บิ๊กแดงยก‘ในหลวงร.10’
จอมทัพไทย
ปกป้องด้วยทกอย่างที่มี
ไม่รับปากจะไม่เกิด‘ปฏิวัติ’
ยอดกดไลค์‘บิ๊กตู่’แตะ2แสน
‘ปชป.’แฉ6ขั้นตอน‘พลังดูด’
“บิ๊กแดง”ระบุ“ในหลวงร.10”คือองค์จอมทัพไทย ลั่นพร้อมปกป้องสถาบันด้วยทุกสิ่งที่มี ชี้คนหมิ่นสถาบันส่วนใหญ่สติไม่สมประกอบ วอนสำนึกบุญคุณแผ่นดิน ลั่นปฏิวัติไม่เกิด ถ้าการเมืองไม่ปลุกจลาจล ชี้“บิ๊กตู่”ยึดอำนาจคิดรอบคอบแล้ว ขอยึดเป็นต้นแบบทำงาน อัยการสั่งฟ้อง 3 แกนนำพท.หมิ่นผลงานคสช. 4 ปี
‘บุญยอด’ปูด6ขั้นตอนดูดสส.แลกค่าตัว30-50ล้าน เผยยอดกดไลค์’บิ๊กตู่’แตะ2แสน
เมื่อเวลา 08.45น.วันที่ 17ตุลาคมที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงดำรงตำแหน่งเป็นองค์จอมทัพไทย ซึ่งบางครั้งยังมีทหารบางคนยังลืม ตนจะเตือนสติเขาว่า ผู้บังคับบัญชาสูงสุดคือ องค์พระมหากษัตริย์ เนื่องจากพระองค์ท่านทรงดำรงพระอิสริยยศและดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย เป็นสิ่งที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด ส่วนกองทัพบกถือเป็นข้ารองบาท มีหน้าที่และหัวใจปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งและเป็นศูนย์รวมจิตใจ โดยกองทัพบกจะใช้ศักยภาพและขีดความสามารถทุกอย่างในการปกป้องสถาบัน สำหรับการหมิ่นสถาบันและการก้าวล่วงที่เกิดขึ้นในหลายครั้งก็เกิดจากคนสติไม่สมประกอบ เช่น ที่ผ่านมาเร็วๆนี้มีการไปยื่นถวายฎีกา เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นผู้ป่วยทางจิต เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่ง รพ.ศรีธัญญา เรียบร้อยแล้ว
บิ๊กแดงชี้หมิ่นสถาบันจิตผิดปกติ
“คนที่หมิ่นสถาบันส่วนใหญ่เป็นคนที่จิตไม่ปกติ ส่วนคนที่จิตปกติแต่มีความคิดแปลกๆ แต่ก็อยู่ไม่ได้อยู่เมืองไทย มีการหนีไปอยู่ต่างประเทศ เพราะอยู่เมืองไทยไม่ได้ ในเมื่อเราอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า ทำไมไม่สำนึกถึงบุญคุณแผ่นดินเกิด ไม่มีใครเขาไม่รักแผ่นดินเกิด รัฐบาลผลัดเปลี่ยนไป แต่องค์พระมหากษัตริย์ต้องอยู่คู่ฟ้าคู่แผ่นดินไทยไปตลอด นี่คือหน้าที่ของกองทัพบกและผมจะปกป้องสถาบันด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมี” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
ยึดนโยบายเดิมบริหารทัพบก
พล.อ.อภิรัชต์ ยังให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกวาระพิเศษว่า ถือเป็นโอกาสแรกของตนในฐานะที่รับตำแหน่ง ผบ.ทบ.ได้เชิญผู้บังคับหน่วยมาประชุมระดับผู้บังคับกองพันขึ้นไป เพื่อรับมอบนโยบาย ทั้งนี้เรื่องนโยบายของกองทัพ คงไม่เน้นย้ำอะไรมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นนโยบายที่สืบสานต่อจาก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรีและอดีต ผบ.ทบ.ซึ่งท่านใดสร้างความเข้มแข็ง แข็งแกร่งให้กับกองทัพ ถือเป็นนายทหารรบพิเศษที่เติบโตมาด้วยฝีมือแท้ๆ
ทหารช่วยปชช.-ไม่ใช่หาเสียง
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ในอนาคตข้างหน้า กองทัพบกจะต้องเผชิญกับสถานการณ์หลายอย่างตามปฏิทินการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี2562 กองทัพบกเตรียมทำความเข้าใจของกำลังพล ที่สำคัญที่สุดผู้บังคับหน่วยจะต้องแยกแยะภารกิจให้ออก เราในฐานะกองทัพบกและเป็นทหารของชาติทหารของประชาชน มีหน้าที่อยู่แล้วที่จะสนองต่อนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม นี่คือหน้าที่ของกองทัพ ฉะนั้นการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นตนได้ประชุมผู้บังคับหน่วยและเน้นย้ำในส่วนที่เป็นกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.)ได้ให้แนวทางว่า ต้องใช้ความระมัดระวัง โดยเฉพาะกกล.รส.เนื่องจาก เราสวมหมวก 2ใบ คือ ในฐานะกองทัพบกและในฐานะที่เป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) การเดินต่อไปนี้ต้องระมัดระวัง ไม่ให้การเมืองเข้ามาใช้ประโยชน์ จากการช่วยเหลือประชาชนยืนยันว่า กองทัพช่วยเหลือประชาชน เราไม่ได้หาเสียง เพราะไม่รู้จะหาเสียงไปเพื่ออะไร”พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
วางตัวเป็นกลางแล้วแต่มุมมอง
ส่วนการวางตัวเป็นกลางในสถานการณ์ข้างหน้านั้น เราเป็นทหารอาชีพและตนผ่านวิกฤตทางการเมืองและการทหารมาทุกยุคทุกสมัย ประสบการณ์ที่ตนเก็บเกี่ยวในช่วงรับราชการมาตั้งแต่สมัยเด็กๆและมาจาก พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.และหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ซึ่งเป็นคุณพ่อของตน จนมายืนเป็น ผบ.ทบ.ทุกวันนี้ ความเป็นกลางนั้นขึ้นอยู่กับคนมอง บางครั้งเราทำเรามั่นใจว่าสิ่งที่เราทำเป็นกลาง แต่มุมมองของคนอื่นมองว่า เราไม่เป็นกลาง ถามว่าจะเอาอะไรมาตัดสินหรือเป็นเครื่องวัดว่า กองทัพอยู่ตรงไหนแต่ขอให้มั่นใจว่า กองทัพเป็นกลางและอยู่เคียงข้างประชาชนจะดำเนินการทุกอย่างให้ประชาชน อยู่ดีกินดี ช่วยเหลือประชาชนทุกโอกาส
ยังกั๊กถามจะปฎิวัติอีกหรือไม่
เมื่อถามว่า สถานการณ์ในอนาคตหากเกิดวิกฤติกองทัพจะปฏิวัติอีกหรือไม่ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงเป็น ผบ.ทบ.ยืนยันมาตลอดไม่ปฏิวัติ แต่ก็ปฏิวัติ พล.อ.อภิรัชต์ นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทย สื่อได้บันทึกภาพในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่าให้เป็นเพียงแต่ภาพที่เกิดขึ้น ให้บันทึกอยู่ในสมองในความทรงจำ เช่นเดียวกับคนไทยทุกคนที่เคยเห็นภาพต่างๆที่เคยเกิดขึ้นเมื่อบ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ทำอะไรก็ลำบาก ค้าขายก็ลำบาก ถนนถูกบล็อก คนไทยออกมาตีกัน ยิงกัน ฆ่ากัน วันนั้นทหารยืนอยู่ตรงไหน เราถูกรัฐบาลสั่งการให้ออกมาควบคุมความสงบเรียบร้อย เราทำด้วยหัวใจ ที่ไม่ได้คิดแบบนักการเมืองว่า เราจะเข้ามาบริหารประเทศ
‘บิ๊กตู่’ทำถูกแล้ว-ปชช.เรียกร้อง
“ผมเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่คิดทำเช่นนั้นและท่านต้องต้องเสียสละ ถามว่าวันนั้นจะเกิดอะไรขึ้นถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตัดสินใจทำรัฐประหาร ยอมรับว่า ผมมีความคุ้นเคยกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ไม่มีเรื่องส่วนตัว เพราะท่านใช้ผมทำงานตลอด ซึ่งท่านเป็นแบบอย่างของผมในการดำเนินงานด้านราชการและถ้าวันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตัดสินใจ บ้านเมืองจะเกิดอะไรขึ้น ผมว่าการตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่อยู่ที่ประชาชนและหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า เหตุรุนแรงในบ้านเมืองเช่นนี้ คงไม่เกิดขึ้นอีก ที่ผ่านมามีเหตุการณ์อะไรขึ้นมาก็ไม่เคยขนาดนี้ เพราะมีการแก่งแย่งชิงทางการเมือง การเอาชนะ ไม่รู้จักแพ้ไม่รู้จักชนะ แล้วคนที่แพ้ก็คือประเทศ ยืนยันว่ากองทัพไม่มีวันชนะประชาชน แต่ประชาชนที่ออกมาสร้างความเดือดร้อน ยั่วยุให้จุดไฟเผา มีการประกอบระเบิด นั่นคือท่านแพ้ ท่านเป็นประชาชนที่ทำให้ประเทศแพ้ แทนที่เราจะแข่งขันทางการค้า กลับต้องใช้เวลากี่ปีฟื้นฟูประเทศ’ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวและว่า
การเมืองไม่ขัดแย้ง-ไม่มีปฎิวัติ
‘การจุดไฟเผาในเมือง เกิดกลียุค ปีเดียวสิ่งปลูกสร้างทำได้ แต่ในทางการค้าไม่ใช่ ความมั่นใจของต่างชาติในการลงทุนต้องใช้เวลานานกว่านั่น แต่วันนี้ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น อาจจะเห็นผลช้า ไม่ทันใจ ตนเชื่อว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำทุกอย่างอย่างรอบคอบ สิ่งที่สื่อถามว่า จะมีปฏิวัติหรือไม่ ตนหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าการเมืองอย่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติอีก ผมมั่นใจว่า ถ้าการเมืองไม่เป็นต้นเหตุแห่งการจลาจล ก็ไม่มีอะไร ประเทศไทยเคยมีปฏิวัติมา 10กว่าครั้ง แต่ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว เพราะช่วงหลังเกิดจากการเมืองทั้งสิ้น ผมไม่ได้บอกว่า นักการเมืองดีหรือไม่ดี แต่เชื่อว่านักการเมืองที่ดีก็มีและนักการเมืองที่ไม่ดีก็มี ผมเสียใจในหลายๆเรื่องที่เห็นว่า กระบวนการยุติธรรมถูกละเมิด การตัดสินคดีในหลายคดีกับคนทำความผิดบอกว่า ไม่เป็นธรรม แล้วประเทศชาติจะอยู่ตรงไหน ในเมื่อบอกคนนี้ผิด ก็แย้งว่าไม่ผิด ถูกแกล้ง แล้วจะอยู่อย่างไร ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน จะอยู่กันอย่างไรโดยไม่มีกฎระเบียบวินัย’
‘บุญยอด’ปูด6กลวิธีดูดสส.
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีตสส.บัญชีรายชื่อพรรค ปชป.กล่าวถึงกระแสข่าวการดูดอดีตสส.และอดีตสก.ของพรรคปชป.ว่า เท่าที่ทราบข้อมูลเส้นทางการดูดคือ1.จะให้คนใกล้ชิดที่อดีตสส.เกรงใจโทรศัพท์ไปทาบทาม 2.ขอนำรายชื่อไปใส่ในบัญชีเพื่อนำเสนอผู้ใหญ่ 3.นัดพบกับผู้ใหญ่คนนั้นเพื่อดูตัวและทำข้อตกลงร่วมกัน 4.เมื่อเสร็จสิ้นการพบกับผู้ใหญ่จะได้รับเงินทันที 5ล้านบาท 5.ในเดือนพฤศจิกายน จะให้อีก 10ล้านบาทและ6.เมื่อถึงเดือนธันวาคม เมื่อ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มีผลบังคับใช้ จะมีทีมงานสำรวจความนิยมในพื้นที่ ซึ่งเรียกกันว่า เป็นช่วงตะลุมบอน โดยจะมีการจัดเกรดอดีตสส.จากผลสำรวจว่า อยู่ในระดับใดและจะให้เงินสนับสนุนตามเกรด เช่น เกรดเอจะได้เงินอีก 35 ล้าน รวมทั้งหมดจะได้เงิน 50ล้านบาท เกรดบีได้รวม 40ล้าน เกรดซีได้รวม 30ล้านบาท ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯออกมาหยุดยั้งพฤติกรรมใช้วิชามารแบบนี้ ที่เริ่มต้นใช้เงินและจบลงด้วยการโกง
‹วิลาศ›เตือน’วรงค์-จ้อน’ทำเสียหาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต สส.กรุงเทพมหานคร พรรคปชป.ได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคปชป.หรือกกต.พรรคประชาธิปัตย์ ให้พิจารณากรอบการหาเสียงของผู้สมัครเข้ารับการหยั่งเสียง โดยระบุว่า หลังจากเริ่มรณรงค์หาเสียงมีผู้สมัครบางคนและบางครั้งได้หาเสียงโดยใช้คำพูดที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรค ซึ่งอาจทำให้พรรคการเมืองอื่นอาจเอาคำพูดบางคำมากล่าวหาพรรคในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้ ขอให้ กกต.พรรคพิจารณาเพื่อกำหนดกรอบในการหาเสียงและตักเตือนผู้สมัคร หากเห็นว่าเป็นคำพูดที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย สำหรับผู้สมัครที่หาเสียงด้วยข้อความที่ทำให้พรรคเสียหายคือ กรณีผู้สมัครหมายเลข 2 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม โจมตี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้สมัครหมายเลข1และผู้สมัครหมายเลข3 คือ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่พาดพิงถึงการตัดสินใจทางการเมืองของพรรคที่อาจทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด จนสร้างความเสียหายต่อพรรค
‘สุเทพ’รอกกต.ไฟเขียวก่อนทัวร์
ที่อาคารทูแปซิฟิคเพลส นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) แถลงถึงการดำเนินงานรณรงค์เชิญชวนประชาชนให้เป็นสมาชิกพรรค ว่า การทำงานต้องระมัดระวังให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ในกรอบคำสั่ง คสช.วันนี้เห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เราจะดำเนินการรณรงค์เชิญประชาชนร่วมเป็นเจ้าของพรรคได้ ซึ่งจากนี้เป็นต้นไปพรรคจะเผยแพร่คลิปวิดีโอ 3นาทีเพื่ออธิบายกับประชาชนว่าเหตุใดต้องมีพรรคการเมืองของประชาชน แล้วเขาจะได้ประโยชน์อะไรบ้างและเขาจะสามารถควบคุมนักการเมืองได้จริงหรือไม่ พร้อมตอบคำถามว่า เหตุใดต้องเข้าร่วมกับพรรค รปช.
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณีหาก กกต.ยังไม่อนุมัติให้เป็นพรรคการเมืองอย่างสมบูรณ์ จะสามารถทำกิจกรรมอย่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ลงไปฟังปัญหาของประชาชน ซึ่งรูปแบบอาจจะคล้ายกับการหาเสียง ว่า กฎหมายห้ามไม่ให้หาเสียง เมื่อเราไปไหนเราไม่ได้หาเสียง ไม่ทำผิดกฎหมาย สิ่งที่ทำได้ในขณะนี้คือ ไปฟังปัญหาของประชาชน เพื่อนำมาวิเคราะห์เป็นนโยบายต่อไป ทั้งนี้ เรามั่นใจว่าเราทำตามกฎหมายทุกอย่าง หาก กกต.อนุมัติให้เป็นพรรคที่สมบูรณ์ ก็พร้อมเดินสายทันที ค่ำไหนนอนนั่น
ผบ.ทบ.พูดปฎิวัติตามหลักการ
เมื่อถามถึง ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าการเมืองสงบและไม่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ทหารจะไม่เข้ามา แต่ถ้าหลังเลือกตั้งเกิดวุ่นวายจะทำเหมือนเดิมอีกหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า สิ่งที่ ผบ.ทบ.พูดเป็นการรับผิดชอบต่อบ้านเมืองในฐานะที่มีตำแหน่ง ตนเชื่อว่าหลังเลือกตั้งจะไม่เกิดเหตุวุ่นวายเพราะประชาชนไม่เอาด้วย การที่ ผบ.ทบ.ไม่ปฏิเสธเรื่องรัฐประหารอีกนั้น เป็นเรื่องที่คิดเอาเอง คนตั้งคำถามอาจกังวลเองล่วงหน้า ใครเป็น ผบ.ทบ.ไม่สามารถตอบเรื่องอนาคตได้ ผบ.ทบ.ตอบตามหลักการถือว่าถูกต้องแล้ว
อัยการสั่งฟ้อง3พท.หมิ่น’คสช.’
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองปราบปราม นำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมฯ, นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและนายชูศักดิ์ ศิรินิล แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) 3ผู้ต้องหาที่ คสช.ส่งผู้เเทนไปเเจ้งความร้องทุกข์กล่าวหาว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา116 คือ ยุยงปลุกปั่น จากกรณีแถลงผลงานของ คสช.ในหัวข้อ“4ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาลและคสช.นำไปสู่ความมืดมนและอันตราย” ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 17พฤษภาคมที่ผ่านมา ต่ออัยการสำนักงานคดีอาญา โดยหลังเข้ารายงานตัว ผู้ต้องหาทั้งสามก็ได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์วางค้ำประกัน ทั้งนี้ นายวัฒนา กล่าวว่า อัยการได้นัดฟังคำสั่งวันที่ 28พฤศจิกายนนี้ เวลา 13.00น.ส่วนหากจะมีคำสั่งคดีในวันดังกล่าวได้หรือไม่นั้น อัยการจะประสานให้มาทราบนัดฟังคำสั่งด้วยตนเอง ซึ่งหลังจากนี้ตนจะยื่นร้องขอความเป็นธรรมเข้าไปด้วย
ยอดกดไลค์”บิ๊กตู่”เกือบ2แสน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดช่องทางโซเชียลมีเดียในการติดต่อสื่อสารกับประชาชนผ่านเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ»ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha» ไปเมื่อวันที่ 14 ต.ค. ล่าสุดมีผู้ใช้เฟซบุ๊กติดตามแล้วกว่า 2แสนคน โดยมีการอัพเดตภาพและข้อความในทุกวัน ขณะที่ในอินตราแกรมหรือไอจี ชื่อ “@Prayutofficial» มีผู้ติดตามกว่า 8 หมื่นคน และทวิตเตอร์ ที่ชื่อผู้ใช้งานว่า “@Prayutofficial»มีผู้ติดตามแล้วเกือบ 2หมื่นคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี