“เขตเลือกตั้ง 26 บางบอน - หนองแขม”..เป็นอีก 1 ในสมรภูมิเลือกตั้งที่ติดอันดับท็อปด้านความร้อนแรงจากทั้งหมด 30 เขตของ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา พื้นที่บางบอนและหนองแขม ถูกผูกขาดอยู่กับ 2 ตระกูลใหญ่ “ม่วงศิริ - อยู่บำรุง” โดยการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2554 “สามารถ ม่วงศิริ” ตัวแทนจาก “พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)” คว้าเก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เขตนี้ไปครองโดยเฉือนชนะ “วัน อยู่บำรุง” ตัวแทนจาก “พรรคเพื่อไทย (พท.)” ไปด้วยคะแนน 41,601 ต่อ 40,192 คะแนน
จะเห็นได้ชัดว่า “ผู้สมัครจาก 2 ตระกูลใหญ่ รู้ผลแพ้ชนะกันแบบฉิวเฉียดด้วยความต่างกันเพียงพันกว่าคะแนนเท่านั้น ชี้ให้เห็นถึงฐานเสียงที่เข้มแข็งมากของทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้สำหรับใครที่คิดจะเข้ามาเป็นขั้วที่ 3 ร่วมแข่งขันชิงชัยในเขตบางบอน - หนองแขม อาจมองว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในการช่วงชิงคะแนนเสียง” แต่ในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดในวันที่ 24 มี.ค. 2562 นั้นมีเรื่องน่าสนใจ กรณี “พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)” พรรคการเมืองเกิดใหม่แต่กำลังมาแรงอย่างมาก ขอส่ง “วัชระ กรรณิการ์” ลงสู้ศึกเลือกตั้งในเขตนี้ด้วยอีกคนหนึ่ง
วัชระกล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างลงพื้นที่หาเสียง โดยเขาระบุว่า “จุดอ่อนคือการเป็นคนหน้าใหม่” จึงต้องทำความรู้จักกับพื้นที่อย่างมาก “แต่การเป็นคนหน้าใหม่ก็อาจถือเป็นความโชคดี” เพราะสองตระกูลดังกล่าวในความรู้สึกของชาวบ้าน มีเสียงสะท้อนบอกว่าทำการบ้านเฉพาะในช่วงที่มีรัฐบาลพิเศษไม่มากเท่าที่ควร “ชาวบ้านบอกว่าอดีต สส. เก่าหายไป ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ไม่มาดูแลระบบสาธารณูปโภคความต้องการพื้นฐานของชาวบ้าน” อย่างเช่นน้ำท่วมท่อตัน การฉีดยุงไม่มีเลย ดังนั้นสิ่งที่ดูเป็นจุดอ่อนจึงอาจกลายเป็นจุดแข็งได้เช่นกัน
“ขออนุญาตพูดตรงไปตรงมา ในส่วนของแชมป์เก่าตระกูลม่วงศิริ ผลงานยังไม่เป็นที่น่าพอใจของคนที่เป็นชาวบ้านที่มีสิทธิ์ลงคะแนน ในขณะที่ตระกูลอยู่บำรุงมีปัญหาเรื่องของผู้สมัครที่มีปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ ซึ่งจะเท็จจริงไม่ทราบ ดังนั้นสิ่งที่ผมต้องทำวันนี้คือพอเราเป็นคนใหม่ วันนี้ผมจะเดินโดยที่ผมไม่สนใจเลยว่าจะมีคนหรือไม่มีคน” ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ ระบุ
ด้วยความที่เป็นคนหน้าใหม่ “การรวบรวมข้อมูลเพื่อให้เข้าใจบริบทพื้นที่จึงสำคัญ” ที่ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐจะติดแผนที่ไว้สำหรับวางแผนการลงพื้นที่หาเสียง วัชระกล่าวว่า เขาตั้งใจจะเดินให้ครบทุกจุดใน 30 วัน ส่วนเวลาที่เหลือหลังจากนั้นจะเน้นลงพื้นที่ในจุดที่เห็นว่าเป็นจุดอ่อนและในจุดที่เสียงตอบรับดี นอกจากนี้ “การคัดเลือกทีมงานหาเสียงล้วนใช้คนในพื้นที่ แม้แต่คนพิการก็ยังให้เข้ามาร่วม เพราะคนเหล่านี้รู้จักพื้นที่ดีที่สุด” แม้เป็นรายละเอียดเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยก็ไม่อาจมองข้าม
เช่น ระหว่างเดินเท้าผ่านไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ “ทีมงานจะบอกว่าซอยนี้เป็นของกลุ่มใจถึงพึ่งได้ - ซอยนั้นเป็นของคนตระกูลโน้น” รวมถึงให้สังเกตคนที่ขี่จักรยานบ้าง มอเตอร์ไซค์บ้างวนไปวนมา ว่าเป็นคนของผู้สมัครคนใด “ข้อมูลอาจไม่ถูกต้อง 100% แต่ก็เป็นประโยชน์” ทั้งนี้ระหว่างการหาเสียงก็ต้องระมัดระวังเนื่องจากจะมีรถเก๋งบ้าง มอเตอร์ไซค์บ้าง มาจอดสังเกตการณ์พร้อมถ่ายรูป เข้าใจว่าเป็นความพยายามจับผิด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเพราะวันนี้ลงแข่งแบบทำตามกติกาทุกประการ แม้แต่ป้ายหาเสียงก็ยังติดน้อยกว่าพรรคอื่นๆ
“เลือกตั้งครั้งนี้สิ่งที่เราทำแล้วคนอื่นไม่ทำคือการเดิน เพราะเห็นแล้วว่าแต่ละคนเดินในลักษณะผักชี คือเดินแป๊บเดียวแล้วก็จบพอเป็นพิธี และยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มันได้รับเกียรติจากคู่ต่อสู้จริงๆ คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จากพรรคเพื่อไทย ก็ลงมาเดินเอง ปราศรัยเอง เราถามคนในพื้นที่แล้วก่อนหน้านี้ไม่เคยมี ฝั่งประชาธิปัตย์ก็เริ่มเดินมากขึ้น ผมก็มองว่ามาจากการที่เราเดินทำให้เขาต้องเดิน และผมเดินมากกว่าการพูด เพราะมองว่าการสร้างพิธีกรรมใหญ่คนไม่ชอบ เขาชอบให้เดินเข้าไปให้ถึงตัวเขา” วัชระ กล่าว
หลังออกหาเสียงมาได้ระยะหนึ่ง ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ มองเห็นปัญหาสำคัญคือ “พื้นที่หนองแขม - บางบอนถนนหลายสายไม่มีรถเมล์ไม่ว่าของ ขสมก. หรือรถเอกชนร่วมบริการ มีเพียงรถสองแถวเท่านั้น” ทำให้การเดินทางไม่สะดวก นอกจากนี้ชาวบ้านหลายคนยังเป็นห่วงเรื่องของ “นักเลงอันธพาล” ที่ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนของใคร แต่หมายถึงกลุ่มวัยรุ่นสักเต็มตัวนั่งดื่มเหล้ากันทุกวัน รวมถึง “ยาเสพติด” ซึ่งคนเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองย่อมกังวลว่าบุตรหลานจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับ 2 เรื่องดังกล่าว
วัชระกล่าวอย่างติดตลกว่า “วันนี้เปรียบตัวเองเหมือนเป็นหมาหลง” เพราะไม่มีใครคาดหวังว่าจะมีโอกาสได้รับชัยชนะ แค่ได้แบ่งคะแนนจาก 2 เจ้าถิ่นบ้างก็พอแล้ว “นักเลือกตั้งในกรุงเทพฯ ทุกพรรครู้ดีว่าหนองแขม-บางบอน เป็นเขตที่โหดหินที่สุด คุณต้องมีลูกบ้ามากพอ ต้องไม่กลัวถึงจะมาพื้นที่นี้ได้” ทั้งนี้เขาเชื่อมั่นว่าหากชนะขึ้นมาจริงๆ จะลงมือทำงานแก้ปัญหานักเลงอันธพาลและยาเสพติดในพื้นที่ได้ เพราะโดยส่วนตัวก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเครือข่ายเหล่านั้นอยู่แล้ว จึงไม่ต้องห่วงว่าจะเกิดสภาวะหยิกเล็บเจ็บเนื้อ
นอกจากการเดินเท้าพบปะประชาชนแบบถึงลูกถึงคน อีกกลยุทธ์ที่น่าสนใจคือ “การติดป้ายหาเสียง” เรื่องนี้ วัชระ เปิดเผยว่า ได้แนวคิดมาจากชาวบ้านในพื้นที่ผ่านเสียงบ่น “ผู้แทนอยู่ที่ไหน?” ตลอดเกือบ 5 ปีมานี้ คนหนึ่งหายเงียบไป ในขณะที่อีกคนเล่นแต่โซเชียลมีเดีย (Social Media-สื่อออนไลน์) เป็นที่มาของการติดป้ายหาเสียงที่ก่อนหน้านี้จะมีแค่ผู้สมัครจาก 2 ตระกูลเจ้าถิ่นของ 2 พรรคติดคู่ประชันกัน แต่การเลือกตั้งหนนี้จะมีป้ายของเขาไปติดประกบด้วย หวังส่งผลเชิงจิตวิทยา “ประชาชนยังมีทางเลือกที่ 3” ไม่ใช่ถูกบังคับให้ต้องเลือกเพียง 2 เท่านั้น
“แค่การชนะก็เป็นการพลิกฟ้าถล่มทลายแล้ว แต่วันนี้ยังไม่ถึงวันนั้น แต่สิ่งที่จะต้องมีเพราะเรามาจากศูนย์คะแนน ไม่มีแม้แต่แต้มเดียว ดังนั้นถ้าเรามี 5,000-10,000 คะแนน นั่นคือคะแนนของเราล้วนๆ แต่ขอให้มีหลักหมื่นขึ้นให้ได้ เพราะวันนี้มีการคำนวณคณิตศาสตร์การเมืองเอาไว้ว่าถ้าใครจะชนะเลือกตั้งจะต้องมี 4 หมื่นคะแนนต้นๆ ครั้งนี้ถ้าจะมีใครชนะถ้าคะแนนเกิน 35,000 คะแนนก็น่าจะผ่าน แต่คะแนนปลอดภัยอยู่ที่ 38,000-39,000 คะแนน แต่วันนี้ขอแค่ไม่แพ้แบบขาดลอยมีหลักหมื่นคะแนนก็พอ” วัชระ กล่าวในท้ายที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี