ซีพี-เมืองไทย
โดนหมอหยองรีดเงิน
อ้างทำเข็มกลัดปั่นเพื่อพ่อ-แม่
แฉ‘เอี๊ยด’ยักยอกทรัพย์บิ๊กกิ๊ก
จ่อออกหมายจับ‘3บิ๊กทหาร’
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า กองทัพสื่อมวลชนจากหลายสำนัก ได้เดินทางมาเฝ้ารอติดตามการแถลงข่าวความคืบหน้าคดีร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม นายสุริยัน หรือ”หมอหยอง” สุจริตพลวงศ์ นักดูดวงชื่อดัง พร้อมด้วย นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ “อาท ชัตเตอร์มหาเทพ” เลขานุการของหมอหยอง และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ “สารวัตรเอี๊ยด” สว.กก.1 บก.ปอท. ซึ่งต่อมา พ.ต.ต.ปรากรม ได้ผูกคอตายเสียชีวิตในเรือนจำชั่วคราว รวมถึงกระแสข่าวลือที่อ้างว่ามีนายตำรวจยศนายพลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ตร.ขนของกลางมาโชว์เพียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวครั้งนี้ ได้มีการนำของกลางบางส่วนที่ได้จากการยึดจากผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย มาประกอบการแถลงด้วย อาทิ ปืนของทางราชการกว่า 10 กระบอก วิทยุสื่อสาร กีต้าร์ไฟฟ้ามูลค่าสูงหลายตัว ซึ่งมีตรากองบังคับการปราบปรามติดอยู่ที่กีต้าร์ตัวหนึ่ง พร้อมทั้งการจัดวางบอร์ดแสดงรายละเอียดการจัดทำเข็มกลัดกิจกรรมBIKE FOR MOM”ปั่นเพื่อแม่” และBIKE FOR DAD “ปั่นเพื่อพ่อ” ที่นายสุริยัน และนายจิรวงศ์ เป็นผู้ดำเนินการ
“จักรทิพย์”นำทีมแถลงเอง
ต่อมา เวลา 14.20 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก สตช. ได้ร่วมกันแถลงข่าว กรณีกลุ่มบุคคลได้กระทำความผิดตามมาตรา 112 โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ เปิดเผยว่า ได้มีกลุ่มแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ตรวจพบว่ามีกลุ่มบุคคลร่วมกันกระทำความผิด มีพฤติกรรมแอบอ้าง หรือแสดงออกในต่างกรรมต่างวาระ ให้บุคคลทั่วไปว่าตนเองมีความใกล้ชิดกับสถาบันเบื้องสูง ทำให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันและบุคคลอื่นในวงกว้าง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหาร จึงได้ใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 เรียกตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมาเพื่อสอบถามข้อมูลและควบคุมตัวไว้ โดยพบว่า มีมูลกระทำความผิดจริง จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คสช. มาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลผู้กระทำความผิดดังกล่าว โดยตนได้มีคำสั่งให้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน และสามารถรวบรวมหลักฐานจนแน่ชัด
เผยความผิดทั้งสิ้นรวม13คดี
จากนั้น พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 ได้เปิดเผยรายละเอียดในการดำเนินคดีนี้ว่า มีการทำผิดในช่วงเดือนมิถุนายน-ตุลาคม 2558 รวมทั้งสิ้น 13 คดี เรียกเก็บเงินจากผู้เสียหายรวมทั้งสิ้นประมาณ 5.9 ล้านบาท โดยคดีทั้งหมดประกอบด้วย คดีที่ 1.เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2558 เวลา 17.00 น. สถานที่กองปราบปราม นายสุริยัน, พ.ต.ต.ปรากรม และ นายจิรวงศ์ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุ บ้านเลขที่ 99 หมู่ 17 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยพฤติการณ์ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม และวันที่ 3 กันยายน ได้ร่วมกันแอบอ้างเป็นผู้แทนพระองค์ นำการ์ดขอบคุณมอบให้ภาคเอกชน
ปืน,วิทยุสื่อสาร-ปลอมเอกสาร
คดีที่ 2 วันที่ 19 ตุลาคม 2558 สถานที่กองปราบปราม พ.ต.ต.ปรากรม กับพวก ข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในครอบครองฯ ตั้งสถานีและมีใช้วิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต,ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม สถานที่เกิดเหตุ คอนโดลาเมซอง แขวงจอมพล เขตจตุจักร พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตรวจค้นคอนโดลาเมซอง พบอาวุธปืน,รถ,วิทยุ ที่ผิดกฎหมาย
ตั้งสถานีวิทยุเถื่อนกลางกทม.
คดีที่ 3 วันที่ 27 ตุลาคม สถานที่กองปราบปราม พ.ต.ต.ปรากรม ,บมจ.สามารถ เทเลคอมกับพวก ข้อหามีและตั้งสถานีวิทยุโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาต สถานที่เกิดเหตุ อาคารใบหยก 2 แขวงถ.พญาไท เขตราชเทวี กทม. พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ตรวจสอบพบเครื่องรับส่งวิทยุแบบทหารทบทวนสัญญาณ ย่านความถี่ UHF ยี่ห้อโมโตโรล่า รุ่น Quantar ของ พ.ต.ต.ปรากรม อยู่บนชั้นที่ 84 อาคารใบหยก 2
ครอบครองปืน-เครื่องกระสุน
คดีที่4 วันที่ 27 ตุลาคม สถานที่กองปราบปราม พ.ต.ต.ปรากรม ข้อหา มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในครอบครองน สถานที่เกิดเหตุ กองปราบปราม พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ตรวจค้นรถโตโยต้า เวนจูรี่ ที่ตรวจยึดมาจากคอนโดลาเมซอง พบอาวุธปืน HK 53 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน 80 นัด, คดีที่ 5วันที่ 27 ตุลาคม สถานที่กองปราบปราม ผู้ต้องหา นายศุกร์โข ตามเสรี ข้อหามีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองฯ สถานที่เกิดเหตุ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นพบอาวุธปืนขนาด .380 จากบ้านพักผู้ต้องหา
อ้างเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์
คดีที่ 6 วันที่ 27 ตุลาคม สถานที่กองปราบปราม ผู้ต้องหา พ.ต.ต.ปรากรม กับพวก แอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์จากภาคเอกชน สถานที่เกิดเหตุ 89/364 ม.3 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทุบรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 กันยายน, คดีที่ 7 วันที่ 27 ตุลาคม สถานที่กองปราบปราม นายสุริยัน, พ.ต.ต.ปรากรม,นายจิรวงศ์ แอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของ และได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว เป็นเงิน 3 แสนบาท เหตุเกิดเมื่อเดือนมิถุนายน, คดีที่ 8 วันที่ 27 ตุลาคม สถานที่กองปราบปราม นายสุริยัน,นายจิรวงศ์ กับพวก แอบอ้างเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของ และได้รับผลประโยชน์ เป็นเงิน 3 แสน สถานที่เกิดเหตุ บ.เอกชน กรุงเทพฯ เหตุเกิดในเดือนมิถุนายน
คดีที่ 9วันที่ 27 ตุลาคม สถานที่กองปราบปราม นายสุริยัน และนายจิรวงศ์ กับพวกแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของ และได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว เป็นเงิน 1 แสนบาท สถานที่เกิดเหตุ บ.เอกชน จ.อยุธยา เหตุเกิดในเดือนมิถุนายน, คดีที่ 10 วันที่ 27 ตุลาคม สถานที่กองปราบปราม นายสุริยัน และนายจิรวงศ์ กับพวกแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของ และได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว เป็นเงิน 3 แสนบาท สถานที่เกิดเหตุ บ.เอกชน จ.สมุทรปราการ ในเดือนมิถุนายน, คดีที่ 11 วันที่ 27 ตุลาคม สถานที่กองปราบปราม นายสุริยัน และนายจิรวงศ์ กับพวกแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของ และได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว เป็นเงิน 2 แสนบาท สถานที่เกิดเหตุ บ.เอกชน จ.สมุทรปราการ ในเดือนมิถุนายน
ขอเบอร์โทร.เลขสวยจากกสทช.
คดีที่ 12 วันที่ 27 ตุลาคม สถานที่กองปราบปราม พ.ต.ต.ปรากรม กับพวก แอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของ และได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว เป็นเงิน 4.7 ล้านบาท สถานที่เกิดเหตุ บ.เอกชน จ.กรุงเทพฯ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม-18 ตุลาคม และ คดีที่ 13 วันที่ 27 ตุลาคม สถานที่กองปราบปราม พ.ต.ต.ปรากรม กับพวก แอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนหมายเลขโทรศัพท์เลขสวยจาก กสทช. สถานที่เกิดเหตุ สำนักงานกสทช. แขวงสามเสนใจ เขตพญาไท กทม. เหตุเกิดเมื่อเดือนกันยายน-ตุลาคม
แฉ“หยอง”โอนทรัพย์สินให้ญาติ
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวเสริมว่า คดีนี้มีความคล้ายคลึงกับคดีหมิ่นเบื้องสูงของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ซึ่งของกลางทั้งหมดที่ยึดได้จาก นายสุริยัน ได้ถูกยักยอกมาและมีถ่ายโอนทรัพย์สินบางส่วนให้กับญาติ
ยังไม่พบประวุฒิเอี่ยวผิดม.112
ส่วนกรณีของ พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา สบ.10 และ อดีตโฆษก ตร. นั้น ผบ.ตร. ระบุว่า ขณะนี้ ยังไม่พบหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับคดีนี้ พร้อมทั้งยืนยันว่าการเปลี่ยนตัว ทีมโฆษก ตร. เป็นเรื่องการบริหารภายใน เมื่อครบวงรอบก็เปลี่ยน ส่วนการลาไปต่างประเทศก็เป็นสิทธิของ พล.ต.อ.ประวุฒิ อาจจะเป็นการลาไว้ตั้งแต่สมัย พล.ต.อ.สมยุศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็น ผบ.ตร. พร้อมกันนี้ได้ยืนยันว่า ยังไม่ได้รับใบลาออกจากราชการของ พล.ต.อ.ประวุฒิ ตามที่มีสื่อบางสำนักเสนอ
“ศรีวราห์”ยันมีหมายจับเพิ่ม
ด้าน พล.ต.ท.ศรีวราห์ ระบุว่า คณะพนักงานสอบสวนยังดำเนินการขยายผลเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดร่วมขบวนการอย่างต่อเนื่อง โดยเรียกหน่วยงานเอกชน รวมทั้งบุคคลใกล้ชิดของผู้ต้องหาทั้งสามมาสอบปากคำแล้ว ซึ่งหากมีการพาดพิงถึงบุคคลใด หรือข้าราชการหน่วยใด ก็จะดำเนินคดีทันที โดยคาดว่าจะมีออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมแน่นอน และคาดว่าจะมีทั้งตำรวจ และไม่ใข่ตำรวจ ต้องรอให้ศาลอนุมัติหมายจับก่อนจึงจะเปิดเผยข้อมูลได้
รับโอนให้ญาติ-ยากตรวจสอบ
พล.ต.ท.ฐิติราช ได้เปิดเผยว่า นอกจากนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดี ไหวตัวทัน ได้มีการทำลายหลักฐานและนำทรัพย์สินไปซ่อนไว้ นอกจากนี้ พ.ต.ต.ปรากรม เป็นหัวหน้าชุด ของนายตำรวจทั้ง 8 นายสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการก่อนหน้านี้ หากพบว่าผิด ก็ต้องดำเนินคดี หากไม่ผิด ก็ต้องปล่อยไป ส่วนพฤติการณ์ของหมอหยอง พบว่ามีเจตนาหลีกเลี่ยง ซ่อนเร้น อำพรางทรัพย์สินไปยังญาติใกล้ชิดและมีการแปรสภาพ ยากต่อการตรวจสอบ
เมืองไทย-เครือซีพีโดนรีดด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ต.ปรากรม นำไปได้อย่างไร เพราะไม่ให้เจ้าหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยุ่ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า ก็ต้องสืบสวนต่อไป หากผิดถึงใครก็ต้องจับ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหน่วยไหน ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเรื่องต่างๆ เหล่านี้ทางกองทัพเป็นผู้ร้องทุกข์ทั้งสิ้น และคดีก็มีเอกชนเข้ามาร่วมด้วยหลายหน่วยงานและยังพบข้อมูลเกี่ยวกับการสั่งทำเข็มกลัดพระราชทานโครงการBike for mom โดยเสนอราคาเรียกรับเงินจากบริษัทลูกในเครือเจริญโภคภัณฑ์และเข็มกลัดโครงการBike for dad เสนอราคาเรียกรับเงินจากบริษัทเมืองไทยประกันภัย ซึ่งเป็นการเสนอให้บริษัทจัดทำเข็มกลัดในราคาเกินจริงอีกด้วย ของกลางที่นำมาแถลงส่วนใหญ่เป็นของกลางของ พ.ต.ต.ปรากรม คาดว่าไม่เกิน 2-3เดือน จะดำเนินคดีนี้เสร็จสิ้น
“ฐิติราช”ยอมรับทำงานยาก
พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า 8 นายตำรวจที่ถูกคำสั่งโยกย้ายไปก่อนหน้านี้ มีความเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ต.ปรากรม ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีเจตนาหลีกเลี่ยงซ่อนเร้นทรัพย์สิน พร้อมยอมรับว่าการสืบสวนขยายผลทำได้ยาก เนื่องจากผู้ร่วมขบวนการบางส่วนไหวตัวทันและมีการทำลายหลักฐาน ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จึงต้องใช้ผู้ชำนาญในการกู้ข้อมูล และผู้ร่วมขบวนการได้มีการถ่ายเททรัพย์สิน และเปลี่ยนแปลงรูปแบบทรัพย์ โดยโอนไปถึงญาติพี่น้องจึงทำให้ยากต่อการตรวจสอบ
แฉพฤติการณ์งาบ’เข็มกลัด’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำแผนผังแสดงรายละเอียดคดีของนายสุริยัน หรือ หมอหยอง กับพวก ในการสั่งทำเข็มกลัดมาติดแสดงไว้ โดยเนื้อหาระบุเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ได้มีการติดต่อเจรจากับ นางทิพวรรณ อัศวก้องเกียรติ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัทแมคบารา จำกัด ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านรัชโยธิน เพื่อให้มีการจัดทำเข็มกลัดที่ระลึกในกิจกรรมปั่นเพื่อแม่ เมื่อวันที่17สิงหาคมที่ผ่านมา โดยตัวแทนบริษัทแมคบารา ได้เสนอราคาค่าจัดทำเข็มกลัดในราคาชิ้นละ 3.70 บาท แต่นายสุริยันได้สั่งให้เพิ่มราคาค่าจัดทำเข็มกลัดในราคา 5.70บาท โดยมีการตกลงกันว่าเงินค่าส่วนต่างจะต้องโอนให้กับตัวเองภายหลัง จากนั้นนางทิพวรรณได้ทำใบเสนอราคาเข็มกลัดให้กับบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ รวม 3 แสนชิ้น มูลค่า 3,049,500บาท เมื่อมีการวางเงินมัดจำสั่งจัดทำ นางทิพวรรณได้มีการถอนเงินออกไปกระจายให้กับนายจิรวงศ์ หรือ อาท วัฒนเทวาศิลป์ และคนใกล้ชิดของนายสุริยันต์
กินส่วนต่างยักย้ายใส่กระเป๋า
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 30กันยายน ได้มีการนัดพบกับนางทิพวรรณอีกครั้งที่สโมสรทหารบก เพื่อสั่งจัดทำเข็มกลัดแจกในกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ จำนวน2ล้านชิ้น โดยมีการเสนอราคาชิ้นละ 2.75 บาท จากนั้นได้มีการนำใบเสนอราคาส่งให้กับบริษัทในเครือเมืองไทยประกันภัยที่มีนางนวลพรรณ ล่ำซำ เป็นผู้บริหาร ซึ่งเมื่อมีการจ่ายเงินมัดจำ50% มูลค่า 5.35ล้านบาท ต่อมานางทิพวรรณได้ถอนเงิน 4.77 ล้านบาท ออกมาให้นายจิรวงศ์และเครือญาติของนายสุริยัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนยังตรวจยึดทรัพย์สินของพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา อีกหนึ่งผู้ต้องในคดีนี้ อาทิ พระเครื่อง อาวุธปืนจำนวนมาก กีต้าร์ และรถยนต์รวม 43 คัน ซึ่งทรัพย์สินบางรายการได้รับการยืนยันจาก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ แล้วว่า เป็นทรัพย์สินของตนเอง
บิ๊กป้อมยัน“ประวุฒิ”ยังไม่ออก
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการจับกุมผู้ต้องหาคดี 112 ว่า สำหรับรายชื่อผู้กระทำผิดเพิ่มเติมนั้น ตนยังไม่ได้รับรายงาน แต่ผบ.ตร.เองคงมีการชี้แจงเพิ่มเติม ต่อข้อถามที่ว่ากรณี พล.ต.อ.ประวุฒิ ยื่นหนังสือลาออกจากราชการ นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ใครบอกว่าลาออก ไม่มี ผมยังไม่ได้เห็นเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าเขาจะลาออกต้องผ่านผมสิ”
ไม่รู้บิ๊กตุ้ยเกี่ยวข้องม.112หรือไม่
เมื่อถามต่อว่า พล.ต.อ.ประวุฒิ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่เกี่ยวข้องกับ ม.112 หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องให้เขาสืบสวน สาวไปถึงใคร เขาก็ต้องดำเนินการ เรื่องนี้จบแล้ว ไม่มีแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนว่า เกี่ยวโยงถึงใครบ้าง
จ่อหมายจับ3บิ๊กทหาร
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวจาก สตช.เปิดเผยว่า ทหารที่จ่อโดนหมายจับล็อตที่2 ประกอบด้วย พ.อ.บรมวิช วารุณประภา (น้องชาย พ.ต.ต.ปรากรม ) พ.ต.นิติพัทธ์ ทองเล็ก (บุตรชาย พล.อ.นิพัทธ์) และอีกคนเป็นทหารน้องชาย”นายเฮง” คือ พล.ต.พิพิฐศักดิ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี