สะเทือนศรัทธาชาวพุทธ! "เณรดอยเมืองตรัง" และชาวบ้านจี้รัฐตั้งกฎหมายลงโทษเอาผิดซ้ำพระทำผิดร้ายแรง "สอนให้คนเป็นคนดี แต่กลับเป็นคนชั่วเสียเอง" หลังคลิปลับสีกากอล์ฟกับพระชั้นผู้ใหญ่โผล่ว่อน ชาวบ้านหวั่นศาสนาเสื่อม-จิตใจ ปชช.กระทบหนัก เผยให้มองที่คำสอนศาสนา และตัวบุคคลเป็นหลัก พระดีก็มี พระชั่วก็ย่อมมี
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือของ "สีกา" ซึ่งพบข้อมูลบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมกับพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่หลายรูป และนำไปสู่การลาสิกขาของพระภิกษุที่เกี่ยวข้องนั้น
วันที่ 10 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้ลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของพุทธศาสนิกชน โดยนายปิยภัทร สุดศิริ หรือ “อาจารย์เณรดอยเมืองตรัง” ฆราวาสวัย 37 ปีผู้มีความรู้ด้านไสยเวทและคุ้นเคยกับวงการพระสงฆ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องที่น่าใจหายเกี่ยวกับศาสนา วงการศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ ตนเชื่อว่าทุกคนที่เป็นชาวพุทธใจหาย แต่จริงๆแล้วเรื่องนี้เป็น 2 มุม หรือเป็นดาบ 2 คม มุมหนึ่งเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา เป็นผลกระทบทางจิตใจกับสังคมและชาวพุทธ อีกมุมหนึ่งเป็นการดี เพราะจะได้ทำลายพระสงฆ์ที่ประพฤติทำลายผ้าเหลืองให้เสื่อมเสีย ดีกว่าปิดบังอยู่ ยอมให้ออกไปจากพระพุทธศาสนา แต่จริงๆ ก็ไม่สมควรจะเกิดขึ้นมา ตนอยู่ในหลักของความเชื่อ และคนโบราณสายใต้ก็เชื่อว่า ถ้าพระได้มีเพศสัมพันธ์ หรือมีอะไรกับผู้หญิง จะเกิดปรากฏการณ์อุบาทว์ ซึ่งจะเกิดความอุบาทว์ หรืออาเพศ แก่วัด ซึ่งความเชื่อตามคนใต้บ้านเราคือจะต้องสวดวัด หรือต้องทำอาเพศวัด
นายปิยภัทร กล่าวว่า หตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเชื่อว่าในระยะแรก ต้องกระทบกับความศรัทธาของชาวพุทธอย่างแน่นอน คนจะหน่ายกับความเป็นพระ แต่อย่าลืมว่าพระดียังมี พระที่ไม่ดีก็ยังมีแฝง พระดียังมีให้ทำบุญ ส่วนพระไม่ดีก็เลือกไม่ได้ บุญบางครั้งก็สำเร็จที่ใจเรา บางครั้งทำบุญกับพระที่เสียๆ ก็ให้คิดว่าถือเป็นการทำทาน แต่หากได้ทำบุญกับพระดี ก็ถือว่าเป็นบุญ เรื่องเหล่านี้บางครั้งวัดกันยาก แต่เรื่องผลกระทบทางจิตใจกระทบแน่นอน ตนเชื่อว่าความศรัทธากับพระในปีนี้ลดลงอย่างแน่นอน แต่ตราบใดที่มีพระชั่ว ก็ยังมีพระดี ในดำมีขาว ในขาวก็ต้องมีดำอยู่แล้ว ซึ่งเป็นสัจธรรมมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะมาเกิดขึ้น
จริงๆตนเห็นด้วย และอยากเรียกร้องเสนอให้ทางผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้เขียนกฎหมายบ้านเมือง หรือเถรสมาคม รวมไปถึงคณะสงฆ์ที่สามารถปกครองพระสงฆ์ได้ หากมีการกระทำความผิดทางพระหรืออาบัติขั้นปาราชิกนั้น จะต้องมีบทลงโทษ 2 ชั้น คือชั้นความเป็นสงฆ์ ทำผิดแล้วต้องรับโทษในความเป็นสงฆ์ก่อน คือการสึก แต่สึกออกไปแล้วยังไม่พอ เพราะคำว่าพระ เป็นมันสมอง เป็นปัญญา ให้กับสังคม เหมือนกับเช่นข้าราชการ หากทำผิดต้องรับโทษ 2 เท่า ไม่ใช่แค่สึกออกจากความเป็นพระมาแล้วก็จบกันไป ออกมาเดินเสเพลได้อย่างปกติ จะต้องได้รับโทษทางกฎหมายอีกทางหนึ่งด้วย
เมื่อสึกออกมาแล้ว เพราะทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมเสีย ต้องออกเป็นกฎหมาย มีบทลงโทษทางกฏหมายอีกชั้นหนึ่ง และมีกฎถึง 2 เท่าว่าคุณเป็นคนสอนให้คนเป็นคนดี แต่คุณกลับเป็นคนชั่วเสียเอง กฎหมายข้อนี้สมควรมาก จึงอยากให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเล็งเห็นถึงตรงนี้ให้ตั้งกฎหมายข้อนี้ขึ้นมาเกี่ยวกับความผิดเช่นนี้ ยิ่งพระชั้นผู้ใหญ่เท่าไร ควรมีบทลงโทษทางกฎหมายให้อย่างหนักเพราะทำให้ศาสนาเสื่อม ซึ่งเรื่องเช่นนี้ก็เคยเรื่องราวมีตำนานมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าตาก ที่บอกว่าพระสงฆ์ถ้าเป็นพระดี ท่านจะทะนุบำรุง ท่านจะช่วยเหลือ แต่ถ้าเกิดเป็นพระเสีย อาบัติปาราชิกผิดถึงความเป็นสงฆ์ โทษต้องถึงประหารชีวิต ในสมัยก่อน ซึ่งมันน่าจะเป็นแบบนี้ สังคมไทยจะได้เป็นตัวกรอง กฎหมายจะได้เป็นตัวกั้น ให้คนได้มีความมั่นใจในพระพุทธศาสนา
นางสาวภรภัทร กิระชานนท์ วัย 68 ปีชาวจังหวัดตรัง กล่าวว่า ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก ผู้หญิงก็เป็นคนที่ไม่ดีเลยไม่ทำมาหากินอะไร เที่ยวสืบเสาะว่าวัดไหนมีพระที่มีระดับ มีเงินหน่อย พระตัวน้อยๆไม่เอา เลือกเอาพระที่ระดับบิ๊กๆ และเข้าไปตีสนิท อย่างว่าพระกับผู้หญิง สีกาก็หน้าตาดี เข้าไปอ่อนน้อม สุดท้ายพระก็เสียหายไปแล้ว ดูแล้วมันทุเรศในสายตาชาวบ้านมองแล้วพระก็เสื่อมไปด้วย เด็กๆหรือคนรุ่นหลังเห็นแล้วก็ไม่ดีเลย เดี๋ยวก็จะเลียนแบบกันไปหมด คนที่ไม่ทำมาหากินอะไรก็จะไปบวชเป็นพระ เพราะถือว่าพระมีรายได้ เราคิดว่าพระบวชเพื่อศาสนา ได้ช่วยเหลือชาวบ้าน แต่กลับมาเป็นปัญหาให้กับชาวบ้านต้องเข้าไปช่วยเหลือพระพุทธศาสนา
ส่วนความศรัทธาในพระพุทธศาสนากับเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องมีเลย ชาวบ้านจะทำบุญต้องคิดแล้วคิดคิดอีกเลยว่าจะเลื่อมใสในวัดไหน หรือเจ้าอาวาส หรือพระรูปไหน ส่วนตัวนั้นศรัทธากับพระและเจ้าอาวาสในวัดบ้านของตัวเอง เพราะเชื่อว่าไม่มีในเรื่องอย่างนั้นเลย ซึ่งจะต้องมองไปในแต่ละบุคคล มองกับพระแต่ละรูป อย่างมาเหมารวมกันทั้งหมด พระดีก็มีเยอะไป เราก็ไม่ได้หมดความศรัทธากับพระพุทธศาสนา เพราะมองที่ตัวบุคคล ส่วนตัวอยากให้มีกฎหมายเข้ามารองรับเกี่ยวกับการทำผิดในทางพระเช่นนี้ ไม่ใช่ทำผิดแล้วก็สึกออกไปแค่นั้น ให้ติดคุกมีคดีทางกฏหมายไปเลย
ขณะที่ นางสาวณิชกาณฑ์ นิลอ่อน วัย 29 ปี ชาวจังหวัดตรัง แสดงความคิดเห็นว่า หากพระภิกษุและสีกาที่เกี่ยวข้องรู้สถานะของตนเอง ก็คงจะคิดและแยกแยะได้ว่าสิ่งใดควรกระทำหรือไม่ แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น ตนมองว่าทั้งคู่มีความผิดร่วมกัน และเห็นว่าควรลาสิกขาออกไปก่อน เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์
สำหรับผลกระทบต่อความศรัทธาในพุทธศาสนา นางสาวณิชกาณฑ์ กล่าวว่า ตนมองว่าชาวพุทธที่มีกรอบ ความคิด มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจริงๆจะแยกแยะได้ว่าอะไรถูกต้องอะไรผิด ซึ่งตัวบุคคลกับพระพุทธศาสนาเป็นคนละส่วนกัน ส่วนตัวมองว่าพระที่เสพเมถุน หรือมีโทษอาบัติขั้นปาราชิกนั้น สมควรจะต้องมีกฎหมายเข้ามาเอาผิดด้วย ไม่ใช่แค่ทำผิดแล้วสึกออกไปแค่นั้น เพราะพระรูปอื่นๆ ก็อาจจะมีการทำผิดเช่นนี้ขึ้นได้อีก เพราะไม่ได้เห็นถึงบทลงโทษในทางกฏหมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี