่อเปิดจุดระบายน้ำให้สามารถไหลเข้าสู่ระบบได้ในช่วงฤดูฝนนี้ สำหรับแนวทางและหลักเกณฑ์การตรวจรับงานขุดลอกคลองของ กทม. ได้กำหนดให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด โดยเฉพาะการทิ้งเศษวัสดุก่อสร้างอย่างถูกวิธี รวมถึงการพิจารณาติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) บริเวณไซต์งานก่อสร้าง เพื่อตรวจสอบการทำงานของผู้รับเหมา โดยหลักเกณฑ์ในการขุดลอกผู้รับจ้างจะต้องขุดให้ได้ระดับตามแบบ และปัจจุบัน สนน. ได้มีการสแกนระดับท้องคลอง (Echo Sounder) เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของปริมาณงานและความลึกคลองเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
037
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี