กรมการข้าว ร่วมประชุม “รมช.นเรศ” ขับเคลื่อน 3 โครงการของมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 68/69 โดยเร่งสหกรณ์รับซื้อผลผลิต ตั้งแต่พฤศจิกายน ตั้งเป้ารับข้าว 4 ล้านตัน รักษาราคาขั้นต่ำตันละ 12,000 บาท
22 ตุลาคม 2568 นายนเรศ ธำรงทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนโครงการตามมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ณ ห้องประชุม 123 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผ่านระบบ Zoom Meeting โดยมี นายธนสาร ธรรมสอน ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอานนท์ นนทรีย์ อธิบดีกรมการข้าว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางดำเนินงานตามมาตรการฯ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นายนเรศ กล่าวว่า “ขณะนี้สหกรณ์มีความพร้อมในการรวบรวมข้าวเปลือกตามมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก 428 แห่ง ใน 57 จังหวัด เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 30% รองรับการรับซื้อจากเกษตรกร เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก ใช้วงเงินสินเชื่อของ ธกส. ของโครงการ รวมทุนของสหกรณ์และแหล่งอื่นๆ ประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่งสหกรณ์ทุกแห่งมีความพร้อมรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป” รมช.นเรศ กล่าว
รมช.นเรศ เปิดเผยว่าที่ประชุมได้ผลักดันการขับเคลื่อนโครงการทั้ง 3 โครงการ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ “มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2568/69“ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ได้แก่
1. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69 โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งมีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรแสดงความประสงค์เข้าร่วมจำนวนแล้ว 133 แห่ง ในพื้นที่ 37 จังหวัด ใช้วงเงินสินเชื่อรวม 7,638.19 ล้านบาท เพื่อรองรับปริมาณข้าวเปลือกที่จะเข้าร่วมโครงการ 763,819 ตัน ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว และรักษาเสถียรภาพราคาข้าวในระดับที่เหมาะสม
2. โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2568/69 โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้สำรวจมีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรประสงค์เข้าร่วม 170 แห่ง ใน 40 จังหวัด รวมวงเงินสินเชื่อ 13,766.90 ล้านบาท รองรับข้าวเปลือกกว่า 1.37 ล้านตัน
รมช.นเรศ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่ทางสหกรณ์เสนอในวันนี้ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายในการวิเคราะห์สินเชื่อ ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้เห็นชอบยกเว้นค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อโครงการฯ ให้กับสหกรณ์ทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นการลดภาระต้นทุนและเพิ่มสภาพคล่อง ช่วยให้สหกรณ์กว่า 400 แห่งที่เข้าร่วมโครงการสามารถปล่อยสินเชื่อและรับซื้อข้าวจากเกษตรกรได้รวดเร็วขึ้น ถือเป็นอีกกลไกสำคัญที่จะทำให้การพยุงราคาข้าวในปีนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
3. โครงการชดเชยดอกเบี้ยผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2568/69 ดำเนินการโดยกรมการค้าภายในและสมาคมโรงสี เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวสามารถรับซื้อและเก็บสต๊อกข้าว 2–6 เดือน มีเป้าหมายปริมาณข้าวเปลือก 4 ล้านตัน โดยภาครัฐสนับสนุนดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี วงเงินงบประมาณจ่ายขาด 642 ล้านบาท โดยจะเริ่มรับซื้อตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2568 ถึง 31 มีนาคม 2569 และสิ้นสุดในวันที่ 31 ตุลาคม 2570
สำหรับ “การระบายข้าวเปลือกตามโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2567/68” ดำเนินการ โดย ธ.ก.ส. เพื่อรักษาสภาพคล่องของสหกรณ์และเกษตรกร ซึ่งจะมีการนำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ในวันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2568 เพื่อแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ทบทวนราคาสินเชื่อ และเร่งรัดขั้นตอนการระบายข้าว ในปีการผลิต 2567/68 อีกทั้งดำเนินการมาตการเร่งด่วนต่อไป
นายนเรศ กล่าวย้ำว่า “มาตรการทั้งหมดนี้ เป็นการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ สหกรณ์การเกษตร สมาคมโรงสี และ ธ.ก.ส. เพื่อพยุงราคาข้าวให้มั่นคงในช่วงผลผลิตออกมาก โดยปีนี้เริ่มดำเนินการเร็วขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 1 เดือน เพื่อให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายข้าวหอมมะลิได้ในราคาที่เหมาะสม ไม่ต่ำกว่าตันละ 12,000 บาท และช่วยลดแรงกดดันจากผลผลิตล้นตลาด”
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ ยังเตรียมประสานกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อหาแนวทางระยะยาวในการบริหารจัดการข้าวอย่างยั่งยืน การส่งเสริมการผลิตข้าวคุณภาพ ข้าวคาร์บอนต่ำ ทั้งด้านการพัฒนาโครงสร้างตลาด การส่งเสริมข้าวพรีเมียม และการสร้างนวัตกรรมการผลิต เพื่อให้ประเทศไทยยังคงความเป็นผู้นำด้านการผลิตข้าวของโลกอย่างมั่นคงต่อไป
โอกาสนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เข้าร่วมประชุมเพื่อติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าว พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานประสานการทำงานร่วมกันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด และมอบหมายกรมการค้าภายใน ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการแทนรองนายก เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ กำหนดให้มีการประชุม นบข. ในวันที่ 27 ต.ค. 2568ต่อไป
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี