‘พะงัน’แตก! ‘ตำรวจท่องเที่ยว-ฝ่ายปกครอง’ลุยกวาดล้างอาชญากรรม จับ‘อินเดีย’ขายแฮชชิช ‘อิสราเอล’ใช้แบงก์ปลอม

8 ตุลาคม 2568 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 (บก.ทท.3) ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) สั่งการให้ พ.ต.ท.วินิจ บุญชิต สว.ส.ทท.5 กก.2 ระดมกำลังกวาดล้างครั้งใหญ่ ล็อกตัวผู้ต้องหาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวม 4 ราย พัวพันคดีลักลอบค้าสารเสพติด , แรงงานผิดกฎหมาย และการใช้ธนบัตรปลอม

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประสานนายอำเภอเกาะพะงัน , เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองอำเภอเกาะพะงัน ภายใต้การอำนวยการสั่งการของนายสุริยา บุญพันธ์ นายอำเภอเกาะพะงัน , นายไพสิฐ ทองเจิม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง สั่งการให้ชุดจับกุม นำโดย  มว.ต.ธนพนธ์ แซ่ตั้ง ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง , ตรวจคนเข้าเมืองพะงัน , สืบสวน สภ,เกาะพะงัน เข้าตรวจสอบเป้าหมาย

เริ่มจากเมื่อเวลา 18.20 น.วันที่ 7 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณบ้านหลังหนึ่ง หลังได้รับแจ้งว่ามีนายอัชวิน ชาวอินเดีย วัย 29 ปี ทำงานรับจ้างติดป้ายโฆษณาปาร์ตี้ โดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และเป็นผู้ที่อยู่ระหว่างประกันตัวเพื่อสู้คดีตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง 2522 และถูกจำกัดพื้นที่พักอาศัย

จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของนายอัชวิน ซึ่งท้าทายเจ้าหน้าที่ อ้างว่ามีแบ็กใหญ่อยู่กรุงเทพฯ แต่เจ้าหน้าที่ไม่สนใจ จากการตรวจสอบพบหลักฐานการสนทนาซื้อขาย “ยางกัญชา” หรือ “แฮชชิช” ผ่านแอปพลิเคชัน พร้อมยึดของกลางยางกัญชา 4 ถุง ผู้ต้องหารับสารภาพว่ามีการซื้อขายจริง จึงถูกแจ้งข้อหา “ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต” และ “ครอบครองสมุนไพรควบคุมเกินปริมาณที่กำหนด”

นายอัชวิน ยังซักทอดไปถึงแหล่งที่มาของยางกัญชา คือ ร้านค้ากัญชาชื่อดัง 2 แห่ง ใจกลางเกาะพะงัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบยางกัญชาจำนวนหนึ่ง จึงจับกุม น.ส.จามจุรี เจ้าของร้าน ที่รับสารภาพว่าสั่งมาขายนักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาช่วยซ่อนเร้นของหนีภาษีศุลกากร

ต่อมาเวลา 21.30 น.วันที่ 7 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากร้านรับแลกเงินว่านางอายเลท อายุ 49 ปี ชาวอิสราเอล ได้นำธนบัตร 100 ดอลลาร์สหรัฐปลอม มาแลกเป็นเงินไทยได้ 3,140 บาท แล้วรีบหลบหนีไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวใช้ข้อมูลจากระบบ BIOMETRICS ติดตามไปยังที่พัก และรวบตัวผู้ต้องหาไว้ได้ นางอายเลท ยอมรับสารภาพ ว่าได้ธนบัตรปลอมมาจากสหรัฐอเมริกา และ ทราบดีว่าปลอม แต่ตั้งใจนำมาแลกที่ประเทศไทย เพื่อใช้จ่าย เนื่องจากมีค่าเงินที่ต่างกัน

เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยผู้ต้องหาทุกคนให้การ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา