แก้ปัญหาแม่น้ำปนเปื้อนไม่คืบ นักวิชาการร่อนหนังสือถึงนายกฯจี้ติดตามผล

แก้ปัญหาแม่น้ำปนเปื้อนไม่คืบ นักวิชาการร่อนหนังสือถึงนายกฯจี้ติดตามผล

วันอังคาร ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 17.11 น.

แก้ปัญหาแม่น้ำปนเปื้อนไม่คืบ นักวิชาการส่งหนังสือถึงนายกฯติดตามผล หวั่นผลผลิตข้าวนี้ปีนับแสนไร่ปนเปื้อนแต่รัฐไม่วางแผนตรวจ

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง(มฟล.) จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีระกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีการแก้ไขปัญหาแม่น้ำกก สาย รวกและโขง ปนเปื้อนสารโลหะหนักจากเหมืองแร่ในประเทศเมียนมา ซึ่งก่อนหน้านี้เครือข่ายภาคประชาชนปกป้องแม่น้ำกก สาย รวก โขง ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านรองนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 คนคือนายสุชาติ ชมกลิ่น และ รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า


ดร.สืบสกุล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากภาคประชาชนที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยรองนายกได้รับปากเรื่องการจัดหางบประมาณจำนวน 1,000 ล้านบาทเพื่อจัดแหล่งน้ำดิบใหม่ทดแทนแม่น้ำกกในการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งจะเอาข้อเสนอทั้งหมดของภาคประชาชนไปแจ้งให้กับนายกรัฐมนตรี

นักวิชาการจาก มฟล.กล่าวว่าเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ร.อ.ธรรมนัส พรมเผ่า ได้ลงพื้นที่พบปะกับกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำฝายเชียงรายที่ผันแม่น้ำกกสำหรับผลิตข้าวนาปี โดยร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงประชาชนว่าต้องมีการเจรจากับผู้ทำเหมืองในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และจะนำเอาปัญหาแม่น้ำปนเปื้อนมลพิษเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ยังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาแม่น้ำกกสายรวกโขงปนเปื้อนสารโลหะหนักจากการทำเหมืองแร่ในประเทศเมียนมาแต่อย่างใด

ดร.สืบสกุล กล่าวว่า ขอเรียนนายกรัฐมนตรีและรองนายกฯทั้งสอง ดังนี้ 1. กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำ กรมควบคุมมลพิษ และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่นายสุชาติกำกับดูแลมีความคืบหน้าในการทำงาน กล่าวคือกรมทรัพยากรน้ำ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้ลงพื้นที่ตรวจสอบน้ำประปาหมู่บ้านในลุ่มแม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้จัดประชุมและมีมติปรับปรุงคำสั่งคณะทำงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาที่รัฐบาลชุดก่อนหน้าได้ดำเนินงานไว้ แต่อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตว่า การตรวจคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้านจำกัดแค่เพียงหมู่บ้านที่อยู่ในเขตลุ่มน้ำกกในเขตจังหวัดเชียงรายเท่านั้น แต่ขอบเขตปัญหาครอบคลุมแม่น้ำกกสายรวกโขง และครอบคลุมทั้งจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย นอกจากนี้ข้อเสนอของเครือข่ายภาคประชาชนคือการจัดหาแหล่งน้ำใหม่และปรับปรุงระบบการผลิตน้ำประปาหมู่บ้านให้มีขีดความสามารถในการกำจัดสารโลหะหนัก

ดร.สืบสกุล กล่าวว่า การปรับปรุงคณะทำงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกำลังดำเนินงานอยังมีคำถามว่าคณะทำงานอยู่ในระหว่างปรับปรุงอยู่นั้นมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่อะไรบ้าง ทั้งนี้ในข้อเสนอของเครือข่ายภาคประชาชนที่ส่งให้ท่านนั้นคือการแต่งตั้งคณะทำงานระดับชาติที่มีส่วนร่วมทั้งจากภาคราชการ วิชาการ และภาคประชาสังคม

“กระทรวงเกษตรฯ ไม่มีการดำเนินงานใดๆ ในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบสารโลหะหนักในผลผลิตข้าวนาปี เนื้อที่ 100,000 ไร่ ในจังหวัดเชียงรายที่ใช้น้ำกก สาย และรวก ในการทำนา และเกษตรกรอยู่ในระหว่างการเก็บเกี่ยว การตรวจสอบสารโลหะหนักในที่ดินเนื้อที่ 12,000 ไร่ในเขตตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเกษตรจะทำการปลูกกระเทียมในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้”นายสืบสกุลกล่าว

ดร.สืบสกุล กล่าวว่า ข้อเสนอของภาคประชาชน 10 ข้อที่ยื่นไปก่อนหน้านี้คือ 1. จัดหาแหล่งน้ำดิบใหม่ทดแทนแม่น้ำกก สาย รวก โขง เพื่อการผลิตน้ำประปาภูมิภาคในเขต อ.เมืองเชียงราย อ.เวียงชัย อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และอ.เชียงของเนื่องจาก 2. จัดหาแหล่งน้ำใหม่สำหรับการผลิตน้ำประปาหมู่บ้านให้กับชาวบ้านใน ต.แม่นาวาง และต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เนื่องจากประชาชนไม่สามารถใช้น้ำกกในการผลิตน้ำประปาหมู่บ้านได้ และปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้านตลอดลำน้ำกก สาย รวก และโขง อย่างน้อย 30 หมู่บ้าน ในเขต อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ อ.เมืองเชียงราย อ.เวียงชัย อ.เวียงเชียงรุ้ง อ.แม่จัน อ.ดอยหลวง อ.แม่สาย อ.เชียงแสนอ.เชียงของและอ.เวียงแก่น เพื่อให้ระบบผลิตน้ำประปาหมู่บ้านมีขีดความสามารถ กำจัดสารโลหะหนัก

3. ตรวจสอบคุณภาพดินเพื่อหาสารโลหะหนักในที่ราบลุ่มน้ำกกเนื้อที่ 12,000 ไร่ ใน ต.ท่าตอน อ.แม่อาย ซึ่งเป็นพื้นที่ดินตะกอนแม่น้ำกกที่รับมาโดยตรงจากเหมืองในเมียนมา จากเหตุน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2567 ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งเกษตรกรรมที่สำคัญ และตรวจสารโลหะหนักในผลผลิตข้าวนาปี จากพื้นที่กว่า 100,000 ไร่ ในเขตชลประทานแม่น้ำกก แม่น้ำสาย-รวก ก่อนการเก็บเกี่ยวในช่วงปลายเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน

4. จัดตั้งศูนย์ตรวจสารโลหะหนักประจำจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ 5. ยุติการนำเข้าแร่ทุกชนิดจากเมียนมา จนกว่าผู้นำเข้าจะพิสูจน์ได้ว่าแร่ที่นำเข้าจากเมียมา มิได้มาจากเหมืองแร่ที่ก่อให้เกิดมลพิษในแม่น้ำ กก สาย รวก โขง 6. ยกเลิกโครงการฝายดักตะกอนหรือม่านดักตะกอนเนื่องจากมิได้มีการศึกษาว่าสามารถแก้ไข ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในแม่น้ำได้จริงและยังจะสร้างปัญหาผลกระทบต่อที่ดินทำกินของชาวบ้าน 7. จัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐ วิชาการและภาคประชาชน เพื่อทำหน้าที่ [1] แสวงหาแนวทางปิดเหมืองในเมียนมา[2]สร้างมาตรการเฝ้าระวังสารโลหะหนักปนเปื้อน ในน้ำอุปโภค บริโภค ดิน สินค้าเกษตร สัตว์น้ำ และร่างกายมนุษย์ [3]เยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเหมืองแร่ในเมียนมา [4] กำหนดแนวทางการฟื้นฟูแม่น้ำกก สาย รวก โขง

8. เปิดเวทีเจรจาอย่างเป็นทางการกับประเทศเมียนมาและจีน 9. ปรับปรุงระบบการสื่อสารในภาวะวิกฤตที่ให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวก 10. พิจารณาชะลอสัญญารับซื้อไฟฟ้าจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนปากแบง บนแม่น้ำโขง ในสปป.ลาว จนกว่าจะมีการศึกษาผลกระทบจากการปนเปื้อนสารพิษจากเหมืองแร่ในลุ่มน้ำโขงตอนบน โดยเฉพาะหากแม่น้ำโขงต้องกลายเป็นอ่างเก็บน้ำซึ่งการตกตะกอนของสารโลหะหนักในอ่างดังกล่าว จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อนิเวศและสุขภาพของประชาชน ดังนั้นจึงเรียนมาเพื่อให้ท่านพิจารณาอีกครั้ง 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top