‘โฆษกรัฐบาล’ความมั่นคงรายงาน‘นายทุนบ่อน-รัฐบาลเขมร’สุมหัว สั่ง‘แก๊งคอลเซนเตอร์’ปรับการหลอกลวงคนไทยมาทำ‘สงคราม IO’โจมตีไทยในโซเชียลมีเดีย กว่า 500 ล้านครั้งต่อวัน วอนคนไทยเป็น‘นักรบไซเบอร์’สวนกลับได้อย่าเคลิ้มตาม IO เขมรมาด่าไทยกันเอง
28 กรกฎาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ. ทก.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างไทย-กัมพูชา ฝ่ายความมั่นคงรายงานว่า พบการโจมตีทางไซเบอร์จากผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจากประเทศกัมพูชามายังสื่อต่างๆ ในประเทศไทย เช่น เปิดเป็นบัญชีผู้ใช้งานปลอมเป็นคนไทยนับล้านบัญชี ทั้งในเฟซบุ๊ก IG และ x และเข้าไป กดรีพอร์ตเฟซบุ๊ก ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลไทย ด่าทอ กองทัพไทย และรัฐบาลเป็นจำนวนมาก และโจมตีด้วย DDos Attack ถึงกว่า 500 ล้านครั้ง ภายในเวลา 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ พบว่า วันนี้สถิติการหลอกลวงทั้งทางคอลเซนเตอร์และไซเบอร์จากประเทศกัมพูชาลดลงเหลือไม่ถึง 5% แต่กลับพบว่า มีการเปลี่ยนเป้าหมายโดยสั่งการให้ แก๊งคอลเซนเตอร์ เหล่านี้ดำเนินการเข้ามาถล่มโซเชียลมีเดียของไทย และชักจูงให้คนไทยด่าคนไทยกันเองอย่างต่อเนื่องมากกว่า 90% ซึ่งวันนี้ คนไทยทุกคนสามารถเป็นนักรบได้ โดยช่วยกันเข้าไปตอบโต้วันละอย่างน้อย 3 เวลา แทนการด่าคนไทยหรือรัฐบาลด้วยกันเอง ตามที่ IO กัมพูชาปฏิบัติการอยู่ โดย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) พบว่ารูปแบบการโจมไทยในครั้งนี้ ใช้กลยุทธ์ โฆษณาชวนเชื่อ Information Operations (IO) แบบครบวงจร จากกัมพูชา ประกอบด้วย 3 รูปแบบหลักได้แก่
1.มีการสั่งการจากกลุ่มทุน บ่อนการพนัน และแก๊งคอลเซนเตอร์ และเชื่อมโยงไปยังคนในรัฐบาลกัมพูชา ให้ไปสร้างบัญชีเป็นผู้ใช้ปลอมหรือ “อวตาร” จำนวนมากจากพื้นที่กัมพูชาเพื่อใช้ในการส่งข้อความสแปม (Flooding) เข้าสู่เพจต่าง ๆ ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
2.พฤติกรรมบัญชีปลอมเหล่านี้ จะใช้วิธีการ รายงานเพจต่าง ๆ ของไทยไปยัง Meta ของเฟซบุ๊ก อย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายเพื่อให้ Meta ดำเนินการปิดเพจดังกล่าว โดยอาศัยระบบอัตโนมัติของ Meta ที่อาจตัดสินใจปิดบัญชี เมื่อได้รับรายงานจำนวนมาก
3.การโฆษณาชวนเชื่อของ IO เหล่านี้จะสร้างและแพร่ข่าวเท็จผ่านความคิดเห็นใต้โพสต์ต่าง ๆ พร้อมใช้บอท (Bot) ระดมรายงานเนื้อหาเหล่านั้น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับข้อมูลเท็จ ต่างๆที่ โจมตีด่าทอประเทศไทย
ทั้งนี้ เว็บไซต์และเฟซบุ๊กแฟนเพจของส่วนราชการไทยได้ถูก IO ของกัมพูชาโจมตี โดยการบิดเบือนเนื้อหาข่าว และใช้ภาพปลอมสร้างข่าวปลอม (Fake News) เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดและลดทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทย หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทางการไทยได้มีการตั้งค่าบล็อกตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ (Geo-Blocking ) เพื่อจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาโดยอ้างอิงจากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของผู้ใช้งานผ่านการตรวจสอบที่อยู่จากหมายเลขประจำเครื่อง (IP Address) ว่ามาจากประเทศใด และอนุญาตหรือปฏิเสธการเข้าถึงตามนโยบายที่กำหนดไว้ ซึ่งจะสามารถกั้นการเข้าถึงผู้ใช้จากประเทศกัมพูชาได้ โดยขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) กำลังเร่งประสานงานกับ Meta เพื่อชี้แจงสถานการณ์และขอความร่วมมือในการป้องกันการโจมตี
นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลโดย ศบ.ทก.ได้ประสานงานกับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี อย่างต่อเนื่องในการดำเนินการต่อสู้ดังกล่าว จึงขอแจ้งเตือนให้กับประชาชนคนไทย เมื่อเห็นข่าว หรือการโพสต์ที่มีข้อความเชิงลบ หรือด่าท่อรัฐบาลดังกล่าวนั้น ให้เข้าใจได้เลยว่าเป็นแก๊งเดียวกันกับคอลเซ็นเตอร์ที่ช่วงนี้รับงานจากรัฐบาลกัมพูชาใช้ IO ในการปั่นหัวคนไทย
“ขอให้คนไทย ไม่หลงเชื่อ IO เขมรไม่ว่าจะโดนโจมตีทางไซเบอร์ในรูปแบบใด ขอให้เชียร์คนไทยทุกคนไม่ว่าจะเป็นกองทัพ ภาครัฐ ภาคเอกชนหรือภาคการเมือง ซึ่งมีเจตจำนงในการต่อสู้ เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา และขอย้ำว่า หากจัดเพียงวันละ 3 โพสต์ หรือตอบโต้ ด้วยนักรบไซเบอร์ไทยที่ใครๆก็ช่วยชาติได้กว่า 70 ล้านคนก็จะเท่ากับกว่า 200 ล้านโพสต์ต่อวัน นั่นคือนักรบภาคประชาชนคนไทยที่สาสามารถทำได้” นายจิรายุกล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี