'อัจฉริยะ'กัดไม่ปล่อย! บุก ปปง. ยื่นหลักฐานเส้นเงิน เชื่อมโยงเครือข่ายนักการเมืองคนดังเพิ่มอีก 2,500 ล้าน

'อัจฉริยะ'กัดไม่ปล่อย! บุก ปปง. ยื่นหลักฐานเส้นเงิน เชื่อมโยงเครือข่ายนักการเมืองคนดังเพิ่มอีก 2,500 ล้าน

วันจันทร์ ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 15.30 น.

'อัจฉริยะ'กัดไม่ปล่อย! บุกป.ป.ง.  ยื่นหลักฐานเส้นเงินเชื่อมโยงเครือข่ายนักการเมืองคนดังเพิ่มเติมอีก 2,500 ล้านบาท คาดมีเงินหมุนเวียนมากกว่า 1.5 หมื่นล้าน แต่ตร.อายัดไว้เพียง 36 ล้านเท่านั้น  โต้เดือด"วินัย ทองสอง"ไม่เคยล้มมวย และไม่ใช่เครื่องมือ"บิ๊กโจ๊ก"     ด้านรองโฆษก ป.ป.ง.ยันไม่ได้ทำงานตามใบสั่ง หากมีหลักฐานโยงถึงตามยึดทรัพย์ทั้งหมด

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน( ปปง.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม  เข้ายื่นหลักฐานเส้นทางการเงินที่อ้างว่าเกี่ยวพันเครือข่ายของ “นักการเมือง ช.” กับพวก ร่วมกันฟอกเงินมากกว่า1,000ล้านบาท และเงินอีกส่วนที่คาดว่ามีการซุกซ่อนผ่านระบบเงินคริปโต เพื่อขอให้นายเทพสุ บวรโชติดารา  เลขาธิการ ป.ป.ง. ตรวจสอบและดำเนินการยึดอายัดทรัพย์


นายอัจฉริยะ ระบุว่า พยานหลักฐานที่นำมามอบให้วันนี้เป็นเส้นทางการเงินที่รวบรวมมาตั้งแต่ ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งในเครือข่ายของนักการเมืองคนดังกล่าว รวมมีเงินหมุนเวียนมากกว่า 15,000 ล้าน  โดยเฉพาะคดีของ"บอสตาล"เชื่อมามีเส้นเงินถึงนักการเมืองคนดังกล่าวประมาณ 1,000 ล้านบาท 

นอกจากนี้ยังมีตำรวจอีกหลายนายที่รับเงินจากนักการเมืองคนดัง  เงินส่วนนี้ถือเป็นนิติสัมพันธ์ที่ต้องเอามาประกอบในกระบวนการอายัดทรัพย์สินของสำนักงาน ปปง. เช่นเดียวกัน

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ทั้งนี้ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตนเองเดินทางมายื่นสำนักงาน ปปง. เพิ่มเติมวันนี้ประ มาณ 2,500 ล้านบาท ซึ่งทางสำนักงาน ปปง.ระบุในที่ประชุมกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธ ศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ว่าไม่มีข้อมูลส่วนนี้ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธร (สภ.)สงขลา ได้ส่งพยานหลักฐานและทรัพย์สินให้สำนักงาน ปปง. ดำเนินการเพียง 36 ล้านบาท

นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ฉะนั้น การที่ปรากฎข้อมูลทรัพย์สินภายหลังว่ายังมีอีกจำนวนมากที่ไม่ถูกดำเนินการ ตำรวจต้องถูกดำเนินคดีด้วยในฐานะดำเนินคดีไม่ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ตนเองไม่โทษใคร แต่อยากให้จากนี้สำนักงาน ปปง.ทำงานให้เต็มที่ตามหลักฐานที่ตนได้ยื่นให้เพราะเอกสารชุดนี้ถือว่ามีหลักฐานครบถ้วนหมดแล้ว รวมทั้งสำนักงาน ป.ป.ง.  จะต้องตามยึดอายัดทรัพย์สินกับบุคคลที่มีข้อมูลเกี่ยวโยงในการรับทรัพย์สินของนักการเมืองคนดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นพลเรือนหรือตำรวจตำแหน่งใด

ส่วนกรณีที่พล.ต.อ.วินัย  ทองสอง หนึ่งในคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ตั้งข้อสังเกตว่าตนเล่นพนันมวย และมีเงินชำระหนี้12ล้านบาทนั้น นายอัจฉริยะ ยืนยันว่าตนเป็นโปรโมเตอร์มวย การที่ไปอยู่ในสนามมวยที่ถูกจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายตนผิดอะไร ปัจจุบันตนมีสำนักงานกฎหมาย ช่วยประชาชนที่เดือดร้อน ที่สำคัญคือเป็นที่ปรึกษาของบริษัทต่างๆหลายแห่ง เรื่องนี้ตนทำมานาน แต่เป็นเรื่องส่วนตัวไม่ได้บอกใคร อีกทั้งตนยังเป็นวิศวกรโยธารวมทั้งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี ยืนยันว่าเป็นคนดีไม่ใช่คนไม่ดี

สำหรับกรณีที่พล.ต.อ.วินัย บอกว่าตนไปล้มมวย ขอให้ไปย้อนถามกับจเรตำรวจแห่งชาติ ที่รู้จักโปรโมเตอร์มวยจำนวนมากว่าตนมีประวัติล้มมวยหรือไม่ อีกทั้งยืนยันว่าไม่มีทางเล่นพนันมวยเป็นเงินมูลค่า 12 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่ฟ้องพล.ต.อ.วินัยกลับ เพราะที่ผ่านมาถูกดำเนินคดีไปกว่า 300 คดี  จากนี้จึงไม่อยากค้าความ อยากอยู่กับครอบครัว การที่ตนเดินหน้าตรวจสอบบุคคลและจะถูกตรวจสอบกลับก็ยินดีให้ตรวจสอบเพราะว่าตนมีอาชีพที่เป็นหลักแหล่ง

นายอัจฉริยะยืนยันว่า ตนเองไม่ใช่เครื่องมือของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจ ส่วนเรื่องที่มีสื่อมวลชนฝากให้ตนเองถาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เรื่องทองคำ 300 ล้านบาท ตนก็จะมีการสอบถามอดีตรองผบ. ตร.ในที่ประชุมกรรมาธิการฯความมั่นคง ในวันที่ 26 พ.ย.นี้เช่นกันว่า เป็นเรื่องจริงหรือไม่

ด้านนายสุทธิศักดิ์ สุมน ผู้อำนวยการกองกฎหมาย และรองโฆษก ปปง. กล่าวว่า ข้อมูลที่นายอัจฉริยะได้นำมาให้วันนี้จะนำไปประกอบการเพื่อดำเนินการเพิ่มเติม ในส่วนมูลค่าทรัพย์สินที่สำนักงาน ปปง.อายัดไปก่อนหน้านี้ ว่าแตกต่างจากข้อมูลทรัพย์สินที่นายอัจฉริยะหรือไม่ 

ที่ผ่านมาสำนกงาน ปปง. ยืนยันว่ายึดอายัดตามพยานหลักฐาน ไม่ได้ยึดตามเจ้าหน้าที่ ยืนยันไม่มีใบสั่ง การยึดทรัพย์สินทั้งหมดต้องผ่านการประชุมของคณะกรรมการ ที่มีการพิจารณาจากกรรมการหลากหลายสาขาอาชีพ 

นายสุทธิศักดิ์  กล่าวว่า ส่วนที่มีความกังวลว่ามูลค่าทรัพย์สิน ที่ยื่นพยานหลักฐานมาเพิ่มเติมจะมีการส่งต่อ หรือมีการเปลี่ยนแปลงทรัพย์ดังกล่าวสำนักงาน ปปง. ยืนยันว่า จะสามารถติดตามทรัพย์ สินดังกล่าวกลับมาได้ทั้งหมด หากสืบไปถึงเครือข่ายส่วนที่เกี่ยวข้องก็จะมีการดำเนินการ ไม่ว่าเงินดังกล่าวจะไปอยู่ที่ข้าราชการตำรวจ ฝ่ายปกครอง หรือประชาชน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top