13จว.อ่วม-ตาย3  น้ำท่วมยังกระทบทั่วไทย  ‘หล่มสัก’พนังกั้นน้ำแตก

13จว.อ่วม-ตาย3 น้ำท่วมยังกระทบทั่วไทย ‘หล่มสัก’พนังกั้นน้ำแตก

วันจันทร์ ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ปภ.แจ้งอุทกภัย “เหนือ-อีสาน-กลาง” กระทบ 13 จังหวัด ดับแล้ว 3 ศพ ด้านกรมอุตุฯ เตือน 4 จังหวัด ฝนถล่ม ส่วนกทม.ตกร้อยละ 60 ขณะที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ แก้ปัญหาพนังกั้นน้ำแตกตลอดคืน ท่วมพื้นที่อ่วม ด้าน จ.อ่างทอง ชาวบ้านได้รับผลกระทบน้ำท่วมแล้ว4อำเภอ รวม1,013 ครัวเรือน

เมื่อวันที่ 21กันยายน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งว่าสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ปัจจุบันมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 13 จังหวัด 57 อำเภอ 340 ตำบล 1,810 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 66,963 ครัวเรือน 221,187 คน มีผู้เสียชีวิต 3ราย สำหรับสถานการณ์ส่วนใหญ่เกิดจากแม่น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ (จ.พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์ สุพรรณบุรี นครปฐม) เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่ง (จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี) และฝนตกหนักทำให้น้ำเอ่อล้น (จ.อุทัยธานี ฉะเชิงเทรา) ซึ่งปภ.ได้สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยและเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเข้าช่วยเหลือประชาชนทุกพื้นที่ต่อเนื่อง


สำหรับพื้นที่ซึ่งต้องช่วยเหลือและเฝ้าระวังเป็นพิเศษที่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเกิดสถานการณ์แม่น้ำป่าสักล้นตลิ่งเข้าท่วม 4 อำเภอ (อ.วิเชียรบุรี ศรีเทพ หล่มเก่า หล่มสัก) รวม 7 ตำบล 13 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 5,476 ครัวเรือน 13,853 คน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ช่วยเหลือในด้านต่างๆ อาทิ การดำรงชีพ การอพยพ และการระบายน้ำ โดยได้นำเรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 พิษณุโลก ซึ่งส่งไปประจำการไว้ในพื้นที่ก่อนหน้านี้ สนับสนุนการรับ-ส่งประชาชนในพื้นที่ที่ไม่สามารถสัญจรได้

วันเดียวกันนี้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 พิษณุโลก จะนำเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าไปสนับสนุนจังหวัดเพชรบูรณ์เพิ่มเติม ประกอบด้วย รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ รถผลิตน้ำดื่ม รถโรงครัวประกอบอาหาร และเครื่องสูบน้ำขนาดท่อส่ง 14 นิ้ว ซึ่งได้เข้าพื้นที่และหลังจากรับมอบภารกิจจะปฏิบัติงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทันที

ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง

สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

พยากรณ์สภาพอากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.เลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี และกาญจนบุรี ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร, ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตรภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจ.ระนอง และพังงา ตั้งแต่ จ.พังงาขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.ภูเก็ตลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ส่วน กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่

ที่ จ.เพชรบูรณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.หล่มสัก หลังจากพนังกั้นน้ำสวนดงตาลแตก ทำให้น้ำจากแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่านพื้นที่เขตเทศบาลเมืองหล่มสักไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ อาคารบ้านเรือนและร้านค้า สถานที่ราชการ ตลาดสดเทศบาล รวมทั้งถนนสายหลักและถนนตามตรอกซอย จนต้องจมน้ำทันที กระทั่งนายอำเภอหล่มสักและนายกเทศมนตรีเมืองหล่มสัก ต้องระดมเครื่องจักรขนแบริเออร์บิ๊กแบ๊กและตอม่อเสาไฟฟ้า พยายามปิดพนังกั้นน้ำจุดที่แตก เพื่อชะลอไม่ให้น้ำไหลทะลักเข้าพื้นที่ชุมชนชั้นใน โดยใช้เวลาภายหลังเกิดเหตุถึงช่วงกลางดึกกว่า 12 ชั่วโมง

สำหรับการวางแบริเออร์ และเสริมด้วยบิ๊กแบ๊กตอม่อเสาไฟฟ้า ดำเนินการจนถึงเวลา 02.00 น. วันเดียวกันนี้ ทำให้สามารถชะลอน้ำที่ไหลทะลักออกจากพนังกั้นน้ำจุดที่แตกได้ระดับหนึ่ง แต่ทั้งนี้ก็ยังมีน้ำที่ไหลล้นข้ามแบริเออร์บิ๊กแบ๊กและตอม่อเสาไฟฟ้า เข้าสู่พื้นที่เศรษฐกิจแต่เบาบางลง นอกจากนี้จากระดับน้ำป่าสักที่ลดลง ทำให้ระดับน้ำท่วมภายในพื้นที่เศรษฐกิจ เริ่มปรับตัวลดลงช้าๆ เช่นเดียวกัน กระทั่งช่วงเช้า มวลน้ำแม่น้ำป่าสัก ไม่ได้ไหลข้ามแบริเออร์บิ๊กแบ็ก แล้ว

ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมถนนสายหลัก บริเวณสี่แยกวงเวียนหอนาฬิกา ระดับน้ำท่วมลดลง เหลือท่วมบริเวณพื้นที่ต่ำ สูงราว 10-20 เซนติเมตร ทำให้รถทุกชนิดสัญจรผ่านไปมาได้สะดวก

นายภาคภูมิ ภูมี นายอำเภอหล่มสัก กล่าวว่า คืนที่ผ่านมา ทีมกู้สถานการณ์ได้ใช้เครื่องจักรพยายามต้านกระแสน้ำที่ไหลทะลักออกมา เพื่อจะวางแนวแบริเออร์บิ๊กแบ๊กและตอม่อเสาไฟฟ้ากันน้ำเกือบตลอดคืน ซึ่งความยากลำบาก คือแนวแบริเออร์และบิ๊กแบ๊ก ไม่สามารถต้านแรงน้ำได้ เมื่อเจอแรงปะทะจากน้ำก็จะถูกผลักจนเคลื่อนออก ทำให้ต้องใช้เสาตอม่อไฟฟ้าช่วยวางเสริมเพื่อยันไว้ จนเวลาประมาณ 02.00 น. หลังจากสามารถชะลอน้ำได้ในระดับที่น่าพอใจ ทางทีมกู้สถานการณ์จึงยุติการดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังน้ำลดลง เพื่อป้องกันน้ำที่อาจเพิ่มเข้ามารอบใหม่ ก็จะเสริมความมั่นคงให้พนังกั้นน้ำจุดที่แตกพร้อมกับเตรียมเสริมความมั่นคงให้แนวพนังกั้นตลอดทั้งแนวด้วย ส่วนการแก้ไขระยะยาวนั้นบริเวณจุดนี้ทางเทศบาลฯ ได้ผู้รับจ้างและเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว เพื่อก่อสร้างแนวพนังกั้นน้ำใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลงอย่างช้าๆ โดยตั้งแต่เวลา 01.00 น.ถึง06.00 น.วันเดียวกัน น้ำลดลงราว 31 เซนติเมตร สำหรับการตรวจวัดระดับน้ำในแม่น้ำที่สถานี S3 ตาลเดี่ยว อ.หล่มสัก เมื่อเวลา 06.00 น.วัดได้สูง 9.17เมตร ยังสูงกว่าตลิ่งราว 87 เซนติเมตร (ระดับตลิ่ง 8.30 เมตร)

ส่วนที่ จ.อ่างทอง สถานการณ์น้ำท่วม น้ำล้นตลิ่ง น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนแล้วใน 4 อำเภอ มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมแล้ว 1,013 ครัว ที่ อ.วิเศษชัยชาญ 4 ตำบล 26 หมู่บ้าน 626 ครัวเรือน , อ.ป่าโมก 4 ตำบล 11 หมู่บ้าน 208 ครัวเรือน , อ.ไชโย 8 ตำบล 24 หมู่บ้าน 106 ครัวเรือน , อ.เมือง6 ตำบล 13 หมู่บ้าน 73 ครัวเรือน โดยเขื่อนเจ้าพระยาระบายลงสู่ท้ายเขื่อน 2,200 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านสถานีโทรมาตร C7A หน้าศาลากลาง จ.อ่างทอง ระดับน้ำสูง 8.38 เมตร จุดวิกฤตอยู่ที่ 8 เมตร จากระดับตลิ่งที่มีเขื่อนกั้นน้ำ 10 เมตร ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,183 ลบ.ม./วินาที

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top