วันจันทร์ ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) , นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี , พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมศุลกากร , นายธีรทัศน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม , น.ส.อารีภักดิ์ เงินบำรุง และ นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบสารเคมีต้องสงสัย ที่จะนำไปใช้ในการผลิตยาเสพติด ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ภายใต้แนวคิด "No Chemical No Drugs"
สืบเนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ส.ได้รับการประสานงานการข่าวจากกรมศุลกากร ซึ่งเฝ้าระวังการนำเข้าสารเคมีที่สามารถนำไปใช้ในการผลิตยาเสพติดผ่านทางท่าเรือ จึงได้ประสานไปยังกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว พบว่ามีบริษัทที่นำเข้าสารเคมีกรดอาเซติก (Acetic Acid) จำนวน 740 ถัง บรรจุถังละ 30 กิโลกรัม น้ำหนักรวม 22,200 กิโลกรัม นำเข้ามาจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้ามาประเทศไทย ณ ด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดยไม่มีใบอนุญาตนำเข้า และไม่มีการขึ้นทะเบียนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ "สารเคมีกรดอะซีติก" เป็นตัวทำปฏิกิริยาในกระบวนการผลิตสารตั้งต้น เพื่อนำไปใช้ในการผลิตเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า , ไอซ์) หรือ เฮโรอีน ดังนี้ หากนำใช้ผลิตสารตั้งต้นเพื่อนำไปผลิตไอซ์ (เมทแอมเฟตามีน) ได้ประมาณ 27,750 กิโลกรัม หรือใช้ผลิตสารตั้งต้น เพื่อนำไปผลิตยาบ้า ได้มากถึงประมาณ 1,400 ล้านเม็ด หรือหากใช้เป็นสารตั้งต้น เพื่อนำไปผลิตเฮโรอีน ได้ถึงประมาณ 74,000 กิโลกรัม
ซึ่งข้อมูลดังกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหากสารเคมีหลุดรอดออกไปสู่กระบวนการผลิตยาเสพติด ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อประเทศต้นทางอย่างไทยแล้ว ยังรวมถึงประเทศปลายทางในภูมิภาคและทั่วโลก โดยปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. , กรมศุลกากร , กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อควบคุมและสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่นำไปใช้ในการผลิตยาเสพติด และภายใต้กลไกความร่วมมือปราบปรามยาเสพติดระหว่างท่าเรือสากล (SEAPORT INTERDICTION TASK FORCE : SITF) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ
สำหรับกรดอะซิติก (Acetic Acid) จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ซึ่งกำหนดให้ผู้นำเข้าวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ต้องขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายและยื่นขอใบอนุญาตนำเข้าจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ จากนั้นจึงจะได้รับใบอนุญาตนำเข้าเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการนำเข้าราชอาณาจักร นอกจากนี้ กรดอะซิติก เป็นสารเคมีในบัญชีที่ 2 ประกาศกระทรวงยุติธรรม เรื่อง กำหนดชื่อสารเคมี พื้นที่ควบคุม และหน้าที่ของผู้ทำธุรกรรมภายใต้มาตรการป้องกันการลักลอบนำสารเคมี วัสดุ หรือเครื่องมือบางประเภทไปใช้ผลิตยาเสพติด พ.ศ.2559 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2559 ภายใต้คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 32/2559 เรื่อง มาตรการป้องกันการลักลอบนำสารเคมี วัสดุ หรือเครื่องมือบางประเภทไปใช้ผลิตยาเสพติด ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2559 ซึ่งกำหนดให้ดำเนินการตามกฎหมาย หรือระเบียบ ที่กำหนดไว้เป็นการเฉพาะ
โดย กรดอะซิติก (Acetic Acid) เป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น การผลิตพลาสติก ยาง การพิมพ์ สีย้อม การถนอมอาหาร เป็นตัวทำละลายสำหรับน้ำมันหอมระเหย และใช้สังเคราะห์สารอินทรีย์เคมี อย่างไรก็ตาม กรดอะซิติก (Acetic Acid) สามารถนำมาใช้เป็นตัวทำปฏิกิริยาในกระบวนการผลิตสารตั้งต้นเพื่อนำไปใช้ในการผลิตเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า , ไอซ์) หรือ เฮโรอีน ดังนั้น มาตรการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์จะต้องดำเนินงานอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการรั่วไหลไปสู่การผลิตยาเสพติดนอกประเทศ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี