คดีฉ้อโกงคลองด่านยืดเยื้อ

ศาลเลื่อนอ่านฎีกา

18จำเลยลุ้นใหม่30พ.ค.

‘วัฒนา’ล่องหนไม่โผล่

‘วิษณุ’ยันรัฐได้เปรียบ

อายัดค่าโง่ไว้หมดแล้ว

ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีฉ้อโกงซื้อที่ดิน-ทำสัญญา “คลองด่าน” เป็นสิ้นเดือนพฤษภาคม หลังจำเลยมาศาลไม่ครบ อ้างบ้านไฟไหม้ ย้ายที่อยู่ เลยไม่รู้หมายนัด ขณะที่ “วัฒนา อัศวเหม” ยังหายเข้ากลีบเมฆ ด้าน “วิษณุ” ยันกรณีศาลปกครองกลางระงับคำสั่ง “อนุญาโตตุลาการ” งดจ่ายค่าโง่ 9 พันล้าน ยังต้องไปลุ้นกันต่อที่ศาลปกครองสูงสุด คาดอีก 1 ปี ถึงจะรู้ผล ย้ำไม่ต้องห่วงเงินยังอยู่ทุกบาท ปปง. สั่งอายัดไว้หมดแล้ว

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 มีนาคม เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณา 407 ศาลแขวงดุสิต ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีฉ้อโกงซื้อที่ดินและสัญญาสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ ที่ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 1.กิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี (NVPSKG) 2.บริษัทวิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง 3.นายพิษณุ ชวนะนันท์ กรรมการบริษัทวิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง 4.บริษัทประยูรวิศว์การช่าง 5.นายสังวรณ์ ลิปตพัลลภ กรรมการบริษัทประยูรวิศว์การช่าง 6.บริษัทสี่แสงการโยธา(1979)

7.นายสิโรจน์ วงศ์สิโรจน์กุล กรรมการบริษัทสี่แสงการโยธา 8.บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ 9.นายนิพนธ์ โกศัยพลกุล กรรมการบริษัทกรุงธนเอนยิเนียร์ 10.บริษัทเกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ 11.นายรอยอิศราพร ชุตาภา กรรมการบริษัทเกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ 12.บริษัท คลองด่านมารีน แอนด์ ฟิชเชอรี่ 13.นายชาลี ชุตาภา กรรมการบริษัทคลองด่านมารีนฯ 14.นายประพาส ตีระสงกรานต์ กรรมการบริษัทคลองด่านมารีนฯ 15.นายชยณัฐ โอสถานุเคราะห์ กรรมการบริษัทคลองด่านมารีนฯ 16.บริษัท ปาล์ม บีช ดิเวลลอปเมนท์

17.นางบุญศรี ปิ่นขยัน กรรมการบริษัท ปาล์ม บีชฯ 18.นายกว๊อกวา โอเยง สัญชาติฮ่องกง ในฐานะผู้แทนบริษัท ปาล์ม บีชฯ และ 19.นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นจำเลยที่ 1-19 ในความผิดฐานฉ้อโกงการจัดซื้อที่ดิน ต.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ เนื้อที่รวม 1,900ไร่ มูลค่า1,900 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน แต่ที่ดินกลับเป็นกลุ่มบริษัทจัดหามาแล้วที่ดินนั้นเป็นคลอง ถนนสาธารณะและป่าชายเลน และฉ้อโกงสัญญาก่อสร้างฯมูลค่าประมาณ23,000ล้านบาท ซึ่งคดีนี้จำเลย ทั้งหมดให้การปฏิเสธ แต่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ศาลพิพากษา ยกฟ้องในส่วนของกิจการร่วมค้า NVPSKG จำเลยที่1และสั่งประทับรับฟ้องไว้ เฉพาะ จำเลยที่ 2-19 จึงเหลือจำเลยที่เข้าสู่กระบวนพิจารณาและมีคำพิพากษา รวม 18 ราย

อย่างไรก็ตาม ในเวลา 12.30 น. ศาลได้มีคำสั่งเลื่อนนัดการอ่านคำพิพากษาฎีกาคดีนี้ออกไปก่อนเนื่องจากจำเลยที่ 11-13, 15 และ19 ไม่มาศาล โดยจำเลยบางคน ยังไม่ได้รับหมายศาลเพราะเปลี่ยนแปลงที่อยู่ บางส่วนที่อยู่ไม่มีเลขที่ และไฟไหม้ จึงให้ส่งหมายใหม่ หากไม่มีผู้รับก็ให้ปิดหมายตามที่พักของจำเลยตามทะเบียนราษฎร์ และได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 2ในวันที่ 30พฤษภาคม 2561ในเวลา 09.00น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจำเลยที่ 19 คือ นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรมช.มหาดไทย ก่อนหน้านี้ได้หนีคดีไปตั้งแต่ปี 2552ซึ่งศาลออกหมายจับไว้อยู่แล้ว นอกจากคดีฉ้อโกงซื้อที่ดิน นายวัฒนายังถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาจำคุก 10 ปี เมื่อวันที่18 สิงหาคม 2551ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบจูงใจให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการออกโฉนดที่ดินใน ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เนื้อที่1,900ไร่ ให้กับ บ.ปาล์ม บีช ดิเวลลอปเมนท์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา148 ทั้งที่รัฐได้ประกาศหวงห้าม ให้ใช้เป็นที่ทิ้งขยะมูลฝอยและถนนสาธารณะ แต่นายวัฒนา ได้หลบหนีคดีไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาฯจึงให้ออกหมายจับเพื่อติดตามนำตัวนายวัฒนา มารับโทษตามคำพิพากษาซึ่งคดีดังกล่าวมีอายุความ15ปี

สำหรับคดีนี้ ศาลแขวงดุสิต ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2552 พิพากษาว่า พฤติการณ์จำเลยที่ 2-19 เชื่อมโยงมีการแบ่งหน้าที่กันทำ กลุ่มหนึ่งเป็นผู้รวบรวมที่ดินนำขายให้แก่โจทก์อีกกลุ่มหนึ่งเป็นผู้ก่อสร้างโครงการซึ่งมีความสัมพันธ์กัน โดยทราบดีอยู่แล้วว่า ที่ดินดังกล่าวออกโฉนดโดยมิชอบ แต่นำมาขายให้กับโจทก์ใช้ก่อสร้างโครงบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน โดยไม่มีบริษัทผู้เชี่ยวชาญร่วมดำเนินการ มีเจตนาทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายนำผลประโยชน์ไปแบ่งปันกัน พยานหลักฐานรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2-19ร่วมกันกระทำผิดตามมาตรา 341 ฐานร่วมกันฉ้อโกงอันเป็นความผิดกรรมเดียว

ศาลจึงพิพากษาให้จำคุก นายพิษณุ ชวนะนันท์ กก.บ.วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง, นายสังวรณ์ ลิปตพัลลภ กก.บ.ประยูรวิศว์การช่าง, นายสิโรจน์ วงศ์สิโรจน์กุล กก.บ.สี่แสงการโยธา,นายนิพนธ์โกศัยพลกุล กก.บ.กรุงธนเอนยิเนียร์, นายรอยอิศราพร ชุตาภา กก.บ.เกตเวย์,นายชาลี ชุตาภา กก.บ.คลองด่านมารีนฯ,นายประพาส ตีระสงกรานต์ กก.บ.คลองด่านมารีนฯ,นายชยณัฐ โอสถานุเคราะห์ กก.บริษัทคลองด่านมารีนฯ, นางบุญศรี ปิ่นขยัน กก.บ.ปาล์ม บีชฯและนายกว๊อกวา โอเยง ผู้แทนบริษัท ปาล์ม บีชฯและนายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย จำเลยที่ 3,5, 7, 9,11 13-15, 17,18 ,19คนละ3ปี

ส่วน บ.วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง, บ.ประยูรวิศว์การช่าง, บ.สี่แสงการโยธา(1979), บ.กรุงธนเอนยิเนียร์, บ.เกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์, บ.คลองด่านมารีน แอนด์ ฟิชเชอรี่ และบ.ปาล์ม บีช ดิเวลลอปเมนท์ จำเลยที่ 2, 4, 6, 8, 10, 12 และ 16 ให้ปรับรายละ 6,000บาท ระหว่างอุทธรณ์คดี จำเลยที่ 3,5,7,9,11 13-15,17,18ได้ประกันคนละ1ล้านบาท ในส่วน นายวัฒนา หลบหนีคดีไปก่อน ศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับและปรับนายประกัน

ขณะที่ในชั้นศาลอุทธรณ์ ได้มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2556 พิพากษายกฟ้อง เนื่องจากศาลอุทธรณ์ เห็นว่าช่วงเวลาที่ บ.ปาล์ม บีชฯ จำเลยที่ 16 ซื้อที่ดิน ยังไม่แน่ชัดว่าโครงการก่อสร้างบำบัดน้ำเสียจะใช้ที่ดินบริเวณใดบ้าง โดย คพ. เพิ่งมีโครงการชัดเจนว่าจะใช้ที่ดิน ต.คลองด่าน ในเดือน ก.พ. 2539 ดังนั้นพยานหลักฐานโจทก์ จึงยังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า พวกจำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องหรือดำเนินการใดๆ ให้คณะกรรมการคัดเลือกของ คพ. ให้เลือกที่ดิน บ.คลองด่านมารีนฯ จำเลยที่ 12

วันเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลาง มีคำสั่งเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ กรณีให้ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) จ่ายเงินค่าเสียหายคดีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านให้เอกชนกว่า 9,600 ล้านบาทว่า ขั้นตอนจากนี้ยังต้องรอคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดชี้ขาด ขณะนี้ยังไม่เกิดความเสียหายกับรัฐ เพราะสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้สั่งอายัดเงินที่ต้องจ่ายงวดที่ 1 และ 2 เอาไว้แล้ว ส่วนงวดที่ 3 และ 4 ยังไม่ได้จ่าย

นายวิษณุ ย้ำว่า คดีนี้รัฐมีความได้เปรียบอยู่ อย่างน้อยอาจไปยืนยันว่าสิ่งที่ ปปง.อายัดเงินไว้มีเหตุผล งวดที่เหลือก็ไม่ต้องจ่าย รัฐไม่มีอะไรเสียหาย คาดว่าศาลปกครองสูงสุดจะใช้เวลาพิจารณาคดีประมาณ 1 ปี ระยะหลังศาลปกครองพิจารณาคดีที่เร็วขึ้น หากมีคำพิพากษาอย่างใดแล้ว ถือว่าคดีถึงที่สุด ก็ไม่สามารถใช้ช่องทางอื่นต่อสู้คดีได้อีก หากรัฐชนะคดีนี้ จะสามารถรักษางบประมาณของประเทศได้จำนวนมหาศาล