46 ปี แห่งความสำเร็จ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งเป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาแห่งแรกของประเทศ ยังคงเป็นที่พึ่งสำคัญของราษฎร ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเกษตรครบวงจร ตั้งแต่การปรับปรุงดิน การปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ ไปจนถึงการแปรรูปผลผลิต เกษตรกรยืนยันน้อมนำไปปฏิบัติใช้จริง ช่วยให้ครอบครัว “มีกินมีใช้เพียงพอ” แม้ 2 เดือนไม่ไปตลาดก็ไม่ขัดสน
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ จัดงานนิทรรศการ “ปฐมบทแห่งศูนย์ศึกษาฯ ต้นแบบการเรียนรู้ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ระหว่างวันที่ 7- 12 สิงหาคม 2568 โดยมีนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยนายศุภรัชต์ อินทราวุธ รองเลขาธิการ กปร. และหน่วยงานในพื้นที่ เข้าร่วมงาน
นายอนุรักษ์ บัวคลี่คลาย ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ เป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาแห่งแรกที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้การพัฒนาตามลักษณะภูมิประเทศและภูมิสังคมในลักษณะ “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต” เป็นพื้นที่ในการศึกษา ทดลอง และจัดทำแปลงสาธิตผลสำเร็จด้านการปรับปรุงดิน การปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ และการประมง เพื่อให้เกษตรกรเข้ามาเรียนรู้และต่อยอดในพื้นที่ของตนอย่างจนประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรม
“ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ ได้น้อมนําแนวพระราชดําริ ด้านต่าง ๆ มาปรับใช้ไปพร้อมกับการศึกษาทดลองในพื้นที่ จนประสบผลสําเร็จ เช่น การปรับปรุงสภาพดินที่ไม่สามารถเพาะปลูกได้ให้เพาะปลูกได้ จนปัจจุบันสามารถปลูกข้าว ที่ให้ผลผลิตเพียงพอสำหรับการบริโภคในครัวเรือนและจำหน่าย ข้าวที่ปลูกจะเป็นข้าวหอมมะลิ 105 ซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค” นายอนุรักษ์ บัวคลี่คลาย กล่าว
นางสมรัตน์ อินทศรี เกษตรกรต้นแบบ ที่ได้รับการขยายผลจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ เผยว่า ได้นำแนวทางจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ มาปฏิบัติใช้ ทั้งการปรับปรุงดิน การปลูกข้าวปลอดสารเคมี พันธุ์หอมมะลิ 105 การปลูกพืชผักรอบบ้านควบคู่กับการเลี้ยงสัตว์ การเพาะเลี้ยงปลาและหอยเชอรี่สีทองในบ่อซีเมนต์ ผลผลิตที่ได้สามารถบริโภคเองและแปรรูปสร้างรายได้เสริม
“สองเดือนอยู่บ้านไม่ต้องไปตลาดก็อยู่ได้สบาย ข้าว พืชผักที่ปลูก และสัตว์เลี้ยงทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ จะนำมาหมุนเวียนบริโภคภายในครัวเรือน เหลือกินก็นำมาแปรรูป เช่น ปลาดุกร้า ปลาแดดเดียว ไข่ไก่มีให้เก็บกินทุกวัน ส่วนไข่เป็ดนำมาแปรรูปเป็นไข่เค็มสร้างรายได้อีกทาง โดยได้เรียนรู้การประกอบอาชีพเหล่านี้จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ ช่วงที่ทางศูนย์เปิดอบรมเพิ่มเติมก็เข้าไปอบรมแล้วนำมาพัฒนาต่อยอดทำให้มีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น มีรายได้ให้ครอบครัวมาอย่างต่อเนื่อง” นางสมรัตน์ อินทศรี กล่าว
เช่นเดียวกับ นางกิ่งกาญจน์ นามูล เจ้าของสวนยัยแมว อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เล่าว่า เดิมครอบครัวมีอาชีพทางการเกษตรที่อาศัยธรรมชาติ ทำให้ผลผลิตไม่สมบูรณ์ รสชาติไม่ดี หลังจากได้เรียนรู้เรื่องการปรับปรุงดินจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน ฯ ทำให้ผลผลิตทั้งทุเรียน เงาะ มังคุด มะนาว และกะท้อน มีคุณภาพและรสชาติอร่อยเป็นที่ต้องการของตลาด สร้างความมั่นคงทางรายได้ของครอบครัวอย่างต่อเนื่อง
“นับเป็นพระมาหมากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์มีพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ ขึ้น ทำให้ราษฎรมีที่พึ่งในการเรียนรู้ด้านการทำกิน ตั้งแต่การเพาะปลูก การพัฒนาคุณภาพและแปรรูปผลผลิต ตลอดจนการสนับสนุนการตลาดให้กแก่เกษตรกรในพื้นที่ ปัจจุบันมีกินมีใช้ไม่ขัดสน”นางกิ่งกาญจน์ นามูล กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี