สกู๊ปพิเศษ : ลูกดอกแห่งการพัฒนา‘DART’พลังคิด พลังใจ ตามแนวพระราชดำริอย่างยั่งยืน
ตลอดรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประเทศไทยได้มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ผ่านความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน ตามแนวทางพระราชดำริ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข การศึกษา วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม เกิดเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ไม่ใช่แค่เพียงแต่ผลการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม หากยังเป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ที่ทรงคุณค่าผ่านการทดลองและประยุกต์ใช้ศาสตร์ต่างๆ อย่างเป็นระบบ ไมว่าจะเป็น “หลักการทรงงาน” “ทฤษฎีใหม่” หรือ “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
ในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ตามพระราชปณิธานของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการสืบสาน รักษา ต่อยอด สำนักงาน กปร. ได้จัดโครงการนักพัฒนาตามแนวพระราชดำริ (พพร.) รุ่นที่ 12 ขึ้น โดยมีเป้าหมาย เพื่อพัฒนาบุคลากรจากหน่วยงานต่างๆ ให้เป็น “นักพัฒนา” ที่สามารถ ขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำริได้จริง
นางพิชญดา หัศภาค รอง เลขาธิการ กปร. ได้กล่าวในในพิธีปิด โครงการนักพัฒนาตามแนวพระราชดำริ (พพร.) รุ่นที่ 12 ณ ห้องประชุม หนุมาน 1 สำนักงาน กปร. เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมาว่า “ชื่อ ย่อหลักสูตรนี้ คือ DART เปรียบ เสมือนลูกดอกที่เฉียบคม“เล็งเป้าแม่น ยิงไกล มีทิศทาง” สอดรับกับบทบาท นักพัฒนาตามแนวพระราชดำริ ซึ่งเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่ต้องกล้าคิด กล้าทำมุ่งมั่น ขับเคลื่อน และเห็นผลลัพธ์ อย่างแท้จริง สำนักงาน กปร. คาดหวัง ให้ผู้เข้าอบรมเป็นลูกดอกแห่งการพัฒนา “DART” ที่ไม่ใช่แค่ลูกดอกที่เล็งเป้าหมาย แต่สามารถสร้างกรอบแนวคิดของนัก พัฒนารุ่นใหม่ที่แม่นยำมุ่งมั่น และไม่ หวั่นไหว รวมถึงเป็น “ทุนทางความ สัมพันธ์” และ “พลังแห่งความตั้งใจ” ที่จะนำไปต่อยอดในโลกแห่งความจริงอย่าง มีคุณค่า”นางพิชญดา หัศภาค กล่าว
นางสาวลลิตา ปนุตติกร นักวิเคราะห์ นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงาน ปลัดกระทรวงมหาดไทย หนึ่งในผู้เข้ารับ การอบรม พพร.12 เผยว่า หลักสูตรนี้ ช่วยให้เข้าใจภาพรวมการดำเนินงาน ตามแนวพระราชดำริได้ชัดเจนมากขึ้น ได้เรียนรู้การทำงานของหน่วยงานอื่นๆ และสามารถนำไปปรับใช้ในการทำงาน ร่วมกันแบบบูรณาการ เป็น กปร. ตัวคูณ เกิดการทำงานในแนวทาง เดียวกัน เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
นายภูพิชิต ช่วยบํารุง ผู้อำนวยการส่วนประสานงานโครงการภาคเหนือ สำ นักสนองงานพระราชดําริ กรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หลักสูตร พพร. เป็นหลักสูตร ที่ดีมาก ได้เรียนรู้จากพื้นที่จริง ทำให้เข้าใจระบบงานของแต่ละหน่วยงาน และสามารถสร้างเครือข่ายที่นำไปสู่การ ประสานงานในพื้นที่ห่างไกลได้อย่างมี ประสิทธิภาพ โดยพื้นที่ภาคเหนือซึ่งเป็น พื้นที่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานฯ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร จากการ อบรมครั้งนี้ได้มีแนวทางในการทำงาน เชิงพื้นที่ร่วมกันซึ่งจะเกิดประโยชน์ สร้าง ความผาสุกของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่อไป
นางสาวสุดารัตน์ คุสินธุ์ ผู้อํานวยการ สถาบันอนุชิตพิพรรธน์ สำนักงาน กปร. เปิดเผยว่าโครงการนักพัฒนา ตามแนวพระราชดําริ ปี พ.ศ. 2568 จัดเป็นรุ่นที่ 12 สํานักงาน กปร. ใน ฐานะหน่วยงานหลักในการประสาน หน่วยงานที่สนองงานโครงการอันเนื่อง มาจากพระราชดําริ ตระหนักถึงคุณค่า คุณประโยชน์ขององค์ความรู้ตามแนว พระราชดําริ จึงได้จัดโครงการนี้ขึ้น โดย มีวัตถุประสงค์ 3 ประการด้วยกัน ได้แก่ การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การ ส่งเสริมแลกเปลี่ยนความรู้ ทักษะ รวม ถึงทัศนคติในการทํางาน การบริหาร เชิงกลยุทธ์ที่จะมีประโยชน์ในการทํางาน ที่ส่งผลต่อยอดไปถึงการทํางานสนอง พระราชดําริ และการสร้างเครือข่าย ความร่วมมือ ของบุคลากรจากหน่วยงาน ต่างๆ ในการสนองงานโครงการอัน เนื่องมาจากพระราชดำริ โดยผู้เข้าร่วมอบรมทั้ง 60 ท่าน จะนําความรู้ ความเข้าใจและประสบการณ์ที่ได้รับจาก การอบรมไปปรับใช้ในการทำงานของตนเอง พัฒนาทีมงาน พัฒนาองค์กร เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ขององค์กร และ เป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งในการสนองงาน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่อไป
DART: ลูกดอกแห่งการ พัฒนา จึงไม่ใช่เพียงชื่อของหลักสูตร หากแต่เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่น ความร่วมมือ และการต่อยอดองค์ ความรู้ตามแนวพระราชดำริ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมทั่วประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี