จับสาวสองแสบ
ตุ๋นเหยื่อไปทำงานแคนาดา
300คน-สูญเงิน50ล้านบาท
ตำรวจกองปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือ CIB บุกรวบสาวสอง ตั้งบริษัทจัดหางาน ลวงแรงงานไปแคนาดา ก่อนเชิดเงินหนี ผู้เสียหาย 250-300 ราย สูญเงิน 40-50 ล้านบาท ยังไม่หนำใจ ขู่เรียกเงินเหยื่อ แลกคืนพาสปอร์ต
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2568 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือ CIB มอบหมายให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.สุเทพ โตอิ้ม รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.เจษฎา แก้วจาเครือ พ.ต.ท.อรรถวิทย์ สุขทัศน์ พ.ต.ท.เอนก บุญตา พ.ต.ท.กิตติพงษ์ ศิลาพันธุ์ พ.ต.ท.ชนะ ขำทอง รอง ผกก.4 บก.ป.ว่าที่ พ.ต.ท.อัคนี ณ บางช้าง สว.กก.4 บก.ป.นำกำลังจับกุม นายพรเทพ อายุ 20ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลธัญบุรี ที่ 260/2568 ลงวันที่ 12 มี.ค.2568 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานในต่างประเทศได้ จับกุมได้ที่บริเวณตลาดนัด ภายในซอยจอมทอง 12 แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กทม.
ทั้งนี้ เนื่องจากตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันเข้าร้องเรียนที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี จ.ปทุมธานี ว่า ถูกบริษัทจัดหางาน 3 บริษัท หลอกให้โอนเงินเป็นการค่าดำเนินการเพื่อเดินทางไปทำงานที่ประเทศแคนาดา โดยอ้างว่ามีตำแหน่งงาน และมีรายได้ดี จนต้องสูญเงินคนละประมาณ 150,000 -200,000 บาท ซึ่งจากการสอบถามผู้เสียหาย ทราบว่าได้เห็นโฆษณารับสมัครงานผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย ก่อนติดต่อผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์กับตัวแทนของบริษัท ที่อ้างว่ามีตำแหน่งงาน เช่น งานด้านการเกษตร เก็บผัก แพ็กผลไม้ โดยระบุสถานที่ปฏิบัติงานที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา
อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายบางรายได้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่ทำการของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านในพื้นที่ซอยรังสิต–นครนายก 63/1 พบว่า มีการจัดออฟฟิศให้มีลักษณะเสมือนบริษัทจริง มีโต๊ะทำงาน พนักงานประจำและเอกสารแสดงการจดทะเบียนบริษัทครบถ้วน โดยบริษัทได้วางแผนขั้นตอนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินงวดแรก (ประมาณ 48,000 บาท) เพื่อจัดเตรียมเอกสาร ชีวมิติ (Biometric) การสแกนม่านตา และพิมพ์ลายนิ้วมือ ไปจนถึงการเก็บพาสปอร์ตเพื่อดำเนินการยื่นขอวีซ่า หลังจากผ่านขั้นตอนต่างๆ แล้ว บริษัทได้แจ้งผู้เสียหายให้ชำระค่าตั๋วเครื่องบินและค่าดำเนินการเพิ่มเติม ประมาณ 85,000 – 98,000 บาท พร้อมแจ้งว่าหากไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนด จะถูกยกเลิกวีซ่า ผู้เสียหายจึงยินยอมชำระเงินดังกล่าว เมื่อถึงกำหนดรับเอกสารและตั๋วโดยสาร บริษัทกลับปิดกิจการและไม่สามารถติดต่อได้อีก กลุ่มผู้เสียหายจึงรวมตัวกันเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี โดยมีผู้เสียหายรวม 250–300ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 40–50ล้านบาท
กระทั่งนที่ 12มี.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อออกหมายจับนายพรเทพ อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นกรรมการของทั้ง 3 บริษัท หลังจากนั้นในช่วงปลายเดือน มี.ค.2568 มีผู้เสียหายรายหนึ่งได้รับการติดต่อจากบริษัทดังกล่าว ว่าหากต้องการหนังสือเดินทางของผู้เสียหายคืน ต้องชำระเงินค่าไถ่หนังสือเดินทางอีกเล่มละ 5,000 บาท หากไม่ชำระ จะไม่ได้รับหนังสือเดินทางคืน ผู้เสียหายบางรายจึงยอมชำระด้วยความเกรงกลัว และภายหลังได้รับหนังสือเดินทางคืน จึงแจ้งพฤติการณ์ดังกล่าวให้ตำรวจ กก.4 บก.ป.ทราบ
ต่อมา เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า หนังสือเดินทางดังกล่าวมีต้นทางการจัดส่งจากโรงแรมในพื้นที่รังสิต หมู่ 1 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงร่วมกับตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เข้าตรวจสอบ โดยบพบชายแต่งกายเป็นหญิง (สาวประเภทสอง) กำลังจะออกจากโรงแรม พร้อมกล่องกระดาษและถุงผ้าที่วางไว้หน้าเก้าอี้โรงแรม เมื่อตรวจสอบเอกสารประจำตัว คือนายณัฐวุฒิ อายุ 19 ปี จากการตรวจสอบกล่องกระดาษและถุงผ้า พบหนังสือเดินทางประเทศไทย 241 เล่ม ซึ่งเป็นของบุคคลอื่น โดยเป็นของผู้เสียหายที่แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จึงจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
จากการสอบสวนนายณัฐวุฒิ เบื้องต้นให้การว่า รู้จักกับนายพรเทพ และแจ้งว่าปัจจุบันนายพรเทพ ได้หลบหนีไปยังประเทศลาว กระทั่งช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สืบทราบว่านายพรเทพ ได้กลับประเทศไทย และมีพฤติกรรมย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง เพื่อหลบหนีการถูกติดตามจับกุม จนภายหลังเจ้าหน้าที่พบนายพรเทพ อยู่ภายในซอยจอมทอง 12 แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กทม.จึงวางแผนเข้าจับกุมตัว ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ รับไว้ดำเนินคดี เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ อ้างว่าตนเองก็ถูกหลอกให้จดทะเบียนบริษัทฯ จากการสอบถามข้อมูลจากกลุ่มผู้เสียหายพบว่า มีผู้เสียหายบางราย ได้นำทรัพย์สินไปจำนอง จำนำ เพื่อนำเงินมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายเดินทางไปทำงานต่างประเทศ แต่กลับมาถูกหลอกลวงจนสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องมีหนี้สิน จนเกิดความเครียดและฆ่าตัวตายไปแล้ว 2ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี