ชู 'ห้องเรียนดิจิทัล' ปี‘68 พัฒนา 437 โรงเรียนกทม.เต็มพิกัด

ชู 'ห้องเรียนดิจิทัล' ปี‘68 พัฒนา 437 โรงเรียนกทม.เต็มพิกัด

วันพุธ ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 07.46 น.

 “ห้องเรียนดิจิทัล” รร.กทม. ปี 68 พัฒนาเต็มรูปแบบ 437โรง ก้าวสู่ยุคใหม่ “การเรียนรู้ไม่มีขีดจำกัด”

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงห้องเรียนดิจิทัลในโรงเรียนสังกัดกทม. ว่า ห้องเรียนของกรุงเทพมหานคร กำลังจะเปลี่ยนจากห้องเรียนแบบเดิม เป็น “ห้องเรียนดิจิทัล” (Digital Classroom) อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ได้แค่นำเทคโนโลยีมาตั้งไว้เฉย ๆ แต่กำลังสร้าง Ecosystem หรือระบบนิเวศการเรียนรู้ใหม่ ผ่านเครื่องมือระดับโลกอย่าง Google for Education ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย และที่สำคัญ คือ ลดความเหลื่อมล้ำ ให้เด็กทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงเทคโนโลยีและแหล่งความรู้ที่เหมือนกัน ซึ่งกทม. ได้ร่วมกับ Google และคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำโครงการ “Bangkok Digital Classroom - แกะกล่องความรู้สู่ห้องเรียน กทม. ยุคใหม่” ร่วมขับเคลื่อนโครงการพัฒนาห้องเรียนดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ในโรงเรียนสังกัดกทม.ทั้ง 437


“การที่เราใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการเรียนการสอนทำให้นักเรียนอยากเรียนรู้มากขึ้น เป็นหัวใจสำคัญที่เราสามารถทำให้เด็กอยากเรียนรู้ถึงแม้ว่าจะอยู่นอกห้องเรียนก็ตาม ความร่วมมือในโครงการนี้ จะจุดประกายให้เด็กกทม. กว่า 2 แสนคน ได้สนุกกับการเรียนรู้แบบ Active Learning ได้ฝึกทักษะดิจิทัลที่จำเป็นต่ออาชีพในอนาคต โรงเรียนกทม. 437 แห่ง จะก้าวไปสู่ยุคใหม่ ยุคที่ “การเรียนรู้ไม่มีขีดจำกัด” รวมทั้งการใช้เทคโนโลยี Google Workspace for Education เพื่อเป็นเครื่องมือและโปรแกรมช่วยอำนวยความสะดวกในการศึกษา และพัฒนาสมรรถนะครูให้สามารถบูรณาการ เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน และได้รับการพัฒนาทักษะทางดิจิทัลอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้การศึกษาพัฒนานักเรียนสู่พลเมืองโลก” รองผู้ว่าฯศานนท์ กล่าว

สำหรับ ”ห้องเรียนดิจิทัล“ จากการเรียนรู้แบบดั้งเดิม สู่การเรียนรู้เชิงรุกส่วนบุคคล เริ่มโมเดลนำร่อง ปีการศึกษา 2565 โดย Training ครู ให้เป็นโค้ช ใช้เครื่องมือ Google Workspace for Education ได้รับบริจาคเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา 1 คน ต่อ 1 เครื่อง และประเมินผลด้วยการเปรียบเทียบกับห้องเรียนปกติ คะแนนของนักเรียนในห้องเรียนดิจิทัลสูงกว่าห้องเรียนปกติในทุกรายวิชา ในปีการศึกษา 2656-2567 นำร่อง 9 โรงเรียน และปีการศึกษา 2568 ทำทั้ง 437 โรงเรียน

ดำเนินการ 5 ปัจจัยหลักในการพัฒนา 1. พัฒนาครู พัฒนาแล้ว 620 ครู ใน 111 โรงเรียน 26 ทีมครู (BMA Edtech Leader) ลดภาระเอกสารแผนการสอนครูจาก 2,000 เหลือ 3 จะพัฒนาครู 14,000 คนใน 437 โรงเรียน  และ Training ครู 120 คนให้เป็นโค้ช 2. เครื่องมือ เริ่ม 1,307 เครื่องคอมพิวเตอร์พกพารับบริจาค ใน 10 โรงเรียน ปีการศึกษา 2568 ใช้ 43,700 เครื่อง ใน 437 โรงเรียน จัดซื้อ 1,630 เครื่อง งบ 68 (42 โรงเรียน) และเช่า 3 ปี สำหรับ ป.4 และ ม.1 3. ศาสตร์การสอน & หลักสูตร บูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับหลักสูตรและแผนการสอน พัฒนานักเรียนให้เป็นพลเมืองโลก และเพิ่มทักษะ coding, Al, digital 4. โครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ Wifi และให้มีแอดมินประจำโรงเรียน ทุกโรงเรียน 5. แพลตฟอร์ม Google Workspace for Education และ Dashboard

จากงานวิจัยของคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ โรงเรียนกทม. 111 แห่ง มีผลว่า การนำอุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่ทำงานด้วยระบบ AI มาใช้ในชั้นเรียนสามารถช่วยปรับปรุงผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียนได้อย่างมีนัยสำคัญ ช่วยครูประหยัดเวลาในการทำงานธุรการ ทำให้มีเวลาสอนนักเรียนได้อย่างเต็มที่มากขึ้น โดยพบว่าชั้นเรียนที่ใช้ Chromebook ส่งผลให้นักเรียนมีส่วนร่วมมากขึ้นและส่งเสริมการเรียนรู้เชิงรุก: ข้อมูลจากการศึกษานักเรียนกว่า 4,000 คน แสดงให้เห็นถึงการตอบรับในเชิงบวก โดย 91% ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการเรียน , กว่า 87% มีทัศนคติเชิงบวกต่อเทคโนโลยีและรู้สึกอยากมีส่วนร่วมในการเรียนอย่างกระตือรือร้น และ 68% รู้สึกว่าครูให้คำติชม ที่มีความหมายและมีความสำคัญต่องานมากขึ้น

ด้านส่งเสริมการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21: คะแนนทักษะในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียน (เช่น การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การทำงานร่วมกัน) เพิ่มขึ้นอย่าง จาก 7.9 เป็น 10 คะแนน จากการประเมิน 3 ครั้งโดยใช้ Google Classroom ซึ่งช่วยให้การให้คะแนนจากชิ้นงานจริงของนักเรียนเป็นเรื่องง่ายและมีหลักฐานอ้างอิงที่ชัดเจน ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีและทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น: การบูรณาการ Chromebook และ Google Workspace ในการเรียนการสอน ไปพร้อมๆ กับการสนับสนุนการพัฒนาทางวิชาชีพ ส่งผลให้คะแนนความสามารถในการบูรณาการเทคโนโลยีของครูเพิ่มขึ้นถึง 21% โดย 81% ของครูเห็นพ้องต้องกันว่าโซลูชันด้านการศึกษาของ Google ช่วยประหยัดเวลาในการทำงาน ในขณะที่ 95% ของครูเห็นด้วยว่าควรขยายโครงการนี้ไปยังโรงเรียนในกทม. ทั้งหมด

037

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top