วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
กทม.3วันอันตราย
กรมชลฯเตือนรับมือฝนถล่ม
ชี้4เขื่อนหลักน้ำปริ่มความจุ
กรมอุตุฯเตือนพายุ“คัลแมกี”ส่งผลให้ไทยตอนบนมีฝนตกหนัก เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก ด้านกรมชลฯเผย3 วันอันตราย กทม. เฝ้าระวังฝนตกหนัก น้ำท่วม ลุ่มเจ้าพระยารับมือปริมาณน้ำเพิ่ม ปลัดกระทรวงเกษตรฯ สั่งถอดบทเรียนน้ำท่วมปี’54 ขณะที่เชียงรากใหญ่อ่วมหนัก อ่างทอง จมบาดาล
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน น.ส.สุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ ฉบับที่ 14 เรื่อง พายุ “คัลแมกี” และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย มีใจความว่า พายุดีเปรสชัน“คัลแมกี” (KALMAEGI) ได้เคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี แล้ว มีศูนย์กลางอยู่บริเวณ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าพายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคเหนือ ช่วงวันที่ 7–8 พฤศจิกายน 2568
พายุ‘คัลแมกี’กระทบ7-9พ.ย.นี้
จากอิทธิพลของพายุ “คัลแมกี” ส่งผลให้ช่วงวันที่ 7-9 พฤศจิกายน ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยจะเริ่มจากบริเวณภาคตะวันออกเอียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือ ตามลำดับ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดนำท่วมฉับพลับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเสียงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง
‘ธรรมนัส’ประสานสทนช.รับมือ
ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการรับมือสถานการณ์น้ำจากอิทธิพลของพายุ “คัลแมกี” ที่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย ว่าได้มอบนโยบายให้กรมชลประทาน ประสานสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เพื่อรองรับมวลน้ำที่จะเพิ่มมากขึ้นจากปริมาณฝนที่คาดว่าจะตกมากขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งหลังจากลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่ จ.ปทุมธานี ในภาพรวมยังมั่นใจว่าสามารถบริหารสถานการณ์ได้ และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดเพราะสภาพอากาศมีความแปรปรวนตลอดเวลา
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำหลายแห่งที่ขณะนี้ใกล้เต็มความจุแล้วนั้น ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำ โดยพื้นที่ต้องเฝ้าระวัง คือพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ต้องมีการพร่องน้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำให้มากที่สุด โดยในสัปดาห์หน้าจะหารือร่วมกับทุกหน่วยงาน เพื่อบูรณาการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกันและมีประสิทธิภาพ
ปลัดเกษตรฯถอดบทเรียนปี’54
ด้านนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการบริหารสถานการณ์รับมือปริมาณน้ำที่จะเพิ่มมากขึ้นจากฝนตกหนัก อันเกิดจากอิทธิพลพายุ ”คัลแมกี” ว่าได้กำชับไปยังอธิบดีกรมชลประทาน ในการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและเกษตรกรน้อยที่สุด ซึ่งปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาว่าพื้นส่วนไหนจะมีฝนตกช่วงไหน ดังนั้นภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ ได้ถอดบทเรียนจากสถานการณ์อุทกภัย เมื่อปี 2554 แล้ว ประกอบกับมีการติดตามสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง ในทุกลำน้ำ และมีศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOT) ของกรมชลประทาน เชื่อมั่นว่าจะสามารถบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
กรมชลฯแจ้ง10จว.น้ำเพิ่มสูง
ส่วนนายพงศธร ศิริอ่อน รักษาราชการแทนรองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน ออกประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 10 ถึงผู้ว่าราชการ 11 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และ กทม.ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ โดยคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำที่ไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 2,900-3,000 ลบ.ม./วินาที และคาดการณ์ว่าแม่น้ำสะแกกรัง ปริมาณน้ำไหลผ่านสถานี Ct.19 จ.อุทัยธานี และลำน้ำสาขา มีปริมาณน้ำรวมกันอยู่ที่ 400 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำระหว่าง 3,300-3,400 ลบ.ม./วินาที กรมชลประทาน จึงปรับเพิ่มปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จากเดิมระบายน้ำไม่เกิน 2,700 ลบ.ม./วินาที เป็นระบายน้ำในอัตรามากกว่า 2,700 ลบ.ม./วินาที พร้อมทั้งบริหารจัดการน้ำ และควบคุมปริมาณการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ เพื่อลดผลกระทบ
3วันอันตรายกทม.เสี่ยงท่วม
วันเดียวกัน นายธเนศร์ สมบูรณ์ ผอ.สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์น้ำ คาดว่าช่วงวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2568 ถือเป็น 3 วันอันตราย ที่ต้องเฝ้าระวัง จากอิทธิพลพายุ “คัลแมกี” โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.ซึ่งได้เตรียมเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยระบายน้ำอย่างเต็มที่ เพราะพื้นที่ กทม.เจอปัญหา 3 น้ำ คือ น้ำฝน น้ำเหนือ และน้ำหนุน แต่สถานการณ์น้ำเหนือ ไม่ทำให้น้ำท่วม กทม.น่นอน แต่น้ำท่วมจะเกิดจากน้ำฝน นานประมาณ 3-5 ชั่วโมง ซึ่งกรมชลประทาน จะดูแลเต็มที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม จะต้องติดตามสถานการณ์ฝนใน จ.นครสวรรค์ หากมีปริมาณมากจะส่งผลให้มีการระบายน้ำเพิ่มมากขึ้น กระทบต่อพื้นที่จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา และ กทม.
ชี้4เขื่อนหลักรับน้ำปริ่มความจุ
สำหรับสถานการณ์ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนเจ้าพระยา ปริมาณน้ำใน 4 อ่าง รวมกัน อยู่ที่ 24,398 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือ 98% ของความจุอ่าง มากกว่าปีก่อน 2,593 ล้าน ลบ.ม.ส่วนภาพรวม ปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำ 63,877 ล้าน ลบ.ม.ปริมาณ 90% ของความจุเขื่อน มากกว่าปีก่อน 4,660 ล้าน ลบ.ม.ในจำนวนนี้มี 11 เขื่อน ที่มีระดับน้ำสูงกว่าระดับ Upper Rule Curve คือระดับน้ำควบคุมตอนบน มีเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนกิ่วคอหมา เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนแม่มอก เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนบางพระ เขื่อนหนองปลาไหล และเขื่อนนฤบดินทรจินดา
นายธเนศร์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 448 แห่ง มีปริมาณน้ำกว่า 100% รวม 133 แห่ง ปริมาณน้ำระหว่าง 80-100 % รวม 170 แห่ง ปริมาณน้ำระหว่าง 50-80 % รวม 90 แห่ง ปริมาณน้ำระหว่าง 31-50 % รวม 31 แห่ง
ปลัดกทม.สั่งเตรียมรับมือฝน
วันเดียวกัน นายณรงค์ เรืองศรี ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ด้วยกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเตือนพายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” ซึ่งจะส่งผลกระทบบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มขึ้น รวมถึง กทม.และปริมณฑล คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ และฝนที่ตกสะสมช่วงวันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2568 ประกอบกับกรมชลประทาน ปรับเพิ่มปริมาณการระบายน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา และกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ประกาศแจ้งเตือนระดับน้ำทะเลหนุนสูงช่วงวันที่ 5-14 พฤศจิกายน 2568 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการรับสถานการณ์ดังกล่าว จึงให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการรับมือ
เชียงรากใหญ่อ่วมหนัก205หลัง
ที่ จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวสำรวจความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยบริเวณหมู่ 7 ต.เชียงรากใหญ่ อ.สามโคก ว่ามีบ้านเรือนนอกแนวคันกั้นน้ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มีน้ำท่วมสูงกว่า 1.5 เมตร ประชาชนต้องใช้เรือในการสัญจร และใช้รถที่ยกสูงด้วยความยากลำบาก ท่ามกลางกระแสน้ำเจ้าพระยาที่ไหลเชี่ยวกราก โดยมีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 205 หลังคาเรือน ซึ่งทางเทศบาล ต.เชียงรากใหญ่ ได้เร่งบรรจุกระสอบทราย และกำลังเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบแล้ว
อ่างทองคันดินพังน้ำทะลักท่วม
ส่วนที่ จ.อ่างทอง น้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ได้เอ่อล้นตลิ่งจนทำให้คันดินกั้นน้ำ บริเวณหมู่ 1 ต.ป่าโมก อ.ป่าโมก พังลงมาช่วงกลางดึก ชาวบ้านต่างต้องเร่งกันขนย้ายข้าวของ สัตว์เลี้ยง อย่างโกลาหล โดยน้ำเข้าท่วมทันที 60-70 เซนติเมตร มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบกว่า 100 ครัวเรือน และมีแนวโน้มจะขยายวงกว้างไปถึงริมถนนอ่างทอง-ป่าโมก สายใน โดยเทศบาลฯ ได้เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว
ชัยนาทพนังแตกน้ำท่วมรุนแรง
เช่นเดียวกับ จ.ชัยนาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุพนังกั้นน้ำแตกในพื้นที่ชุมชนวัดโคกจันทร์ ต.โพนางดำตก อ.สรรพยา ทำให้มวลน้ำมหาศาลทะลักเข้าท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็วและรุนแรง ชาวบ้านต้องเร่งขนข้าวของมาอาศัยอยู่บนถนนสรรพยา-อินทร์บุรี เป็นการชั่วคราว
ขณะที่ภาพรวมจุดอพยพหนีน้ำท่วมทางหลวงชนบทชัยนาท 3018 คันคลองมหาราช มีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใน 3 ตำบลท้ายเขื่อน ได้แก่ ต.ตะหลุก ต.หาดอาษา และ ต.โพนางดำออก อพยพมาสร้างเพิงพักชั่วคราวอยู่บนถนน กว่า 1,500 ครัวเรือน โดยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท รายงานว่ามีพื้นที่ถูกน้ำท่วมแล้ว 4 อำเภอ ได้แก่ อ.มโนรมย์ อ.วัดสิงห์ อ.เมือง และ อ.สรรพยา รวม 10 ตำบล 43 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วม 4,365 ครัวเรือน มีผู้ประสบภัยทั้งสิ้น 9,837 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี