เขื่อนภูมิพลวิกฤต  รับน้ำ99%ใกล้เต็มความจุ  ‘ภราดร’ยอมรับน่าเป็นห่วง

เขื่อนภูมิพลวิกฤต รับน้ำ99%ใกล้เต็มความจุ ‘ภราดร’ยอมรับน่าเป็นห่วง

วันพุธ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

“ภราดร” ชี้อีก 2 วัน เขื่อนภูมิพลเต็มความจุ เล็งผันน้ำเข้าทุ่ง ลดการระบายจากเขื่อนสิริกิติ์ ช่วยพื้นที่ท้ายเขื่อน ส่วนเขื่อนเจ้าพระยา ยังคงระบายน้ำ 2,900 ล้านลบ.ม. ส่งผลคันกั้นน้ำชัยนาท พังเป็นแนวยาว น้ำทะลักท่วมพื้นที่ ขณะที่อ่างทอง-กรุงเก่า ยังอ่วมหนัก น้ำท่วมหลายจุด เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือ

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง สถานการณ์น้ำท่วมว่าได้ประเมินว่าค่อนข้างน่าเป็นห่วงพอสมควร อย่างที่เห็นตัวเลขน้ำที่เติมเข้าเขื่อนภูมิพล อยู่ที่ 90ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน ขณะที่การระบายอยู่ที่ 45-48ล้าน ลบ.ม.แปลว่าต้องรับน้ำสะสมประมาณวันละ40ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ระดับน้ำเพิ่มสูง 99% เกือบเต็มความจุที่ประมาณ 100 กว่าล้าน ลบ.ม.ซึ่งหากปล่อยไว้เช่นนี้อีก 2 วัน เขื่อนฯ จะเต็ม หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องระบายน้ำเพิ่มเป็น 50 หรือ 55 ล้าน ลบ.ม.สิ่งที่เป็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นคือระดับน้ำในแม่น้ำปิงลงมาแม่น้ำเจ้าพระยาจะสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ


นายภราดร กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ด้านล่างก็แย่อยู่พอสมควรแล้ว ทางกรมชลประทาน ระบายน้ำอยู่ที่ 2,800ลบ.ม./วินาที เมื่อเป็นเช่นนี้อาจต้องหาวิธีการระบายน้ำเพิ่ม อย่างไรก็ดีในการประชุมติดตามสถานการณ์การบริหารจัดการน้ำ ได้พูดคุยกันว่าจะหาทางแก้ไขด้วยการลดการระบายน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งโชคดีที่ปริมาณน้ำเข้าเขื่อนไม่มาก จึงลดการระบายน้ำได้ อาจจะเหลือ 5 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ทำให้การเติมน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ลดน้อยลง และอีกอย่างคือการระบายน้ำออกทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกมากขึ้น โดยขณะนี้อยู่ที่ 500 ลบ.ม./วินาที อาจเพิ่มเป็น 600 หรือ 650 ลบ.ม.เพื่อให้เพียงพอกับที่เขื่อนภูมิพล ต้องระบายน้ำเพิ่ม เมื่อเป็นอย่างนั้นจะทำให้ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา มีการระบายอยู่ในระดับ 2,800 ล้าน ลบ.ม.

“แต่มีข้อห่วงใยว่าให้เอาน้ำเข้าทุ่งในปริมาณที่พอสมควร ไม่ให้ชาวบ้านที่อยู่ในทุ่งต้องเดือดร้อน เป็นพื้นที่เก็บน้ำชั่วคราว เมื่อน้ำในระดับแม่น้ำเจ้าพระยาลงแล้วก็เอาน้ำออกจากทุ่ง” นายภราดร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำอยู่ที่ 2,800ลบ.ม./วินาที มีโอกาสที่จะระบายเพิ่มอีกหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า เมื่อทำตาม2 มาตรการคือลดน้ำเขื่อนสิริกิติ์และผันน้ำเข้าทุ่งฝั่งตะวันตกและตะวันออก จะสามารถทำให้กรมชลประทานควบคุมน้ำที่ระบายไม่เกิน 2,800ลบ.ม./วินาทีเมื่อถามว่า ได้คุยกับทางกรมชลประทานแล้วใช่หรือไม่ นายภราดรกล่าวว่า ใช่

ต่อข้อถามถึงกรณีที่ประชาชนใน จ.อ่างทองและพระนครศรีอยุธยาทะเลาะวิวาทกัน นายภราดรกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีได้เรียกคุยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและหาแนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน ส่วนมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบนั้น เป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้ว คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณไปแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่จะเพิ่มเติมทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จะได้สำรวจเพิ่มและจะอนุมัติเป็นลอต ไม่ให้เสียเวลา

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการพูดคุยกันถึงน้ำที่จะมาถึง กทม.หรือไม่ นายภราดรกล่าวว่า อย่างที่เห็นว่าหากไม่เร่งระบายน้ำ หาที่เก็บหาที่อยู่ให้น้ำ ถึง กทม.แน่นอน ก็จำเป็นที่จะต้องเอาเข้าไปเก็บในระบบชลประทาน ในทุ่งฝั่งตะวันตกกับฝั่งตะวันออกให้มากที่สุด โดยไม่ให้กระทบกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เมื่อถามว่า มีการปรับมาตรการเยียวยาหรือไม่หลังจากที่ฝ่ายค้านเสนอว่าน่าจะมีมาตรการช่วยเหลือเกี่ยวกับการดีดบ้านของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม นายภราดรกล่าวว่า กำลังพิจารณาอยู่สำหรับพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะใน จ.พระนครศรีอยุธยา กับ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ซึ่งมีแนวทางที่จะดูแลและเยียวยาให้กับกลุ่มเหล่านี้ ซึ่งเรื่องการยกบ้านดีดบ้านอะไรอย่างนี้ก็เป็นแนวทางที่กำลังพิจารณาอยู่

ด้านกรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีปริมาณน้ำในอ่าง 64,270 ล้านลบ.ม.คิดเป็น 91% โดยปริมาณน้ำในอ่างเทียบกับปี 2567 (มีจำนวน 59,341 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 84%) มากกว่าปี 2567 จำนวน 4,929 ล้าน ลบ.ม.ขณะที่ปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 261.86 ล้าน ลบ.ม.ปริมาณน้ำระบาย 136.33 ล้าน ลบ.ม.สามารถรับน้ำได้อีก 6,719 ล้าน ลบ.ม.

สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% ของความจุอ่าง รวม 24 อ่าง ซึ่งในจำนวนนี้มีอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำเกิน 100% รวม 5 อ่าง

ที่ จ.ชัยนาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มการระบายน้ำเป็น 2,900 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนที่ อ.สรรพยา สูงขึ้นกว่า 20 เซนติเมตร น้ำกัดเซาะคันดินกั้นน้ำที่บ้านท่าท่าน หมู่ 2ต.บางหลวง จนเกิดรอยแตกหลายจุด ระยะยาวกว่า 10 เมตร ทำให้เทศบาล ต.บางหลวงไม่สามารถซ่อมแซมได้ทัน ต้องยอมปล่อยให้น้ำหลากเข้าท่วมพื้นที่ ก่อนประกาศแจ้งชาวบ้านขนของขึ้นที่สูง

ทั้งนี้ น้ำยังไหลเข้าท่วมพื้นที่หมู่ 1 บ้านท่าทราย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตแชมพูสมุนไพรชื่อดังของ จ.ชัยนาท จนสภาพถนนในหมู่บ้านมีน้ำท่วม ส่วนชาวบ้านบางครอบครัวได้ย้ายไปกางเต็นท์อาศัยอยู่ที่ริมคลองชลประทาน โดยทางเทศบาล ต.บางหลวง ได้เร่งเข้าตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือ

ขณะที่ จ.อ่างทอง บริเวณถนนสาย 33 ป่าโมก-สุพรรณบุรี อ.ป่าโมก ที่ถูกน้ำท่วมก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ไกรวีระเดชาชัย ผกก.สภ.ป่าโมก กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงปิดการจราจรเนื่องจากน้ำท่วมสูงกว่า 60 เซนติเมตร ตั้งแต่หน้าปั๊ม ปตท.ถึงหน้าทางแขวงทางหลวง ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ต้องใช้ทางเลี่ยง โดยเจ้าหน้าที่ได้เร่งแก้ไขสถานการณ์เพื่อให้กลับมาใช้เส้นทางได้ตามปกติ

ด้านพนังกั้นน้ำที่พังทลายบริเวณเชิงสะพาน ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางเจ้าหน้าที่ได้อุดรอยรั่วได้แล้ว ทำให้การสัญจรเริ่มคล่องตัว แต่ระดับน้ำในแม่น้ำดังกล่าวยังเพิ่มสูงขึ้น โดยบริเวณหน้าศาลากลาง จ.อ่างทอง ระดับน้ำสูง 9.6 เมตร จากระดับตลิ่งที่มีเขื่อนกั้นที่ 10 เมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,646ลบ.ม./วินาที ซึ่ง ปภ.จังหวัด ได้แจ้งเตือนประชาชนให้พร้อมรับสถานการณ์และพื้นที่จุดเสี่ยงให้เตรียมอพยพ โดยช่วงนี้มีน้ำเอ่อล้นข้ามพนังกั้นน้ำและผุดลอดใต้เขื่อนหลายจุด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าตรวจสอบอย่างเต็มที่

ส่วนที่ จ.พระนครศรีอยุธยา สถานการณ์น้ำท่วมยังคงต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ภายหลังเขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำในอัตรา 2,900 ลบ.ม./วินาที ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านพื้นที่เพิ่มสูงขึ้น และส่งผลให้แม่น้ำน้อย และคลองสาขาต่างๆ ที่รับมวลน้ำดังกล่าวมีปริมาณสูงขึ้นไปด้วย ส่วนถนนสาย 347 อยุธยา-ปทุมธานี โดยเฉพาะบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่หมู่2 ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา พบว่าบริเวณใต้สะพานจุดกลับรถ น้ำล้นตลิ่ง ท่วมสูง 30-40 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านไปได้ รวมทั้งร้านอาหารริมแม่น้ำ ก็ถูกน้ำท่วมสูงหลายเมตร

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top