วันศุกร์ ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กับภารกิจแก้ปัญหา‘ยาเสพติด’

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กับภารกิจแก้ปัญหา‘ยาเสพติด’

วันพฤหัสบดี ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : ปปส ภาณุรัตน์หลักบุญ ยาเสพติด
  •  

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม มีพันธกิจ 1.กำหนดนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศ ตลอดจนอำนวยการและกำกับการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐและองค์กรภาคีที่เกี่ยวข้อง 2.ศึกษา วิเคราะห์สภาพปัญหา และสนับสนุนข้อมูลวิชาการ ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับยาเสพติด 3.ประสานความร่วมมือกับนานาประเทศในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด

4.ออกระเบียบและอำนวยการให้มีการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ 5.ปฏิบัติงาน และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดตามที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ทีมงาน “นสพ.แนวหน้า” มีโอกาสได้พูดคุยกับ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ถึงสถานการณ์การระบาดของยาเสพติด การขับเคลื่อนงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตลอดจนการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด  


- สถานการณ์ยาเสพติดในรอบปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง? : ป.ป.ส. เราสนับสนุนให้อาจารย์มหาวิทยาลัยได้ทำวิจัยเรื่องสถานการณ์ แนวโน้มทิศทางของปัญหายาเสพติดในเมืองไทย 4 ปีทำ 1 ครั้ง เริ่มมรตั้งแต่ปี 2544 อย่างในปี 2567 อาจารย์ก็ได้มารายงานให้ผู้บริหารของ ป.ป.ส. เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2568  ในภาพใหญ่ปัญหายาเสพติดในบ้านเรามีทิศทางลดลง แหล่งผลิตยาเสพติดในบ้านเราไม่มี จะอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน หลักๆ ที่เขาผลิตมี 4 ตัว คือ เฮโรอีน ไอซ์ เคตามีนและยาบ้า

การประชุมคณะกรรมการยาเสพติดแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 68 เมื่อต้นเดือน มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปกล่าวถ้อยแถลงที่คณะกรรมาธิการว่าด้วยยาเสพติด (CND) ในสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ผมกล่าวชัดเจนว่าปัญหาบ้านผมคือยาบ้า ผมไม่ใช้ภาษาอังกฤษว่าเมทแอมเฟตามีน (Methamphetamine) เพราะถ้าใช้เมทแอมเฟตามีนฝรั่งเขาจะมองว่าเป็นไอซ์ ไอซ์เขาเสพกันทั่วโลกไม่มีใครบ้า ดังนั้นผมไม่ใช้ภาษาอังกฤษ

“แหล่งผลิตเพื่อนบ้าน เฮโรอีน เคตามีน ไอซ์ บ้านผมไม่มีปัญหา บ้านเราเป็นทางผ่านไปสู่ประเทศที่ 3 แต่บ้านผมมีปัญหายาบ้าลงไปสู่ชุมชนแล้ว เพราะฉะนั้นต้องช่วยกัน การใช้ยาบ้าในเวลาที่นานสมองจะถูกทำลาย เพราะยาบ้า 1 เม็ดประกอบด้วยเมทแอมเฟตามีน 20% อีก 80% เป็นคาเฟอีน ถ้าบอกว่าไอซ์มันคือ Pure Methamphetamine (แอมเฟตามีนบริสุทธิ์) คือเมทแอมเฟตามีน 98 – 99% คุณหมอบอกว่า 2 ตัวผสมกัน (เมทแอมเฟตามีน + คาเฟอีน) เมื่อใช้นานๆ สมองจะเสื่อม ถึงเกิดลูกฆ่าพ่อ พ่อฆ่าลูก พ่อเผาบ้าน ยายถูกฆ่า เพราะสมองหลอน

ฝรั่งเขาไม่มีเหตุแบบนี้เพราะเขาไม่ได้เสพยาบ้า เขาเสพไอซ์ ดังนั้นผมก็เลยยกระดับขึ้นสู่เวทีของ UN และ UN ก็บรรจุร่างนี้ ผมขอให้มวลสมาชิกช่วยประเทศไทยในเรื่องของการร่วมกันแก้ไขปัญหายาบ้าในบ้านผม ซึ่งเดี๋ยววันที่ 6 – 8 ส.ค. 2568 นักวิชาการ คุณหมอเก่งๆ ทั่วโลกจะเดินทางมาที่เมืองไทย ประชุมเชิงวิชาการ มาช่วยแนะนำว่าจะช่วยแก้ปัญหายาบ้าอย่างไร ซึ่งฝรั่งเองก็ยังมองไม่ออกว่ายาบ้ามันส่งผลพิษร้ายอย่างไร วันที่จัดประชุม CND ที่ออสเตรีย ผมก็จัดนิทรรศการให้เขาดูว่าเสพยาบ้าจะหลอนแบบนี้ เขาเห็นภาพถึงเป็นร่างมติ”

วันนั้นในการประชุม CND ครั้งที่ 68 ที่ผ่านมา มีประเทศต่างๆ ยกร่างข้อมติ 5 ยกร่าง ประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 มติผมเป็นมติที่มวลสมาชิกให้ความเห็นชอบมากที่สุด 53 ประเทศ ไม่มาประชุม 2 ประเทศ มีทั้งหมด 51 ประเทศ 49 ประเทศ ยกมือสนับสนุนยกร่างข้อมติ คือผมไม่ได้บอกว่าท่านก่อนๆ ผิด เอกสารวิชาการมันเขียนว่า Methamphetamine Tablet (เมทแอมเฟตามีนแบบเม็ด) ถ้าเป็นไอซ์เขาใช้คำว่า Crystal Meth (เมทแอมเฟตามีนแบบผลึก) แต่ถ้าแปลเป็นไทย Methamphetamine Tablet ผมแปลว่าไอซ์เป็นเม็ด

ไอซ์มันคือเมทแอมเฟตามีน 100% แต่ยาบ้าพอเราไปใช้คำว่า Methamphetamine Tablet ก็แสดงว่าเมทแอมเฟตามีน 100%  สิ? ไม่ใช่! ยาบ้า 1 เม็ดมีเมทแอมเฟตามีน 20% เอง อีก 80% คือคาเฟอีน 2 ตัวผสมกันสมองมันถึงได้เลอะเลือนไง เราใช้ภาษาอังกฤษคำว่า Methamphetamine Tablet มาตลอดเวลาประชุม ผมไม่ใช้คำศัพท์นี้เลย ผมใช้อย่างชัดเจนว่าปัญหาบ้านผมคือยาบ้า เพราะยาบ้าผสมเมทแอมเฟตามีน 20% อีก 80% เป็นคาเฟอีน การใช้ยาบ้าด้วยระยะเวลาที่ยาวนานจะทำให้สมองเกิดภาพหลอน เลอะเลือน ฆ่าคนรักใคร่ ทำให้สังคมเกิดความไม่สงบสุข

ฝรั่งยังงงอีก ผมบอกไม่เห็นไร เดี๋ยวกล่าวถ้อยแถลงในห้องใหญ่แล้วจะมีนิทรรศการให้ท่านดู ฝรั่งมาเป็นร้อยเลย ก็เข้าใจและให้ความร่วมมือ นอร์เวย์สนับสนุน รัสเซียน่าจะเป็นสปอนเซอร์ให้ด้วย อันนี้เป็นเรื่องใหม่ แต่ในขณะเดียวกันเราทำคู่ขนานไป เราทำ MOU กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในที่สุดแม้จะมีนักวิชาการหลายประเทศมาให้คำแนะนำ  แต่ในที่สุดแล้วรัฐบาลไทยก็ต้องลงมือทำเองโดย ป.ป.ส.

ผมก็ทำ MOU ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้หายาทดแทนยาบ้า ที่กำลังจะประชุม 6 – 8 ส.ค. 2568 เราทำ MOU รองรับไว้แล้ว อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะเป็นตัวหลักในการทำวิจัย ซึ่งใช้ Sandbox (พื้นที่ทดลองนำร่อง) 2 ที่ คือธัญญารักษ์ขอนแก่น กับธัญญารักษ์เชียงใหม่ เพราะ 2 ธัญญารักษ์นี้รับผู้ป่วยที่ติดยาบ้า อาจารย์จะใช้มียาทดลอง เป็นยาที่รักษาคนติดไอซ์ แต่อาจารย์บอกว่าเรายังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจะมารักษาคนติดยาบ้า เพราะมันคนละตัว อาจารย์ขอทดลอง ทำกับคน 500 – 600 คนก่อน อันนี้ผมถือว่าเป็นการยกระดับความร่วมมือ

“คนติดยาเสพติด หมายถึงเดือนๆ หนึ่งเสพ 20 วัน ในปี 2562 มีผู้ติดยาเสพติด 4.5 แสนคน แต่ในปี 2567 ลดลงเหลือ 3.3 แสนคน ลดลงแสนกว่าคน แต่ประเด็นคือสิ่งที่ลดลงคือไอซ์ เฮโรอีนเพิ่มขึ้นบ้างแต่น้อย ยาอีลดลง ยาเค (เคตามีน) ลดลง แต่ที่มาเพิ่มเห็นอย่างชัดเจน ปี 2562 มีผู้ติดยาบ้า 9.1 หมื่นคน แต่ปี 2567 2.8 แสนคน ซึ่งก็ตรงกับปัญหาบ้านเราก็คือยาบ้า”       

ปัญหายาเสพติดพูดภาพใหญ่ไม่ได้ ต้องพูดภาพเล็ก เป็นที่มาที่ไปว่าขณะนี้เราต้องมาเน้นการสกัดกั้นยาบ้า ในเมื่อเราทราบว่ายาเสพติดไม่มีแหล่งผลิตในบ้านเรา กลไกของรัฐบาลที่ออกมาคือ “Seal – Stop - Safe” จะเห็นว่าตั้งแต่เริ่มเปิดปฏิบัติการ น่าจะต้นๆ ปี 2568 จะเห็นว่าสามารถสกัดกั้นยาเสพติดทุกประเภทตามแนวชายแดนได้เพิ่มขึ้น 4 – 5 เท่าตัว ปีนี้ปีเดียว ยาบ้าถ้าจำไม่ผิดประมาณ 700 กว่าตัน อันนี้เป็นสิ่งที่เรากำลังดำเนินการอยู่

- การปราบปรามยาเสพติดตลอดช่วงปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง? : ถ้าเรื่องของการปราบปราม เรื่องของการป้องกัน การบำบัด การบังคับใช้กฎหมายก็เป็นเรื่องของตำรวจ แต่ของ ป.ป.ส. เราเปิดปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม ทุกวันนี้เราจับยาเสพติดได้มาก ทีละ 4 – 5 ล้านเม็ด แต่เราได้แค่แรงงาน ส่วนผู้สั่งการเมื่อถูกออกหมายจับเขาจะหลบไปอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นการตัดไฟแต่ต้นลมของผมคือขยับข้ามพรมแดน ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศในการเข้าไปจับ

“ปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลมเราทำมา 4 ครั้งแล้ว แต่ละครั้งก็จะมีการยึดทรัพย์ผู้ต้องหา 4 ครั้งยึดได้ 262 ล้านบาท ล่าสุดผมก็จับผู้สั่งการรายใหญ่ที่เมียนมา (เตชินท์-ฉมัง) ซึ่งเมื่อวันที่ 2 – 4 ก.ค. 2568 ผมบินไปพบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เมียนมา บอกช่วยจับผู้ต้องหา 2 รายนี้ให้หน่อย อยู่ที่ท่าขี้เหล็ก ถ้าจับได้จะหยุดการสั่งการ ตัดวงจรผู้สั่งการรายใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศได้ ซึ่งเขาก็จับให้เรา เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2568 ผมบินไปที่แม่สาย (เชียงราย) ก็ไปรับตัว เลขาธิการ ป.ป.ส. เมียนมา เขาก็ส่งตัวมาให้”  

อันนี้ถือเป็นการยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นภาพนี้ ส่วนใหญ่เราจะจับแต่แรงงาน จับยาบ้า 10 ล้านเม็ด 20 ล้านเม็ด ไม่มีประโยชน์อะไรเพราะได้แต่แรงงาน ผู้สั่งการอยู่ฝั่งโน้น (ประเทศเพื่อนบ้าน) มันก็สร้างคนใหม่ได้เพราะผลประโยชน์มหาศาล เราก็ต้องก้าวกระโดดไปสู่การตัดไฟแต่ต้นลม ทำมา 4 ครั้งแล้ว และแต่ละครั้งยึดทรัพย์พวกนี้หมด

แต่มีรายหนึ่งชื่ออาฉาง เป็นคนไทย ยึดทรัพย์ไป 66 ล้านบาท แต่ไปซื้อทรัพย์ที่ท่าขี้เหล็ก (เมียนมา) อีกพันกว่าล้านบาท เปิดร้านทอง ผับ โรงแรม อันนี้ผมก็บินไป ต้องไปพบรัฐมนตรีมหาดไทยของเขา ให้เขาสั่งการหน่วยงานต่างๆ กฎหมายเรื่องนี้เป็นกฎหมายสากล ตอนนี้ก็ส่งเอกสารไปทางเมียนมา ให้เขาดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินที่อยู่ทางฝั่งท่าขี้เหล็ก

- ที่ผ่านมาไทยมีนโยบาย “ผู้เสพคือผู้ป่วย” พยายามนำผู้ใช้ยาเสพติดเข้ากระบวนการบำบัด แต่ก็เห็นว่ามีไม่น้อยที่บำบัดแล้วกลับไปใช้ยาเสพติดซ้ำ อะไรคือปัจจัยที่ทำให้คนกลุ่มนี้ไม่สามารถเลิกได้อย่างเด็ดขาด? : ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ซ้อนกับปัญหาความยากจน ซ้อนกับปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ซ้อนกับปัญหาครอบครัว ที่เราเจอส่วนใหญ่ ถ้าเข้าสู่กระบวนการบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแล้ว 100 คนจะกลับเสพซ้ำ 30 คน หรือ 30%

ทีนี้เราเข้าไปดูเพราะอะไรเขาถึงกลับไปเสพซ้ำ อันดับแรกที่เราเห็นคือสภาพความยากจน พ่อแม่ไมได้อยู่ด้วยกับผู้ที่ใช้ยาเสพติด เขากลับมาก็อยู่ในสังคมเดิมๆ สภาพแวดล้อมเดิม กลุ่มเพื่อนเดิม ยังมีผู้ค้าอยู่ในพื้นที่ ขาดความอบอุ่น โอกาสจะกลับไปเสพซ้ำก็สูง แต่สิ่งที่เราเห็นเรื่องของการกลับไปเสพซ้ำ แม้จะมีอัตรากลับไปเสพซ้ำที่ 30 % แต่คนที่กลับไปเสพซ้ำเขาจะเสพในปริมาณที่พอเหมาะ ที่จะไม่ทำให้ตัวเองหลอน

คือถ้าเสพมากกว่านี้เขาจะเริ่มเพี้ยน เขาพบระหว่างเข้าสู่กระบวนการบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด จะมีนักจิตวิทยา คุณหมอมาสอนเขาว่าพิษภัยของการเสพยาบ้า เสพขนาดไหนจะเป็นอย่างไร เขาก็จะเรียนรู้ไปด้วย ดังนั้นแม้ว่าเขากลับมาเสพซ้ำแต่อาจเสพในอัตราที่รู้ว่าเสพแล้วตัวเองไม่ไปทำอันตรายกับใคร นั่นเป็นประการแรก

“ประการที่สองที่รัฐต้องทำ สิ่งที่ผมเห็นว่าไม่กลับมาเสพซ้ำก็คือเมื่อใดที่เขาได้มีอาชีพการงานที่มั่นคง อันนี้เป็นโจทย์ของรัฐแล้ว เขาเรียกศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม ซึ่งจาก 100 คน 70 คนไม่กลับมาเสพซ้ำ ส่วนหนึ่งนักจิตวิทยาช่วย พ่อแม่ช่วย ความอบอุ่นในครอบครัวช่วย แต่ที่สำคัญคือเขาได้มีโอกาสทำงาน สังคมให้โอกาสเขา เพราะการมองผู้เสพเป็นผู้ป่วยมันไม่มีประวัติอาชญากร เขาสามารถไปทำงานได้

สมัยก่อนเรามองผู้เสพเป็นอาชญากร จับแล้วพิมพ์มือ มีประวัติ ไปทำงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ แต่พอโอกาสนี้มา เขาสมัครใจเข้ากระบวนการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแล้ว เขามีโอกาสคืนสังคม เมื่อเขารู้ระหว่างอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด เขาก็จะได้รับรู้ว่าเมื่อเขากลับไปแล้ว หายแล้ว เขามีโอกาสไปสมัครงานได้ เขาไม่มีประวัติ”

ภาพใหญ่ตอนนี้มองตรงกันว่าผู้เสพคือผู้ป่วย ผมมาใหม่ๆ ปี 2566 ผมยังมองว่าภาครัฐมองผู้เสพคืออาชญากรอยู่เลย แต่หลังๆ มา ยิ่งปีนี้ชัดเจน ปีงบประมาณ 2568 เงินจะหมดแล้ว ขณะนี้กำลังทำงบประมาณ 2569 ซึ่งชัดเจนว่ารัฐบาลมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาผู้บำบัด เพราะรัฐบาลให้ก้อนเงินทุกปี ปี 2567 ให้ปราบปรามอันดับ 1 ป้องกันอันดับ 2 บำบัดอันดับ 3 ปี 2568 ก็เช่นกัน แต่ปี 2569 ไม่ใช่ รัฐบาล – สภาฯ เริ่มเข้าใจแล้ว ให้ปราบปรามอันดับ 1 บำบัดอันดับ 2 ป้องกันอันดับ 3 ซึ่งตรงใจ ผมยังขอบคุณสภาฯ เลย

- ปัญหายาเสพติดในประเทศไทย มีเรื่องผู้มีอิทธิพลหรือไม่? : ไม่มี! ผมยืนยันว่าประเทศไทยไม่มี Gangster (องค์กรอาชญากรรม) UNODC เขามีสำนักงานที่นี่ (ประเทศไทย) หลายประเทศมาถามว่าประเทศไทยเหมือนเม็กซิโกไหม? เหมือนเปรูไหม? ผมยืนยันว่าแก๊งยาเสพติดในประเทศไทยไม่มี ไม่มีการมาไล่ยิงตำรวจ ผมเป็นเลขาธิการ ป.ป.ส. ไล่จับคนมากมาย ผมเดินออกไปคนเดียวก็ได้ ถ้าเป็นเมืองนอกระดับผมไปต้องมีการ์ดเต็มไปหมด ต้องนั่งรถกันกระสุน ผมยืนยันว่าประเทศไทยไม่มีผู้มีอิทธิพลเรื่องยาเสพติด ส่วนจะมีอิทธิพลเรื่องอื่นก็มีไป อย่างเรื่องผับ สถานบริการ โน่นนี่นั่น แต่ที่มีอิทธิพลว่าค้ายาเสพติด ร่ำรวยขึ้นมา ใครค้นบ้านไม่ได้ ไม่มี

- เกือบ 2 ปีของการดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ส. ประเมินผลงานของท่านเองไว้อย่างไร? : ผมมาตั้งแต่ 1 พ.ย. 2566 โอนย้ายมาจากผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผมคงประเมินตัวเองไม่ได้ แต่ผมประเมินจากเสียงสะท้อนจากประชาชน เมื่อสะท้อนจากประชาชนก็สะท้อนจากผู้แทน ผมไปชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2569 สส. ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน อันนี้ไม่ได้พูดเข้าข้างตัวเอง น้องๆ ป.ป.ส. หลายคนก็นั่งอยู่ในที่ประชุมด้วย สส. ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลชื่นชม 1.ทิศทางการทำงานของ ป.ป.ส.  มาถูกทาง 2.คนของ ป.ป.ส. ทุ่มเทในการทำงาน

และในการเสนอแผนปฏิบัติการกับรัฐบาล ถือว่าเดินทางถูกทิศทาง แล้วหลายๆ ครั้งที่มีการประเมิน แผนฯ ปี 2567 ทั้งปี แผนฯ ปี 2568 ซึ่งกำลังจะครบอีกไม่กี่เดือน รัฐบาลจะให้สำนักงานสถิติแห่งชาติเป็นคนประเมิน ในปี 2567 สถานการณ์ยาเสพติดเราดีขึ้น แต่ไม่ได้หมดลงเพราะบางอำเภอ บางหมู่บ้าน บางชุมชนยังมีการระบาด ปี 2568 ขณะนี้สำนักงานสถิติแห่งชาติกำลังลงเก็บข้อมูล

ซึ่งกลไกมันเปลี่ยนไปเยอะ คือแผนฯ ปี 2568 ที่กำลังขับเคลื่อนอยู่นี้ผมมีการกำหนดตัวชี้วัด 17 ตัวชี้วัดที่เป็น Process Indicator (ตัวชี้วัดการดำเนินการ) คือต้องนำผู้เสพเข้ารับการบำบัดได้กี่คน ต้องจับผู้ค้ารายย่อยได้กี่คน รายใหญ่ได้กี่คน ยึดทรัพย์ได้กี่คน ตรวจสถานบริการ นำผู้หายป่วยจากการบำบัดรักษาเข้าสู่ให้มีงานทำ ซึ่งตรงนี้ผมร่วมประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดด้วยตัวผมเอง เดือนละ 2 ครั้ง ในแผนฯ ปี 2568 ร่วมแก้ไขกับผู้ว่าราชการจังหวัด 

เพื่อให้ประเมินในเดือน ส.ค. 2568 สำนักงานสถิติแห่งชาติจะไปประเมินว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมด 17 ตัวชี้วัด Outcome Indicator (ตัวชี้วัดผลลัพธ์) อีก 4 ตัวชี้วัด ประชาชนสัมผัสได้ไหมว่าสถานการณ์ยาเสพติดในจังหวัดตัวเองลดลง ประชานรู้สึกปลอดภัยไหม ประชาชนมั่นใจ – เชื่อใจหรือไม่ว่าสิ่งที่รัฐบาลเดินมาถูกทาง จากที่เรากำหนด 17 ตัวชี้วัดไปแล้ว

หลายๆ เรื่องก็มีการเปลี่ยนแปลง ผมไปประเมินตัวเองไม่ได้ แต่ผมมีความรู้สึกว่า เอาจากสถิติการทำร้ายร่างกาย ปี 2567 ทั้งปี สำนักงาน ป.ป.ส. จ้างบริษัท Outsource ในการ Monitor เหตุพ่อทำร้ายลูก ลูกทำร้ายแม่ อะไรต่างๆ ไม่ใช่เอาจากกินเหล้าแล้วไปทำร้ายนะ เอาจากที่ติดยาเสพติดแล้วทำร้าย ออกข่าว 670 คดี แต่ปี 2568 ครึ่งปีน่าจะประมาณ 180 กว่า ลดไป 80% ผมกำลังประเมินว่าอย่างน้อยก็สัมผัสได้ว่าเหตุทำร้ายร่างกายพ่อแม่ ทำร้ายร่างกายจากการเสพยาเสพติดมันลดลง ก็เชื่อว่าผู้คลุ้มคลั่งยาลดลง!!!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ช็อคล็อตมโหฬาร! ผงยาอี65ล้านซุกท้ายกระบะ ลานจอดอพาร์ทเม้นท์อุดรฯ ช็อคล็อตมโหฬาร! ผงยาอี65ล้านซุกท้ายกระบะ ลานจอดอพาร์ทเม้นท์อุดรฯ
  • รวบแก๊งเมียนมาพร้อมยาบ้า ใช้โดรนดูต้นทางก่อนลงมือลักทรัพย์ รวบแก๊งเมียนมาพร้อมยาบ้า ใช้โดรนดูต้นทางก่อนลงมือลักทรัพย์
  • ‘ผู้การปทุมธานี’ร่วมปล่อยแถวเอกซเรย์ผู้เสพ ตามปทุมโมเดล-NO DRUGS NO DEALERS ‘ผู้การปทุมธานี’ร่วมปล่อยแถวเอกซเรย์ผู้เสพ ตามปทุมโมเดล-NO DRUGS NO DEALERS
  • รวบ\'ผศ.ดร.\'มหาวิยาลัยชื่อดังขอนแก่น ลอบส่งยาไอซ์ให้ลูกค้า รวบ'ผศ.ดร.'มหาวิยาลัยชื่อดังขอนแก่น ลอบส่งยาไอซ์ให้ลูกค้า
  • ป.ป.ส.ขยายผลทลายเครือข่าย\'ไอ ยี่ ซอ\' รวบ5ผู้ต้องหา ยึดคีตามีน-ไอซ์-ทรัพย์สิน3.3ล้าน! ป.ป.ส.ขยายผลทลายเครือข่าย'ไอ ยี่ ซอ' รวบ5ผู้ต้องหา ยึดคีตามีน-ไอซ์-ทรัพย์สิน3.3ล้าน!
  • จนท.สตูลผนึกกำลัง! กวาดล้างขบวนการค้ายาไอซ์-ยึดทรัพย์อื้อกว่า 10 ล้าน จนท.สตูลผนึกกำลัง! กวาดล้างขบวนการค้ายาไอซ์-ยึดทรัพย์อื้อกว่า 10 ล้าน
  •  

Breaking News

'วราวุธ'พ่นอังกฤษรัวๆ แถลงการณ์โจมตีพลเรือนไทย ชาวเน็ตซูฮกนี่คือ'สปีด'ที่เข้มแข็งที่สุด

กต.ขอบคุณนายกฯมาเลย์! 'อันวาร์ อิบราฮิม'เสนอให้'ไทย-กัมพูชา'หยุดยิง

'สกลธี'ตอกย้ำ! วาทกรรม'ทหารมีไว้ทำไม?'ต้องหยุดได้แล้ว

สมรภูมิ'ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ'เดือด 'ทหารราบ-รถถัง-ปืนใหญ่'ปะทะตลอดแนว

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved