จังหวัดแม่ฮ่องสอนเผชิญสถานการณ์ท้าทาย เมื่อองค์กรระหว่างประเทศเตรียมลดการสนับสนุนอาหารแก่ผู้หนีภัยการสู้รบในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ หลังวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ลี้ภัยที่ไม่ใช่กลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่กว่าสองหมื่นคน ขณะที่จังหวัดเร่งหารือแนวทางแก้ไขและประสานกระทรวงมหาดไทยด่วน
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุมสำคัญเมื่อเวลา 16.00 น. ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอขุนยวม เพื่อหารือและเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์การลดการสนับสนุนจากองค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ องค์การ IRC (International Rescue Committee) เตรียมยุติการให้บริการ และ องค์การ TBC (The Border Consortium) ลดการให้ความช่วยเหลือด้านอาหารแก่ผู้หนีภัยการสู้รบในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ
การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจากหลายภาคส่วน ทั้งนายอำเภอขุนยวม หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดและอำเภอ หัวหน้าพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ บ้านแม่สุรินทร์ ผู้แทนองค์การกุศลเอกชน (NGOs) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีประเด็นสำคัญที่สรุปจากการหารือเพื่อเตรียมการหลังวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ดังนี้
ด้านสาธารณสุข โรงพยาบาลขุนยวมจะจัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 1 คน ประจำจุดตรวจหน้าพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ เพื่อคัดกรองผู้ป่วยและประสานงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ อส. โดยปฏิบัติงาน 3 วันต่อสัปดาห์ในพื้นที่ และ 2 วันที่โรงพยาบาล โดยได้รับค่าจ้างจากโรงพยาบาล
องค์การ IRC ยังคงมียาสำหรับการรักษาในพื้นที่พักพิงฯ ได้อีกประมาณ 3-4 เดือน และโรงพยาบาลขุนยวมจะสนับสนุนเพิ่มเติมตามความจำเป็น
หลังวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 องค์การ IRC จะส่งมอบสถานพยาบาล ยา และอุปกรณ์การแพทย์ในพื้นที่พักพิงฯ ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยังสามารถจ้างเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมต่อไปได้อีก 1 เดือน
ด้านการจัดการขยะ ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ บ้านแม่สุรินทร์ ผู้หนีภัยจะยังคงคัดแยกขยะและบรรจุถุงตามเดิม โดยจะมีการจัดเก็บและนำไปทิ้งสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งจะขอความอนุเคราะห์รถยนต์จากผู้ประกอบการในพื้นที่
ด้านการบริหารจัดการน้ำ เจ้าหน้าที่ผู้หนีภัยฯ ที่ผ่านการอบรมจะร่วมกับหน่วยงานรับผิดชอบดูแลน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค รวมถึงการจัดหาและขอรับการสนับสนุนผงคลอรีน ซึ่งองค์การ IRC ยังคงมีผงคลอรีนเหลือใช้ได้ประมาณ 3-4 เดือน
ด้านอาหาร (ประเด็นเร่งด่วน) หลังวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 องค์การ TBC จะสามารถสนับสนุนอาหารให้กับผู้หนีภัยฯ ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ ได้เฉพาะกลุ่มเปราะบางเท่านั้น โดยระบบบัตรอาหารจะสิ้นสุดลงและเปลี่ยนเป็นการแจกอาหารพื้นฐาน เช่น ข้าว น้ำมัน ถั่ว ในระยะสั้น
ผู้หนีภัยการสู้รบที่ไม่ใช่กลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่พักพิงฯ จะไม่ได้รับการสนับสนุนอาหารอีกต่อไป และปัจจุบันหน่วยงานในพื้นที่ยังไม่สามารถหางบประมาณมาทดแทนในส่วนนี้ได้
ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนจะเร่งรายงานสถานการณ์นี้ไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อหารือแนวทางแก้ไขโดยด่วนต่อไป
ก่อนหน้านี้ นายเล่าฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ได้แสดงความกังวลว่าจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีผู้หนีภัยจากการสู้รบอยู่ในศูนย์พักพิงประมาณกว่า 25,000 คน และเสนอแนะว่าทางการไทยควรหาแนวทางช่วยเหลือ เช่น การเปิดโอกาสให้ผู้ลี้ภัยสามารถหางานทำได้ในจังหวัด เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยเน้นย้ำถึงความเป็นห่วงต่อชีวิตคนกว่าสองหมื่นคนที่อาจประสบภาวะขาดแคลนอาหาร ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้
จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดชายแดนที่มีพื้นที่พักพิงชั่วคราวจากการสู้รบถึง 4 แห่ง ปัจจุบันมีผู้หนีภัยรวมกว่า 25,597 คน โดยในจำนวนนี้เป็นเด็กมากถึง 10,260 คน
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 การสู้รบระหว่างรัฐบาลเมียนมากับชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดน ทำให้มีผู้หลบหนีภัยเข้ามายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมาเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2531 จำนวนผู้อพยพในจังหวัดแม่ฮ่องสอนพุ่งสูงถึง 39,780 คน ทำให้จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยศูนย์สั่งการชายแดน ได้จัดตั้งพื้นที่พักพิงชั่วคราวเพื่อดูแลตามหลักมนุษยธรรมมาจนถึงปัจจุบัน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้หนีภัยได้รับการสนับสนุนดูแลจาก สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และองค์กรเอกชนระหว่างประเทศกว่า 10 แห่ง อาทิ องค์การ TBC ดูแลด้านอาหาร, องค์การ IRC ดูแลด้านสาธารณสุข, และ JRS ดูแลด้านการฝึกอาชีพ นอกจากนี้ยังมีองค์กรอื่นๆ รวม 11 องค์กรที่ให้ความช่วยเหลือในแต่ละศูนย์ เช่น การฝึกอาชีพ สอนภาษาถิ่นและภาษาอังกฤษ (ภาษาไทยเป็นวิชาเลือก) รวมถึงโรงพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น ก่อนส่งต่อไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดหากอาการหนัก
ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2567 ศูนย์พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบทั้ง 4 แห่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีรายละเอียดดังนี้
พื้นที่พักพิงบ้านใหม่ในสอย ต.บางปางหมู อ.เมือง (ตั้งขึ้นปี 2539) 1,719 ครัวเรือน, 6,642 คน
พื้นที่พักพิงบ้านแม่สุรินทร์ ต.ขุนยวม อ.ขุนยวม (ตั้งขึ้นปี 2535) 407 ครัวเรือน, 1,831 คน
พื้นที่พักพิงบ้านแม่ลามาหลวง ต.สบเมย (ตั้งขึ้นปี 2538) 1,692 ครัวเรือน, 9,071 คน
พื้นที่พักพิงบ้านแม่ละอูน ต.สบเมย อ.สบเมย (ตั้งขึ้นปี 2546) 1,513 ครัวเรือน, 8,053 คน
รวมผู้หนีภัยใน 4 พื้นที่พักพิงจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทั้งสิ้น 25,597 คน ซึ่งมีเด็กมากถึง 10,260 คน (ร้อยละ 42) ตั้งแต่ปี 2549 มีผู้หนีภัยจากทั้ง 4 ศูนย์ฯ กว่า 25,000 คน ได้เดินทางไปตั้งถิ่นฐานใหม่ยังประเทศที่สาม เช่น ออสเตรเลีย สวีเดน นอร์เวย์ นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา โดยเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกามากที่สุดกว่า 1 หมื่นคน
ในขณะที่สถานการณ์ในรัฐคาเรนนี ซึ่งอยู่ตรงข้าม อ.เมืองแม่ฮ่องสอน และ อ.ขุนยวม ยังคงมีการสู้รบอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีประชาชนบางส่วนพยายามหนีเข้ามาในไทย เนื่องจากถูกทางการเมียนมาใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดใส่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี