โค้งสุดท้าย เพื่อไทย งัดมุก “'เอาลุงคืนไป เอาเงินในกระเป๋าคืนมา” ชี้ 5 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจแย่ค้าขายลำบาก หนี้สินท่วมหัว ชูนโยบาย ปรับหนี้ เติมเงิน ลดภาษี สร้าง “เศรษฐีใหม่”
10 มี.ค. 62 ที่พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง คณะทำงานเศรษฐกิจพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ส. กทม. ทั้ง 22 เขต ร่วมแถลงนโยบายช่วง 2 อาทิตย์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ภายใต้แคมเปญ “เอาลุง*คืนไป เอาเงินในประเป๋าคืนมา” โดยพรรคได้เปลี่ยนแปลงแบนเนอร์ของพรรค ทั้งในห้องแถลงข่าวและจุดอื่นๆ ให้สอดคล้องกับแคมเปญโค้งสุดท้ายนี้ด้วย สำหรับคำว่า ลุง บนแบนเนอร์นั้นมีการทำสัญลักษณ์ดอกจันทร์ พร้อมกับให้คำนิยามว่า ลุง หมายถึง ความคิดและสิ่งเก่าที่สิ้นหวัง
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เกือบ 5 ปีที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ในสภาพลำบาก เศรษฐกิจแย่มากค้าขายลำบาก หนี้สินท่วมหัว ซึ่งรัฐบาลประยุทธ์ ได้ใช้งบประมาณสูงถึง 11.43 ล้านล้านบาทอถ้ารวมงบประมาณปี 2562 ไปด้วยจะสูงถึง 14.32 ล้านล้านบาท ซึ่งได้ใช้ไปแล้วเกือบ 1.35 ล้านล้านบาท ดังนั้นตัวเลขที่รัฐบาลนี้ใช้งบประมาณไปแล้วรวม 12.78 ล้านล้านบาท นอกจากนี้เกือบ 5 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้เงินเกินรายได้ของรัฐบาลไปกว่า 2.38 ล้านล้านบาท ส่งผลให้หนี้ประเทศเพิ่มขึ้นสูงถึง 2.2 ล้านล้านบาท ใช้เงินไปมหาศาลขนาดนี้ ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ กับรายได้ลดลง ยากจนมากขึ้นและมีหนี้สินท่วมหัว ตามตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น 2 ล้านล้าน หนี้ธุรกิจเพิ่มจากการค้าขายที่ฝืดเคือง หนี้เสียSME เพิ่มขึ้น 9.5 หมื่นล้านล้านบาท หนี้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 2.44 ล้านล้านบาท
แม้แต่อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลประยุทธ์ยังยอมรับ คนจนจะอดตายอยู่แล้ว ที่สำคัญคือ เป็นความทุกข์ของประชาชนที่เกิดขึ้นนี้ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์พยายามปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง แต่ตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย สะท้อนความจริง ซึ่งฟ้องให้เห็นความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่รายได้คนไทยเพิ่มน้อยกว่า การเติบโตของเศรษฐกิจ จึงเป็นการเติบโตแต่หัว ทิ้งคนไทยส่วนใหญ่ ให้ยากจน เกิดภาวะ รวยกระจุก จนกระจาย คนรวยรวยมากขึ้นแต่คนส่วนใหญ่ของประเทศกลับยากจนลง รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถเพิ่มรายได้ให้คนไทยอย่างแท้จริงในช่วงเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา จึงเลือกใช้วิธีง่ายๆ เฉพาะหน้าคือการแจกเงิน ซึ่งก็มาแจก ตรงกับช่วงหาเสียงพอดี
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่ ปล่อยให้ประชาชนต้องเผชิญกับความทุกข์ทางเศรษฐกิจโดยลำพังอีกต่อไป ต้องเร่งทวงคืนเงินในกระเป๋าให้คนไทย จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจทั้งระบบ ด้วยการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ ใช้งบประมาณน้อย แต่ประชาชนได้ผลประโยชน์มาก เราจะไม่คิดอะไรง่ายๆสั้นๆ ก่อหนี้มหาศาลให้ประเทศ เราจะรดน้ำที่ราก ให้ลำต้นและใบเติบโตได้อย่างแข็งแรงยั่งยืน โดยการเติมทุนให้คนตัวเล็ก ไม่ใช่แค่แจกเงินเพื่อหวังผลระยะสั้น หรือขึ้นภาษีผลักภาระให้ประชาชน เราจะแก้หนี้ด้วยรายได้ เราต้องรวมพลังคนไทยทั้งประเทศ ให้ เมืองช่วยชนบทและชนบทช่วยเมือง เพื่อสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจไม่ให้เหลื่อมล้ำอย่าง 4-5 ปีที่ผ่านมาด้วย นโยบาย ปรับหนี้ เติมเงิน ลดภาษี สร้างเศรษฐีใหม่
โดยการ 1. ปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ให้ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง SME รวมทั้งหนี้ของประชาชนตัวเล็ก ครูและนักศึกษา และพักหนี้เกษตรกร 3 ปี 2.เติมเงินเพื่อเพิ่มกำลังซื้อ อาทิ ปรับเงินเดือนปริญญาตรี ขึ้นเพราะเงินเดือนพนักงานไม่ได้ขึ้นมากว่า 7 ปีแล้ว ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยขึ้นเป็นขั้นเป็นตอนและมีมาตรการที่ช่วยนายจ้างไม่ให้ได้รับผลกระทบ เพราะค่าแรงขณะนี้ต่ำกว่ารายจ่าย ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มทุกตัว ข้าว 12,000 บาทต่อเกวียน ยาง 60 บาทต่อ กิโลกรัม อ้อย 1000 บาทต่อตัน 3.ลดภาษี อาทิ ลดภาษีน้ำมัน เพื่อลดต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพ ลดภาษีเงินได้ของธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ให้สิทธิพิเศษนอก EEC กับ SMEออนไลน์และ Start Up เพิ่มรายได้ให้ประชาชนตัวเล็ก เพื่อเพิ่มกำลังซื้อของประเทศ ยกเศรษฐกิจทั้งฐาน เมื่อคนตัวเล็กมีกำลังซื้อ ร้านขายสินค้าก็คึกคักขายดี เจ้าของโรงงานก็ไม่เจ๊ง
“ประสบการณ์ 17 ปีตั้งแต่ไทยรักไทย เราสามารถทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีได้ทุกครั้ง ที่มาบริหารประเทศไม่ว่าเศรษฐกิจจะวิกฤตขนาดไหน หลังต้มยำกุ้งเราฟื้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วใช้หนี้ IMF ได้ก่อนกำหนด วันนี้พรรคการเมือง หลายพรรคออกมาให้สัญญากับประชาชน ถือเป็นโอกาสดีของประชาชนที่จะตัดสินว่า ใครไม่เคยทำได้ตามสัญญา ใคร ดีแต่พูด ใคร ให้คำสัญญาที่ทำได้จริง 24 มีนาคมพี่น้องคนไทย จะได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกอนาคตของตัวเองว่าจะอยู่กับลุงต่อไปอีก 4 ปี หรือจะเอาลุงคืนไป เอาเงินในกระเป๋ากลับคืนมา และหากให้เพื่อไทยเข้ามาทำงาน เราจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ใน 6 เดือน โดยราคาสินค้าเกษตรต้องปรับขึ้น เงินเดือนพนักงานจ้องเพิ่มขึ้น” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
นายชัชชาติ กล่าวว่า เศรษฐกิจต้องดูในภาพรวมโดยเฉพาะการส่งออก และการท่องเที่ยว เสริมความมั่นใจ กระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ และการบริหารจัดการงบประมาณของรัฐบาล นอกจากนี้ เอสเอ็มอี เราต้องให้ทั้งทุน และปัญญาแก่ผู้ประกอบการ รวมถึงกฎระเบียบ หรือกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการประกอบการก็ต้องมีการปรับแก้
นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย แสดงให้เห็นมาตลอดว่าเรามุ่งมั่น และดูแลสินค้าเกษตรได้ดีทุกตัว รวมถึงการปรับค่าแรงขั้นต่ำให้ดีขึ้นได้ ดังนั้น ทีมเศรษฐกิจของพรรคพท. เรามั่นใจว่าเราจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้าได้ วันนี้ลงพื้นที่ประชาชนไม่ค่อยมาถามแล้วว่าเราจะให้ราคาพืชผลทางการเกษตรเท่าไหร่ เพราะเขาเห็นผลงานที่เรามาตลอด ไม่ต้องสื่อสาร มองตาก็รู้ใจแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี