รบ.สั่งหยุดทุกข้อตกลง-หลังทหารเหยียบบึ้ม ไทยฮึม!เขมรลอบกัด แสดงท่าทีปฏิปักษ์ไม่เลิก

รบ.สั่งหยุดทุกข้อตกลง-หลังทหารเหยียบบึ้ม ไทยฮึม!เขมรลอบกัด แสดงท่าทีปฏิปักษ์ไม่เลิก

วันอังคาร ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

รบ.สั่งหยุดทุกข้อตกลง-หลังทหารเหยียบบึ้ม

ไทยฮึม!เขมรลอบกัด

แสดงท่าทีปฏิปักษ์ไม่เลิก

มทภ.2คาดเป็นระเบิดใหม่

นายกฯบินเยี่ยม2ทหารเจ็บ

ตีกลับจับกังเขมรหมดอายุ

กองทัพบกยันทหารไทย เหยียบกับระเบิด 2 นาย บาดเจ็บขาขวาขาด รายที่ 7 อีกหนึ่งเจ็บแน่นหน้าอก เหตุเกิดที่ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บิ๊กเล็กสั่ง มทภ.2 ตรวจสอบเป็นของเก่าหรือใหม่ พร้อมพิสูจน์ทราบเจตนาหรือไม่ แต่คาดเป็นระเบิดของใหม่ชี้ที่เกิดเหตุเป็นจุดลาดตระเวนประจำ จี้ กต.ยื่นประท้วงทันทีเอาให้ถึงที่สุด ลั่นเลื่อนส่ง 18 เชลยเขมรกลับ นายกฯฮึ่มสั่งหยุดทุกข้อตกลงเขมร บินด่วนศรีสะเกษ เยี่ยมทหารเหยียบทุ่นระเบิด11พ.ย. ด้านโฆษก รบ.เผยหยุดข้อตกลงฯไม่มีกำหนด จนกว่าเคลียร์ปมทุ่นระเบิดจบ ขณะที่นายกฯสั่งชะลอลงนามอนุญาตแรงงานเขมรใบอนุญาตหมดอายุอยู่ไทยต่อ ยันต้องตรวจเข้มตามกม.เหตุผลด้านความมั่นคง จ่อทบทวนมติครม.อีกครั้ง

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันนี้ (10 พฤศจิกายน) เวลา 09.30 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี เกิดเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดบริเวณพื้นที่ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเส้นทาง เป็นเหตุให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ดังนี้ 1. จ.ส.อ. เทิดศักดิ์ สมาพงษ์ อาการข้อเท้าขวาขาด 2. พลฯ วชิระ ทันทนา อาการแน่นหน้าอกจากแรงอัด ปัจจุบันส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์แล้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นทหารไทยรายที่ 7 ที่เหยียบกับระเบิดขาขาด

ทภ.2ส่งจนท.เข้าตรวจสอบที่มา-ชนิดระเบิด

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก กองทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความระบุว่า ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น และขอชี้แจงกรณีกำลังพลเหยียบกับระเบิดบริเวณพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษว่า วันที่ 10 พฤศจิกายน เวลา 09.36 น.กำลังพลที่ปฏิบัติราชการสนามของ กองร้อยทหารราบที่ 1611 ได้ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามเส้นทางที่ใช้ปกติ ห่างแนวชายแดน 1 กิโลเมตร เพื่อเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยพื้นที่ รวมทั้งป้องกันการรุกล้ำอธิปไตย ขณะลาดตระเวนเกิดเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณทิศตะวันออกห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 2 นาย ซึ่งนำตัวผู้บาดเจ็บส่งรพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานีแล้ว สำหรับการตรวจที่เกิดเหตุ ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบ เพื่อหาข้อมูลประเภท และที่มาของวัตถุระเบิด

ทอ.ประกาศยุติทุกข้อตกลงไทย-เขมร

เพจเฟซบุ๊ก “กองทัพอากาศไทย Royal Thai Air Force” โพสต์ข้อความระบุ ยุติการดำเนินการทุกข้อตกลงระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา จนกว่าการปฏิบัติการใดๆของกัมพูชาที่แสดงความเป็นปฏิปักษ์จะไม่มี กองทัพอากาศขอยืนยันจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยเกียรติ ศักดิ์ศรีและผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง

บิ๊กเล็กสั่งเลื่อนส่งคืน18เชลยเขมร

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนสอบถามพล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบกซึ่งพื้นที่ประสบเหตุ อยู่ระหว่างปราสาทเขาพระวิหาร และภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ เป็นพื้นที่ที่เรากำลังผลักดันกัมพูชาออกไป ขณะนี้แม่ทัพภาคที่ 2 กำลังตรวจสอบเหตุต่อไปว่า ทุ่นระเบิดที่นำมาวางเป็นของใหม่หรือเก่า แต่แม่ทัพภาคที่ 2 คาดว่าน่าจะเป็นของใหม่ ตนจึงบอกให้ตรวจสอบก่อน แต่ที่แน่ๆเรื่องเชลยศึกต้องเอาไว้ก่อน ถ้าเป็นแบบนี้

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะเลื่อนส่งคืนเชลยศึกกลับเขมรไปก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลพยักหน้ารับพร้อมระบุว่า ใช่ พร้อมยืนยันว่าจะทำหนังสือประท้วงเขมรแน่นอน ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราจะประท้วงทันที แต่เรื่องของเชลยศึกก็คือ เอาไว้ก่อน ต้องมาคุยรายละเอียด แต่ถ้าพิสูจน์ทราบว่าเป็นเจตนาต้องมากกว่านั้นอีก

คาดระเบิดใหม่เกิดในจุดลาดตระเวนประจำ

“การเป็นผู้บังคับบัญชา การจะพูดอะไรต้องใช่ การพูดไปก่อนโดยที่ยังไม่ตรวจสอบ ไม่ใช่วิสัยผม ผมเร่งรัดคำตอบจากผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และกองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้ให้ข้อมูลว่าพื้นที่ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ที่ลาดตระเวนอยู่เป็นประจำ และวันนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนประสบเหตุขาขาด แม่ทัพภาคที่ 2 คาดว่าจะเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่ ฉะนั้น เป็นการปฏิบัติของฝ่ายเขมรที่ไม่เคารพผลการลงนามในปฏิญญา เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ฉะนั้นผมจึงขออนุมัติจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทยให้หยุดการปฏิบัติตามปฏิญญาดังกล่าวไว้ก่อน”พล.อ.ณัฐพลกล่าว

ยื่นประท้วง-ถ้าพบท่าทีรุกไทยเจอมากว่านี้

และว่า หนังสือประท้วงทำตามลำดับแล้ว ไปยังกระทรวงการต่างประเทศ และจะตรวจสอบอีกต่อไป ถ้าพบเป็นท่าทีที่รุกล้ำอธิปไตยก็ต้องปฏิบัติมากกว่านี้

ถามว่า เหตุการณ์ดังกล่าวต้องทำหนังสือไปยังคณะผู้สังเกตการณ์ และผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐฯด้วยหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลยืนยันว่า ทำแน่นอน ซึ่งขณะนี้คณะผู้สังเกตการณ์หรือ AOT ก็อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว ฉะนั้น ตนขอยืนยันว่า ขอหยุดการปฏิบัติการลงนามตามปฏิญญาดังกล่าวไว้ก่อน ที่นายกฯไทยไปลงนามกับนายกฯเขมร ซึ่งนายกฯเห็นชอบแล้ว

ลั่นไม่เคยสั่งหยุดยิง-โต้บิ๊กอ้วนสั่งการ

พล.อ.ณัฐพลยังชี้แจงพล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษา ผบ.ทบ. อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 หลังออกมาเปิดเผยมีคำสั่งหยุดยิง 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำเอาตัวพล.อ.ณัฐพลถูกตั้งข้อสงสัยว่า ขอยืนยันตนไม่ใช่คนสั่งให้หยุดยิงวันแรกคือ การสู้รบ 24 กรกฎาคม ซึ่งตนไม่ได้สั่งการอะไร ได้แต่เฝ้าติดตามอย่างเดียว จำได้ว่าวันนั้นพูดกับสื่อว่ามอบอำนาจให้คณะผู้บัญชาการทางทหาร ที่มีผบ.ทหารสูงสุดเป็นหัวหน้าคณะ

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าทราบหรือไม่ผู้สั่งการคือใคร พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ต้องไปถามคนพูด ถามตนก็ไม่ทราบ ให้ไปถามพล.ท.บุญสินเอง ส่วนกระแสที่เกิดขึ้นไม่รู้สึกกดดัน อย่างไรก็ตาม เท่าที่ตนพูดกับพล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.ก็บอกว่าไม่มีใครสั่ง

“ก่อนที่พล.ท.บุญสินจะเกษียณ ผมได้พบพล.ท.บุญสิน ผบ.ทบ.และเสธ.ทบ. ซึ่งได้ยินพล.ท.บุญสิน พูดมาตลอดว่าจะเอาคืนๆ จึงถามพล.ท.บุญสินว่า เตรียมการแล้วใช่หรือไม่ ฉะนั้นทำให้เสร็จก่อนเกษียณฯนะ แต่จนเกษียณฯ ก็ไม่พบว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้น”พล.อ.ณัฐพลกล่าว และว่า ส่วนกระแสข่าวพุ่งเป้าไปที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯขณะนั้นสั่งการผ่านตนหรือไม่ ยืนยันว่า ที่ตนอยู่ในเหตุการณ์ไม่มี

สั่งหยุดปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทหารเหยียบกับระเบิดได้รับบาดเจ็บในพื้นที่กองทัพภาคที่2 ว่า ตนทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และชัดเจนว่าตนเห็นด้วยและสนับสนุนการดำเนินการของกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพเรื่องนี้

“สิ่งที่เรากำลังดำเนินการมาตลอดถึงตอนนี้ต้องถือว่าหยุด จนกว่าจะมีความชัดเจน ผมแจ้งไปยังกระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศว่า ต้องทำตามสิ่งที่ประเทศไทยต้องการเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้การเป็นปฏิปักษ์ที่เราคิดว่าจะลดลงไปต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ได้ลดลงเลย เมื่อไม่ได้ลดเราก็ดำเนินการอะไรที่นอกเหนือจากนี้ไม่ได้ หลังจากนี้ทุกอย่างต้องหยุด”นายอนุทินกล่าวเสียงแข็ง และว่า รายละเอียดอื่นให้รมว.กลาโหมและกองทัพออกมาชี้แจงต่อสื่อมวลชน สิ่งที่ตนยืนยันไปแล้วคือ ให้ท่านว่าไปเลย ตนอยู่กับท่าน ตามท่านทุกอย่าง

11พย.ลงพื้นที่ศรีสะเกษเยี่ยมทหารขาขาด

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ 11 พฤศจิกายนจะลงพื้นที่จ.ศรีสะเกษใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีหันกลับมาตอบว่า ต้องไปสิ ทหารของเราถึงขั้นขาขาด

ทั้งนี้ วันที่ 11 พฤศจิกายน หลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกฯ จะลงพื้นที่ด่วนไปเยี่ยมทหาร ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิด ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี และจะเดินทางต่อไปพื้นที่ห้วยตามาเรีย ตรงข้ามปราสาทเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ และเป็นประธานประชุมหาแนวทางหยุดปฏิญญาสันติภาพ ที่ลงนาม Joint Declaration ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

สั่งบัวแก้ว.-กห.ประท้วงให้ถึงที่สุด

ขณะที่นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า นายกฯได้รับรายงานเหตุการณ์จากกองทัพบกแล้ว และไม่สบายใจอย่างยิ่ง จึงสั่งกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหมพิจารณาประท้วงไปที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) โดยจะดำเนินการให้ถึงที่สุด พร้อมกันนี้ ยังกำชับกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลรักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ และขอส่งกำลังใจให้กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน พร้อมขอให้รายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องด้วย

หยุดทุกข้อตกลงฯจนกว่าเคลียร์ปมระเบิดจบ

“เรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลยอมรับไม่ได้ ซึ่งนายกฯสนับสนุนการดำเนินการทุกอย่างของกองทัพ และการดำเนินการตามข้อตกลง Joint declaration ที่ดำเนินมาแล้วกว่า 1 สัปดาห์ให้หยุดไปก่อน ดังนั้น การดำเนินการที่กังวลว่าจะปล่อยเชลยศึกวันที่ 12 พฤศจิกายน เรื่องนี้ก็ต้องหยุดไปก่อนเช่นกัน ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลไม่มีอ่อนข้อและไม่ได้มีผลประโยชน์กับเขมร ยืนยันสิ่งที่รัฐบาลมุ่งหวังคือ ให้ประเทศโดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนกลับเข้าสู่สภาวะปกติเร็วที่สุด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ความเป็นปฏิปักษ์ไม่ได้ลดลง ดังนั้น การดำเนินการใดๆก่อนหน้านี้ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาต้องหยุดชะงัก และต้องมาเคลียร์เรื่องนี้ก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะหยุดการดำเนินการตามข้อตกลง Joint declaration แบบไม่มีกำหนดหรือไม่ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ตอนนี่ยังไม่มีกำหนด จนพอจะมีการพูดคุย แต่จะบอกว่าไม่มีกำหนดก็กว้างเกินไป หลังจากนี้เมื่อมีการประท้วงกันแล้ว ก็ต้องมาดูว่าจะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร ตอนนี้ต้องหยุดไปก่อน จนกว่าจะเคลียร์เรื่องการเหยียบทุ่นระเบิด

นายกฯตีกลับแรงงานเขมรแสนคน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯสั่งชะลอการลงนามในร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ซึ่งเสนอในสมัยรัฐบาลก่อนที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ โดยให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน และดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด จากการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบมีแรงงานสัญชาติกัมพูชาเกือบ 1 แสนคน ที่ใบอนุญาตทำงานสิ้นสุดลงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 และไม่สามารถยืนยันตัวตนหรือที่อยู่ได้ชัดเจน หากอนุญาตให้อยู่ต่อโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองหรืออาชญากรรมข้ามชาติ

“นายกฯกำชับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงแรงงานร่วมกันทบทวนรายละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าทุกขั้นตอนถูกต้อง จากนี้จะทบทวนมติ ครม. ใหม่ เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างรอบคอบอีกครั้ง”น.ส.ไตรศุลีกล่าว และย้ำว่า รัฐบาลชุดนี้ปฏิบัติตามกฎหมายเคร่งครัด และจะไม่เร่งรัดดำเนินการจนกว่าข้อมูลและหลักฐานทุกอย่างจะถูกต้องสมบูรณ์ เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top