‘ชัชชาติ’โอดหนี้บาน เชื่อ‘นายกฯ’เปลี่ยนไม่มีผลกับ‘กทม.’ แย้มนโยบาย 4 ปีเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี

‘ชัชชาติ’โอดหนี้บาน เชื่อ‘นายกฯ’เปลี่ยนไม่มีผลกับ‘กทม.’ แย้มนโยบาย 4 ปีเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี

วันอังคาร ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 14.15 น.

‘ชัชชาติ’เชื่อ‘นายกฯ’เปลี่ยนไม่มีผลกับ‘กทม.’ ยันอยู่กับทุกคนได้ อนาคตเตรียมทำนโยบายมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจ-คุณภาพชีวิต สู่ 4 ปีเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี

16 ธันวาคม 2568 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการทำงานในภาวะผันผวนของการเมืองระดับชาติที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ว่า ในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ประเทศไทยมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีมาแล้วถึง 4 คน และหากรวมผู้รักษาการด้วยก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงถึง 7 คน อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการเปลี่ยนแปลงภาพใหญ่ เชื่อว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการบริหาร กทม. มากนัก


ส่วนประเด็นที่อาจน่ากังวล คือโครงการที่จำเป็นต้องมีความต่อเนื่องและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง เช่น โครงการจัดการน้ำ หรือโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องมีการพิจารณาร่วมกับหลายจังหวัด ตัวอย่างของโครงการระดับชาติที่ต้องขอความร่วมมือ คือโครงการสร้างแนวป้องกันคลื่นทะเลที่สูงขึ้นในอ่าวไทย ซึ่งคล้ายกับที่เนเธอร์แลนด์หรือเดนมาร์ก การดำเนินการโครงการลักษณะนี้อยู่ภายนอกเขต กทม. และต้องให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สสช.) เป็นเจ้าภาพในการศึกษา เชื่อว่าหากโครงการเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง และสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ รัฐบาลใหม่ก็จะดำเนินการต่อ ไม่น่ามีเรื่องที่ต้องกังวล

นอกจากนี้ ประเด็นหนี้สินมหาศาลของ กทม. ก็เป็นเรื่องที่ต้องพึ่งพาการตัดสินใจจากรัฐบาลกลางเช่นกัน โดย กทม. ได้ใช้เงินไปแล้วกว่า 70,000 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย หนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลกลางอาจจะเข้ามาช่วยได้ คือการซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าคืนเพื่อเปลี่ยนเป็นผู้ถือครองรายเดียว (Single Ownership) ซึ่งเป็นหลักการที่ผ่านความเห็นชอบร่วมกันจากหลายหน่วยงาน และอยู่ระหว่างการเจรจา หากรัฐบาลกลางดำเนินการเรื่องนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

นายชัชชาติ ยังกล่าวถึงอนาคตหากมีการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง นโยบายที่กำลังทำอยู่ก็จะการพัฒนามุ่งเน้นไปที่เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต ที่สามารถดึงดูดคนเก่งให้อยู่กับเมืองได้ เนื่องจาก 4 ปีข้างหน้าเป็นช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี ซึ่งหากเมืองขาดนโยบายที่ดีและผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพ อาจทำให้กรุงเทพฯ ก้าวไม่ทันความเปลี่ยนแปลงและแข่งขันได้ยาก

“การเมืองท้องถิ่นของเราค่อนข้างมีเสถียรภาพ ผมอยู่มาน่าจะผ่านนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 แล้วที่จะเลือกตั้งใหม่ ในแง่ของการเปลี่ยนแปลงภาพใหญ่ อาจไม่ได้มีผลอะไรมากกับกรุงเทพมหานคร ส่วนที่เรากังวลอาจเป็นโครงการที่ต้องมีความต่อเนื่องกับรัฐบาล เช่น โครงการเรื่องน้ำ การทำเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายทะเลที่ต้องร่วมกันหลายหน่วยงาน และเรื่องอื่น ๆ เช่น การผลักดันแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่เชื่อว่าข้อเท็จจริงและความจำเป็นไม่ได้เปลี่ยนไป ถ้าเราสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ว่าโครงการเป็นประโยชน์กับประชาชนจริง ๆ ผมคิดว่าจะสามารถดำเนินการต่อไปได้ และไม่น่ากังวลอะไร”

“ผมอยู่มาหลายรัฐบาลแล้วเราอยู่กับทุกคนได้ เราก็รู้ว่าฐานะเราก็เป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เราพยายามหาแนวทาง ผมเชื่อว่าถ้าเรามีนโยบายที่ดี รัฐบาลไหนมาเขาก็พร้อมจะไปด้วยกันกับเรา กทม. สามารถทำงานร่วมกับรัฐบาลได้ทุกชุด เพราะไม่ได้ผูกติดกับพรรคการเมืองใด และเชื่อว่าหากนโยบายที่นำเสนอเป็นสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง รัฐบาลใดเข้ามาก็พร้อมจะสนับสนุน” นายชัชชาติ กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top