มูลนิธิกระจกเงา พาครอบครัวน้องเก๋ หญิงสาวที่หายตัวปริศนานาน 12 ปี ก่อนพบโครงกระดูก ในทุ่งนาเขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ และผลตรวจ DNA ยืนยันตรงกัน เชื่อถูกฆาตกรรม เข้ายื่นคำร้องขอรับการเยียวยาค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พร้อมวอนเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี 

29 กันยายน 2568 นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์คนหาย มูลนิธิกระจกเงา ได้พานายวิโรจน์ กอไธสง พ่อของ น ส.วิภาณี  กอไธสง  หรือน้องเก๋ พร้อมครอบครัว หญิงสาวที่หายตัวปริศนานาน 12 ปี ก่อนจะพบโครงกระดูกนิรนาม บริเวณทุ่งนาเขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ และล่าสุดผลตรวจ ดีเอ็นเอ พบตรงกันกับของมารดามีความเกี่ยวพันธ์เป็นแม่ลูกกัน  ไปยื่นคำร้องขอที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดบุรีรัมย์  เพื่อขอรับการเยียวยาจากกองทุนตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา

โดยมูลนิธิกระจกเงา ได้ทำหนังสือชี้แจงเหตุการณ์ โดยมีใจความสำคัญ เกี่ยวกับการหายตัวไปของน้องเก๋ การประเมินข้อเท็จจริง จากประสบการณ์ทำงาน ลักษณะของการเกิดเหตุ ตลอดจนจุดที่พบศพ ซึ่งเชื่อได้ว่าน่าจะถูกทำให้เสียชีวิต อันถือเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำผิด สมควรที่ครอบครัว กอไธสง ซึ่งทุกข์ทรมานในการติดตามหาน้องเก๋มาตลอด 12 ปี ควรได้รับการเยียวยา ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและ ค่าใช้จ่ายแก่จำเลย ในคดีอาญา พ.ศ.2544

โดยมี น.ส.จินดารัตน์ เหล็มเต๊ะ ผอ.สำนักงานยุติธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมนิติกร และเจ้าหน้าที่ ได้มารับคำร้องจากมูลนิธิกระจกเงา และครอบครัว พร้อมอธิบายว่า กรณีนี้ผู้เสียชีวิตมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ แต่ไปพบเสียชีวิตที่กรุงเทพมหานคร ในส่วนนี้เบื้องต้นทางยุติธรรมจังหวัด ก็จะรับเรื่องและคำร้องไว้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับทางครอบครัวผู้เสียชีวิต   

จากนั้นก็จะส่งเรื่องไปยังสำนักงานยุติธรรมในท้องที่ที่น้องเสียชีวิต เพื่อดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอน  ทั้งการตรวจเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน จากนั้นก็จะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการว่าจะเข้าระเบียบหลักเกณฑ์ที่จะได้รับการเยียวยาหรือไม่อย่างไร

นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข  หัวหน้าศูนย์คนหาย มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า กรณีนี้ทางครอบครัวเชื่อว่า น้องเก๋ ไม่ได้เสียชีวิตด้วยตัวเอง น่าจะมีการกระทำความผิดอาญาเกิดขึ้น มีผู้ที่ก่อเหตุกับน้อง เพราะจากสภาพที่เกิดเหตุจากลักษณะข้อมูลก่อนการหายตัวไป มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นกรณีของการกระทำความผิดทางอาญาซึ่งตอนนี้ ทางตำรวจก็อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน  แต่ถ้าเราจะรอจนถึงจับกุมผู้ก่อเหตุ หรือว่ารอศาลตัดสินผู้ที่กระทำความผิด ก็คิดว่าการเยียวยาผู้เสียหายอาจจะล่าช้า จึงได้มายื่นคำร้องเพื่อให้ทางครอบครัวได้รับการเยียวยากรณีที่เป็นผู้ถูกกระทำ เราะตลอด 12 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวต้องทุกข์ทรมานทั้งตามหา เฝ้ารอการกลับมาของลูก อย่างน้อยก็ควรได้รับการเยียวยาบ้าง

  ส่วนเรื่องคดีจากที่มีการพูดคุยหรือประสานกับทางตำรวจ ก็ได้ลงไปในจุดที่เกิดเหตุ ลงไปในจุดสุดท้ายที่คนหายตัวไป และมีการตั้งรูปคดีมีการสืบสวนคนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มีการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง ในสัปดาห์หน้ามูลนิธิกระจกเงาก็จะได้ไปติดตามความคืบหน้าของคดีเพิ่มเติม  เพราะคดีนี้มีผู้ใหญ่หลายท่านให้ความสนใจ ซึ่งในช่วงการตามหาก็มีผู้ใหญ่มาดูแลคดีให้ด้วยตัวเอง เคยลงไปแหลมฉบังเพื่อตามหาน้องเก๋ ด้วย ก็คาดว่าน่าจะมีอะไรคืบหน้าบ้าง  

สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น ก็สะท้อนให้เห็นว่า การเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดตามลำพัง แล้วขาดการติดต่อกับครอบครัว อาจมีความเสี่ยงทำให้เกิดอันตรายในหลายๆด้าน โดยเฉพาะการหายตัวที่ไม่สามารถติดตามตัวได้ก็มีเป็นจำนวนมาก  แล้วการเจอโครงกระดูกนิรนามก็พบหลายกรณีเช่นกัน  ดังนั้นกระบวนการ เก็บดีเอ็นเอ กับสารพันธุกรรม ไปตรวจพิสูจน์ถือเป็นสิ่งสำคัญ อย่างน้อย ร่างหรือโครงกระดูกนิรนาม สุดท้ายก็จะได้ทราบว่าเป็นของใครแล้วญาติก็จะได้นำไปประกอบพิธีทางศาสนา  ทั้งนี้ก็อยากฝากเตือนพี่น้องประชาชน ที่มีบุตรหลานที่เป็นวัยรุ่น เยาวชน ด้วย  เพราะปัจจุบันสุ่มเสี่ยงที่จะถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้  

ขณะที่ น้องสาวและพ่อของน้องเก๋ บอกว่า ยังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสีย แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยก็ได้กระดูกกลับมาทำบุญ ก็ขอบคุณทางมูลนิธิกระจกเงาที่ช่วยเหลือมาตลอด ทั้งช่วยติดตามตามหา และประสานงานต่างๆ ซึ่งทางครอบครัวก็เชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าการเสียชีวิตของน้องเก๋  ถูกฆาตกรรมอย่างแน่นอน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องช่วยติดตามหาตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมาย ส่วนการยื่นคำร้องขอรับการเยียวยาก็หวังว่าจะได้รับการพิจารณาเยียวยาช่วยเหลือจากทางกระทรวงยุติธรรมเช่นกัน.

012