ตม.นครพนม รูดพาสปอร์ตหนุ่มรับเหมาวัย 42 ปีขณะเตรียมพร้อมญาติ 7 คนเดินทางออกไปยัง สปป.ลาว ระบบแจ้งเตือน หมายแดง ทันที พบเป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ในคดี ฉ้อโกง ยืมรถแบคโฮอดีตผู้รับเหมาวัย 85 ปีไปใช้ฟรี ก่อนขาดการติดต่อไป 5 ปีเต็ม ผู้ต้องหาอ้างแค่เสียดายรถเก่าและนำไปซ่อม แต่เจ้าหน้าที่คุมตัวส่ง สภ.กุฉินารายณ์ ดำเนินคดีทันที รวบคาด่านมิตรภาพแห่งที่ 3

วันนี้ (21 ต.ค. 68) ภายหลัง พล.ต.ต.ไพรัช พุกเจริญ ผบก.ตม.4 มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ ตม.จังหวัดนครพนม เข้มงวดการคัดกรองบุคคลเข้า-ออกประเทศ ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน)

เจ้าหน้าที่ ตม.นครพนม ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ภัทรพงศ์ อินวรรณา ผกก.ตม.ฯ ได้ตรวจพบผู้ต้องหาตามหมายจับขณะปฏิบัติหน้าที่ โดย นายขวัญชัย (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี ภูมิลำเนาจากสกลนคร ได้ยื่นหนังสือเดินทางเพื่อเดินทางออกไปยัง สปป.ลาว พร้อมญาติรวม 7 คน

ขณะเจ้าหน้าที่ทำการรูดพาสปอร์ตของนายขวัญชัย ระบบได้แจ้งเตือน "หมายแดง" ขึ้นทันที จึงได้นำตัวไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม และพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ในความผิดฐาน "ฉ้อโกง" ซึ่งหมายจับดังกล่าวลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2563

จากการสอบสวน นายขวัญชัยอ้างว่า ตนรู้จักกับ ยายก่ำ (นามสมมติ) วัย 85 ปี อดีตผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งมีรถแบคโฮจอดทิ้งไว้ จึงได้ตกลงว่าจะนำรถไปซ่อมเพื่อรับเหมาทำถนนและแบ่งผลกำไรกันคนละครึ่ง โดยตนได้เสียเงินซ่อมและให้เงินแก่ยายก่ำไปแล้ว ก่อนจะขาดการติดต่อไปหลายปี และไม่ทราบว่าตนมีหมายจับ

ขณะที่ข้อมูลจากพนักงานสอบสวน สภ.กุฉินารายณ์ ระบุว่า ยายก่ำเข้าแจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกง เนื่องจากนายขวัญชัยยืมรถแบคโฮไปใช้แล้วขาดการติดต่อ ทำให้เชื่อว่าถูกหลอก โดยนายขวัญชัยได้ หลบหนีหมายจับรวมเป็นระยะเวลา 5 ปีเต็ม เจ้าหน้าที่ ตม.นครพนม จึงได้ควบคุมตัวนายขวัญชัย เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป