ระทึกกลางเมืองลำปลายมาศ! ตำรวจ สภ.ลำปลายมาศ ไล่ยิงสกัดรถกระบะต้องสงสัยขนยาบ้า เสียงปืนสนั่นเมืองจนยางแบน คนขับทิ้งแฟนสาวเผ่นหนีเข้าความมืด แต่ไม่รอด! ตามรวบได้ในที่สุด พบยาบ้าของกลาง 2 ล้านเม็ด แฟนสาวสารภาพได้ค่าจ้าง 2 แสน ทำมาแล้ว 2 ครั้ง ส่วนสามีรับสารภาพเสพยาตลอดเส้นทางขน
วันนี้ (30 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีการแถลงข่าวการไล่ล่าสกัดจับนักค้ายาบ้ากลางตัวอำเภอลำปลายมาศ ถึงขั้นเจ้าหน้าที่ต้องใช้อาวุธปืนยิงยางรถคนร้ายเพื่อหยุดยั้งการหลบหนี จนเสียงปืนดังสนั่นก่อนที่จะสามารถควบคุมสถานการณ์และพบของกลางยาบ้าล็อตใหญ่ถึง 2 ล้านเม็ด
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา พ.ต.อ.วชิรวิทย์ วรรณธาณี ผู้กำกับการ สภ.ลำปลายมาศ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพบรถยนต์ต้องสงสัยขับขี่บนถนนสายคูเมือง-ลำปลายมาศ โดยมีรถอีกคันขับนำทาง จากนั้นผู้กำกับการ สภ.ลำปลายมาศ ได้สั่งการระดมกำลังตำรวจทุกชุด ทั้งที่ปฏิบัติหน้าที่และที่หยุดราชการ ให้ร่วมกันตั้งจุดสกัดและไล่ล่า
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะอีซูซุ สีบรอนซ์เทา ทะเบียนมหาสารคาม ขับเข้าสู่ตัวอำเภอลำปลายมาศ เมื่อเจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณให้หยุดรถ รถกระบะคันดังกล่าวกลับเร่งเครื่องหลบหนี ตำรวจทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์จึงไล่ติดตามไปตามซอยต่าง ๆ ในตัวอำเภอลำปลายมาศอย่างกระชั้นชิด แต่คนร้ายไม่ยอมจอด เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจใช้ปืนยิงใส่ยางรถนับสิบนัด จนรถไม่สามารถไปต่อได้
หลังรถหยุด คนขับซึ่งเป็นชายได้เปิดประตูรถและวิ่งหลบหนีไปในความมืดอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่พยายามวิ่งไล่ตามแต่ไม่ทัน ส่วนเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งได้เข้าควบคุมรถกระบะคันเกิดเหตุ ภายในรถพบ นางสาวลัดดาวัลย์ หรือบี อายุ 28 ปี ชาว จ.มหาสารคาม ทราบภายหลังว่าเป็นภรรยาของคนขับรถ นั่งอยู่บริเวณเบาะข้างคนขับ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้เพื่อสอบสวน
จากการตรวจสอบภายในห้องแคปของรถ พบวัตถุห่อด้วยพลาสติกหลายชั้น จำนวน 5 กระสอบ ซึ่งเมื่อแกะออกพบว่าเป็นยาบ้าถูกห่อเป็นซองสีฟ้า กระสอบละ 200 ซอง แต่ละซองมีเม็ดยาประมาณ 2,000 เม็ด รวมยาบ้าที่ยึดได้ทั้งสิ้น 2,000,000 เม็ด โดยยาบ้าดังกล่าวมีลักษณะเป็นเม็ดสีแดงและสีเขียว มีสัญลักษณ์ Y1 และตัวอักษร A (จากการตรวจสอบเพิ่มเติม สัญลักษณ์ WY หรือ Y1 และ A มักพบในยาบ้า)
หลังจากได้รับรายงาน พล.ต.ต.ณรงศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ก้องชาติ เลี้ยงสมทรัพย์ รอง ผบก.ภ.จ.บุรีรัมย์ เร่งติดตามคนร้ายที่หลบหนีอย่างเร่งด่วน
จนกระทั่งเวลา 21.00 น.ของวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม นายทองคำ หรือบาส อายุ 29 ปี ชาว จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นสามีของ น.ส.ลัดดาวัลย์ ได้ที่ตำบลทะเมนชัย อำเภอลำปลายมาศ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 กิโลเมตร นอกจากนี้ จากการตรวจสอบโทรศัพท์ของนายทองคำ ยังพบคลิปการแกะกล่องซึ่งภายในมีเงินสด 200,000 บาท ซึ่งคาดว่าเป็นเงินค่าจ้างจากการขนยาครั้งแรก
เจ้าหน้าที่ยังตรวจยึดรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ แบบแคปอีก 1 คัน ที่จอดทิ้งไว้ในเขตอำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นเขตรอยต่ออำเภอลำปลายมาศ แต่ไม่พบคนขับ คาดว่าน่าจะหลบหนีไปตั้งแต่เกิดเหตุการณ์
จากการสอบถาม น.ส.ลัดดาวัลย์ ภรรยาของนายบาส ให้การว่า สามีไปรับยาบ้ามาจากจังหวัดนครพนม เพื่อจะนำไปส่งที่จังหวัดสระบุรี และเคยทำมาแล้วเป็นครั้งที่สอง โดยได้รับค่าจ้างขนครั้งละ 200,000 บาท
ขณะที่ นายทองคำ คนขับรถ ได้ให้การสารภาพว่าทำมาแล้ว 2 ครั้ง โดยขนยาบ้าครั้งละ 2 ล้านเม็ด รับยาบ้ามาจากอำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม จากนั้นวิ่งรถผ่านมาทางจังหวัดกาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และเข้าสู่อำเภอลำปลายมาศ ก่อนจะออกไปทางจังหวัดนครราชสีมา สำหรับครั้งแรกนั้นได้นำยาไปส่งที่จังหวัดอ่างทอง และได้รับเงินค่าจ้าง 200,000 บาท โดยมีคนนำเงินมาวางไว้ข้างทางที่บ้านของตนที่อำเภอยางสีสุราช นายทองคำยังยอมรับอีกว่าทุกครั้งที่ขับรถขนยาบ้า จะต้องเสพยาบ้าตลอดทางไม่น้อยกว่า 10 เม็ด
เบื้องต้น ตำรวจได้ตั้งข้อหานายทองคำในความผิดฐาน "ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีจำหน่ายโดยการมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยการกระทำเพื่อการค้าและการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย" - 001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี