วันอังคาร ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
สัญญาณเตือน : หยุดวงจรปลาต่างถิ่น ปลาเถื่อน จากแหล่งค้า–ฟาร์ม–ธรรมชาติ
การแพร่ระบาดของ ปลาหมอคางดำ (Blackchin tilapia) ในแหล่งน้ำธรรมชาติทั่วประเทศไม่ใช่เพียงปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่สะท้อนถึง ความล้มเหลวของระบบกำกับดูแลสัตว์น้ำต่างถิ่น ตั้งแต่ต้นทางจนถึงธรรมชาติ
ปลาที่เข้ามาในนาม “ปลาสวยงาม” วันนี้กลายเป็นผู้รุกรานระบบนิเวศในเขื่อน, บ่อเพาะเลี้ยง และลุ่มน้ำชุมชน โดยไม่สามารถสืบสวไปถึงต้นทางได้ ความล้มเหลวนี้ชี้ชัดว่าหากรัฐไม่ใช้ ข้อมูลโปร่งใสและหลักการวิทยาศาสตร์ เป็นเครื่องมือ จะเกิด “วงจรปลาต่างถิ่น” และ "ปลาเถื่อน" ที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง
ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2561 เรื่องกำหนดชนิดสัตว์น้ำที่ต้องขออนุญาตนำเข้า ส่งออก นำผ่าน หรือเพาะเลี้ยง พ.ศ.2561 คือ ปลาหมอคางดำ ปลาหมอมายัน และปลาหมอบัตเตอร์ แต่ในความเป็นจริงพบการแพร่ระบาดของปลาต่างถิ่นหลายชนิด เช่น ปลาบัตเตอร์, ปลาช่อนอเมซอน, ปลาซัคเกอร์ และยังมีปลาต้องห้ามอื่นๆ ที่พบได้ในแหล่งน้ำธรรมชาติ
ช่องว่างนี้สะท้อนว่า กฎหมายอ่อนแอ, ไม่สอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์, และขาดการตรวจสอบย้อนกลับ การอนุญาตนำเข้า “ปลาสวยงาม” โดยไม่ประเมินความเสี่ยงและไม่บังคับใช้ระบบ traceability ทำให้เกิดการลักลอบและการแพร่พันธุ์ในธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง
ตลาดปลาสวยงามสร้างรายได้สูง แต่ช่องโหว่ของระบบกำกับทำให้ ผู้ค้าและฟาร์มสามารถลักลอบนำเข้าปลาที่มีศักยภาพรุกรานสูง เมื่อความนิยมลดลงไม่ทำเงินอีกต่อไป หรือโดนจับตาเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ปลาที่เลี้ยงเพื่อความสวยงามถูกปล่อยลงแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างไม่รับผิดชอบ
นอกจากนี้ ยังมีการออกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (เพิ่มเติม) เรื่องกำหนดชนิดสัตว์น้ำที่ห้ามเพาะเลี้ยงในราชอาณาจักร พ.ศ. 2564 เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองพันธุ์สัตว์น้ำพื้นถิ่นหายาก หรือป้องกันอันตรายไม่ให้เกิดแก่สัตว์น้ำและระบบนิเวศ ซึ่งประกอบสัตว์น้ำด้วย 13 ชนิด อาทิ ปลาเทราท์สายรุ้ง ปลากะพงปากกว้าง ปลาโกไลแอทไทเกอร์ฟิช ปลาที่มีการดัดแปลงหรือตัดแต่งพันธุกรรม GMO LMO ทุกชนิด เป็นต้น
ปลาหมอคางดำเป็นตัวอย่างชัดเจนของวงจรนี้ จากแหล่งค้า สู่ฟาร์ม สู่ธรรมชาติ การปล่อยโดยไร้การประเมินทางวิทยาศาสตร์ทำให้สัตว์เหล่านี้แพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วและแทนที่ปลาพื้นถิ่น การหยุดวงจรนี้จึงจำเป็นต้องใช้ ข้อมูลโปร่งใสและมาตรฐานวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่ต้นทาง
รายงานการส่งออกปลาหมอคางดำโดย 11 บริษัท แสดงให้เห็นปัญหาด้านความโปร่งใส ที่กรมประมงยังไม่ได้เปิดเผย เอกสารอนุญาต, หนังสือรับรองชนิดพันธุ์ หรือหลักฐานตรวจสอบต่อสาธารณะ
การไม่เปิดเผยข้อมูล ทำให้หน่วยงานอิสระและนักวิชาการไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ การหยุดวงจรปลาต่างถิ่นจึงต้องเริ่มจากการเปิดเผยข้อมูลนำเข้า–ส่งออกอย่างโปร่งใส พร้อมระบบตรวจสอบย้อนกลับ
การระบุชนิดพันธุ์ปลาต้องใช้ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เช่น DNA barcoding หรือ Whole Genome Sequencing แต่การตรวจสอบปลาหมอคางดำที่ผ่านมา ยังไม่โปร่งใสและไม่ครบถ้วน
การจัดตั้ง ศูนย์พิสูจน์ DNA สัตว์น้ำต่างถิ่น ภายใต้การกำกับร่วมของรัฐ สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัย จะสร้างมาตรฐานที่เชื่อถือได้และสามารถ ยุติวงจรปลาต่างถิ่น ได้ตั้งแต่ต้นทาง
ปลาหมอคางดำไม่เพียงแค่ผลกระทบต่อธรรมชาติอย่างเดียว แต่เป็นสัญญาณเตือนระบบรัฐ ว่า กฎหมายอ่อนแรง การตรวจสอบไม่โปร่งใส และการขาดหลักวิทยาศาสตร์ ทำให้วงจรปลาต่างถิ่นดำเนินต่อเนื่อง
“หยุดวงจรปลาต่างถิ่นจากแหล่งค้า–ฟาร์ม–ธรรมชาติ ด้วยข้อมูลโปร่งใสและหลักการวิทยาศาสตร์”
เป็นแนวทางปฏิบัติที่ต้องเกิดขึ้นจริง เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติก่อนเกิดความเสียหายที่แก้ไขไม่ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี