เดินเกมแก้รธน.ในสภา! ‘7 พรรคฝ่ายค้าน’ ถก ‘ทางออกวิกฤติชาติ’ รุมสับรธน. ต้นเหตุปัญหา ‘เศรษฐกิจ-สังคม-การเมือง’ ด้าน ‘วันนอร์ ’ชี้รบ.สร้างวิกฤติชาติ ขณะที่ ‘สงคราม’ ฉะเอื้อนายทุน – จนทะลุแผ่นดิน ‘เสรีพิศุทธิ์’ ลั่นลุยล้างมรดกบาป5ปี ส่วน ‘ธนาธร’ สวมบทหมอดูทำนายอนาคตลูกหลานแย่แน่ ให้คะแนน ‘ปธ.สภา’ สอบตก ชี้รปห.ไม่มีจบสิ้น – ทหารเป็นมือไม้รัฐบาล
เมื่อวันที่ 21 กรกฏาคม 2562 ที่โรงแรม แลงคาสเตอร์ กรุงเทพฯ มีการจัดเสวนา “ทางออกในการแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติ” โดย 7 พรรคฝ่ายค้านเพื่อประชาชน ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) พรรคเพื่อชาติ (พช.) พรรคประชาชาติ (ปช.) พรรคเศรษฐกิจใหม่ (ศก.) พรรคเสรีรวมไทย และพรรคพลังปวงชนไทย
โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเคลื่อนเพื่อสะท้อนเรื่องเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนไม่สามารถทำได้โดยง่าย ผู้มีอำนาจตั้งตัวเองขึ้นเป็นรัฐมนตรี และตั้งรัฐมนตรี ร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน ทำให้ประชาชนอ้าปากไม่ได้เลย เดือดร้อนอย่างมาก สิทธิมนุษยชนถูกริดรอน ฝ่ายตรงข้ามทำอะไรก็ไม่ถูกไปหมด ถูกเรียกไปปรับทัศนคติ หรือถูกคุกคาม ถูกจับ ถูกทำร้ายร่างกาย แต่ฝ่ายเดียวกันทำได้หมด สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นโดยผู้มีอำนาจเอารัฐธรรมนูญที่ร่างเอง กำหนดเองมาทำให้ประชาชนลำบาก
ทั้งนี้ เมื่อมีการเลือกตั้ง รัฐบาลปัจจุบันมีทั้งหมด 19 พรรค กว่าจะคุยแล้วตกลงให้ทุกอย่างเป็นไปในแนวเดียวกันก็ใช้เวลามาก มีความพยายามรวมรวมเสียยงเพื่อขอตำแหน่ง พรรคที่มี 2-3 คน ก็ต่อรองขอให้ตัวเองได้เป็นรับมนตรี ใช้เวลา 4 เดือน กว่าจะตั้งรัฐบาลได้ ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้มีพรรคการเมืองมาก ฝ่ายค้านของเรามี 246 เสียงที่ยึดมั่นอุดมการณ์ร่วมกันมาตลอด แม้จะไม่รู้วิธีคิดคำนวนส.ส.ก่อนประกาศผลเลย เหมือนเป็นความพยายามปิดบังสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ให้ประชาชนรู้ ขณะนี้เราอยู่ในภาวะจำยอมที่ให้เขากระทำมาตลอด ทั้ง 7 พรรคมีความตั้งใจที่จะทำประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน แต่รัฐธรรมนูญเป็นปัญหา และเป็นปัญหาอย่างใหญ่หลวงที่ทำให้ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมมีปัญหา
นายสมพงษ์ กล่าวว่า หากเจอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะบอกว่าให้ท่านทราบว่าสิ่งที่ทำให้ท่านมาอยู่ตรงนี้ไม่ถูกครรลองคลองธรรม และไม่ถูกกฎหมาย ในสภาอาจไม่มีการพูดเรื่องพวกนี้ แต่สิ่งที่ท่านทำการตั้งรัฐมนตรีท่านก็รู้อยู่แล้วว่าเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ท่านต้องรับผิดชอบ
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ตนมองรัฐบาลนี้ด้วยคามสิ้นหวัง ตนสงสารประชาชนเพราะรอมา 5 ปีทั้งที่ไม่ควรรอมานานถึง 5 ปีด้วยซ้ำ เราก็นึกว่าหนังจะเปลี่ยนเรื่อง แต่กลับต้องดูเรื่องเดิม วิกฤติของชาติที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่เป็นเรื่องใหญ่มาก ภัยแล้งว่าแสนสาหัสแล้ว แต่ที่ร้ายกว่ารัฐบาลที่เข้าสร้างวิกฤติให้ประเทศชาติ และประชาชนอย่างมากมาย จะแก้วิกฟติได้ต้องมีคนเข้ามาแก้ ซึ่งก็คือรัฐบาลที่กำลังจะเสนอนโยบายต่อประชาชน แม้ยังไม่เห็นว่านโยบายเป็นอย่างไร แต่ถึงเห็นไปก็คงเท่านั้น เพราะคนที่จะเข้ามาทำนโยบายให้สำเร็จสำคัญมากกว่า ซึ่งถ้าให้ประเมินคนที่จะเข้ามาขับเคลื่อนนโยบายให้สำเร็จนั้นไม่ผ่านสักคน โดยวิกฤติที่แก้ไม่ได้เลยคือศรัทธา และความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาล เราจะศรัทธานายกฯได้อย่างไร ท่านเก่งตรงไหน ท่านเป็นทหารที่สร้างความสงบแต่เป็นความสงบที่ประชาชนไม่มีกินมีใช้ ตนเห็นด้วยที่บ้านเมืองต้องมีความสงบ แต่ความสงบจะต้องให้ประชาชนมีกินมีใช้ด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญที่พอมีข้อดีอยู่บ้าง คือมาตรา 160 ที่กำหนดเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีว่าต้องมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ แปลว่าต้องเห็นได้ วัดได้ แล้วเอาคนที่เคยโกงมาเป็นรัฐมนตรีมาก็ประจักษ์แล้วว่า โกงเป็นที่ประจักษ์ แค่ยังไม่ทำอะไรก็ขาดคุณสมบัติแล้ว
“เพราะมีความทุจริตเป็นที่ประจักษ์ อย่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต้องเป็นคนที่เราไว้ใจว่าจะมาดูแลเงินของเรา และของประเทศ บนแบงค์ที่เราใช้เซ็นชื่อโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการกคลัง ถ้าตนไม่ประจักษ์ในความซื่อสัตย์สุจริต แบบนี้แย่เลย ดังนั้น ไม่เซ็นก็ดีแล้ว เพราะที่เซ็นไปเพื่อติดคุกไปแล้ว 3 คน แต่ตัวเองรอดอยู่เลย ไม่รู้เพราะอภินิหารทางกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่เคยพบเคยเจอรัฐมนตรีคนไหน หรือรัฐบาลไหนถูกตั้งคำถามอย่างนี้ ทำไมนายกจึงเอาคนแบบนี้มาเป็นรัฐมนตรี” หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าว
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ในยุค พล.อ.ประยุทธ์นั้น ตนคิดว่า สำคัญที่สุดคือการแก้ปัญหาปากท้องให้คน 3 จังหวัด และปัญหาราคายาง นอกจากนี้ การขาดการศึกษา แม้จะเรียนฟรี แต่บ้านที่มีลูกหลายคนไม่มีเงินจ่ายค่ารถ จ่ายค่าเดินทาง หลายครอบครัวเป็นแบบนี้ เมื่อก่อนมีโจรวิ่งราวสร้อยทอง แต่เดี๋ยวนี้ไม่วิ่งราวฉกเอาสิ่งเล็กๆ แล้ว แต่วิ่งราวเอาโครงการใหญ่ๆ ของรัฐบาล ทั้งรถไฟฟ้า ทั้งรถไฟความเร็ว ที่สำคัญคือวิ่งราวเอาอำนาจของประชาชนไปหมด กลายเป็นวันนี้คนรวย วิ่งราวคนจน เพราะคนจนทำอะไรไม่ได้เลย
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า สาเหตุของวิกฤตที่เกิดขึ้นคือการรัฐประหาร เมื่อ 5 ปีที่แล้ว มีการฉีกรัฐธรรมนูญและเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อประเทศมากที่สุด ที่ส่งผลกระทบต่อความเจริญรุ่งเรืองและถดถอยของประเทศเรา วันนี้ผู้มีอำนาจเอื้อประโยชน์ให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือเจ้าสัวคนใดคนหนึ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ หรือผูกขาด ตอนนี้ไม่ต้องทำวิจัยอะไรมากอยากรู้เรื่องเศรษฐกิจให้ไปเดินตลาดความเงียบสงบเกิดขึ้นทุกที่เพราะร้านค้าต่างๆ ปิดกิจการกันหมด มีคนรวมแค่ร้อยละ 1 ที่ครอบครองทรัพย์สินของประเทศ ขณะที่คนส่วนใหญ่ร้อยละ 99 ถือครองทรัพย์สินเพียง 1 ใน 3 ของประเทศ มีความเหลื่อมล้ำเป็นอันดับหนึ่งของโลก ถือเป็นความสามารถของรัฐบาลที่แล้ว ไม่ใช่จนติดดินแต่จนทะลุดินไปแล้ว ซึ่งรัฐบาลจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำนั้น ต้องรอชาติหน้าตอนบ่ายๆ เพราะอยู่มา 5 ปี ยังทำไม่ได้ ครม.ก็ชุดเดิม นโยบายเขียนดีอย่างไร ผู้ปฏิบัติทำได้หรือไม่เป็นอีกเรื่อง ตนไม่ได้ดูถูกแต่เปรียบเทียบให้ฟังว่า 5 ปี ที่แล้วยังทำไม่ได้ แล้วจากนี้จะทำได้อย่างไร
นายสงคราม กล่าวอีกว่า ส่วนนโยบายการขึ้นค่าแรงที่พรรคพลังประชารัฐเคยหาเสียงไว้นั้น ตอนหาเสียงก็พูดไปก่อน เพราะยังไม่รู้ว่าจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ แต่ด้วยความสามารถของ กกต.ก็ได้เป็นรัฐบาล ตอนนี้เขาก็รู้อยู่แล้ว คลังมีเงินเท่าไร ทุกวันนี้วิธีเดียวที่หาเงินได้และคิดออกคือหาทางขึ้นภาษีอย่างเดียวและเก็บภาษีให้ได้มากที่สุด ปี 2540 ที่เศรษฐกิจกำลังจะพังเรามีหนี้ 6 แสนล้านบาท แต่ตอนนี้เรามีหนี้ถึง 7 ล้านล้านบาท ถือเป็นสิบกว่าเท่าของปี 2540 เรียกว่าเป็นความสามารถของรัฐบาลที่ผ่านมา เพราะเครดิตดีจึงกู้เงินได้เยอะ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ได้รับมอบหมายว่าให้ดูเรื่องการจัดการมรดกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งกลไกผ่านรัฐธรรมนูญ ทั้งส.ว. 250 คน องค์กรอิสระ อย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่จัดการเลือกตั้งและคำนวณผลการเลือกตั้ง จนทำให้พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และตัดคะแนนเสียงของพรรคฝ่ายค้านที่จะไปคำนวณเป็นส.ส.ไป 10 กว่าคน ส่งผลถึงคะแนนเสียงในการจัดตั้งรัฐบาลด้วย
“ตอนนี้ผมทำหนังสือข้อมูลถึงคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารแห่งชาติ เพื่อขอข้อมูลของกกต.ในการดำเนินการวินิจฉัยยกคำร้องที่ผมยื่นตรวจสอบพรรคพปชร. ทั้งเรื่องคุณสมบัติการเป็นนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา การคำนวนสูตรส.ส.ของกกต.ว่ามีเหตุผลใด ในการคำนวณส.ส. โดยใช้คะแนน 3-4 หมื่นคะแนน ได้ส.ส. 1 คน ทำให้คะแนนของพรรคฝ่ายค้านหายไปทั้งที่ควรจะได้ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 10 คน แต่ก็น่าเห็นใจพรรคอนค. เพราะหลายเรื่องที่โดนร้องเรียนไปมักจะโดนสอบสวนเกือบทุกเรื่อง ตรงกันข้ามกับการตรวจสอบพรรคฝ่ายรัฐบาล ทั้งเรื่องการจัดโต๊ะจีน เรื่องคุณสมบัติการเป็นนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ กลับรอดหมด” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า วิกฤติที่หนักมากและน่าเศร้าที่สุดคือเรากำลังส่งสังคมที่แย่กว่านี้ให้ลูกหลานเราถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างลูกหลานเราจะได้รับมรดกของสังคมที่แย่กว่าปัจจุบันความเหลื่อมล้ำสูงมากขึ้นตลอด 5 ปีที่ผ่านมาจีดีพีโต 15 เปอร์เซ็นต์ แต่รายได้ภาคแรงงานลดลง 5 เปอร์เซ็นต์ รายได้ภาคการเกษตรติดลบ 3 เปอร์เซ็นต์ หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้น 28 เปอร์เซ็นต์ แต่ 50 อันดับคนที่รวยที่สุดมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 64 เปอร์เซ็นต์ ทุนผูกขาดกับความเหลื่อมล้ำคือเหรียญเดียวกันที่อยู่คนละด้านถามว่าการใช้มาตรา 44 ขยายเวลาลดดอกเบี้ยขยายเวลาชำระเงินธุรกิจโทรคมนาคมแล้วจะลดความเหลื่อมล้ำได้หรือไม่
นายธนาธร กล่าวอีกว่า คิดกลับกันชาวนาไม่มีเงินจ่ายหนี้ธกส. เขาจะมีโอกาสรีไฟแนนซ์แบบนี้หรือไม่ไม่มีดอกเบี้ยจะยิ่งลงโทษชาวนาการปฏิบัติต่อกลุ่มุทนกับชาวบ้านไม่เคยเหมือนกันที่เป็นแบบนี้เพราะรัฐไทยไม่เคยคิดถึงประชาชนเพราะประชาธิปไตยไม่เคยลงหลักปักฐานได้ในชาติเมื่อไม่มีประชาธิปไตยก็ไม่มีประชาชนปัญหานี้ทำให้เมืองกับชนบทมันเหลื่อมล้ำกันมหาศาลพรรคที่อยู่กับประยุทธ์จะพูดตลอดว่าไม่ต้องสนใจประชาธิปไตยต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจนี่คือเรื่องโกหกเพราะระบอบการเมืองที่ดีนั้นถึงจะสร้างความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจได้
เมื่อถามว่า หากจะมีการแก้รัฐธรรมนูญแต่ต้องเป็นสุตรของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แบบนี้จะเป็นทางออกของประเทศได้หรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ตามบทกฎหมาย เพราะต้องอาศัยเสียง 1 ใน 3 ของส.ว. จากการโหวตเลือกนายกฯก็ไม่เห็นมีสักคนที่โหวตไปอีกทาง ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงต้องขึ้นอยู่กับมหาประชาชนทั้งประเทศ ทั้งนี้ ตนติดตามการประชุมของพรรคฝ่ายค้านมา แนวทางของเรามีแนวทางที่มั่นคง เราแบ่งงานของเราออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ในสภา และการสื่อสารกับพี่น้องประชาชน เราคงต้องใช้วิทยายุทธ์ต่างๆ ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนเรื่องรัฐธรรมนูญ เราต้องเอาแนวความคิดของเรามาสานต่อแล้วสื่อสารไปยังประชาชน เพราะการจะไปยื่นญัตติในสภาคงเป็นไปไม่ได้ เรากับประชาชนจึงต้องช่วยกันเพื่อให้เกิดการแก้ไข ไม่เช่นนั้นก็จะจมปรักอยู่แบบนี้ตลอดไป 7 พรคฝ่ายค้านเราต้องผนึกกำลัง และรักใคร่สามัคคีกันเพื่อสู้ให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่เป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชน เพราะวันนี้เรามีศัตรูคนเดียวกัน
เมื่อถามว่า จากนี้ไปฝ่ายค้านจะเคลื่อนไหวนอกสภามากขึ้นหรืออย่างไร นายสมพงษ์ กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเรามีเจตจำนง และจะประสานงานกับพี่น้องประชาชน ส่วนประชาชนจะออกมาต่อต้านอย่างไรนั้น เราคงไม่ออกไปปลุกระดม แต่ให้ประชาชนเขามีความคิดความอ่านของเขาเอง น่าจะเอากระถางธูปมาตั้งไว้ 2 กระถาง แล้วเขียนติดไว้เลยว่าสนับสนุน กับไม่สนับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แล้วลองมาสังเกตกันดูว่ากระถางธูปไหนมากกว่ากัน
เมื่อถามว่ามองท่าทีผู้นำเหล่าทัพที่ออกมาสนับสนุนรัฐบาลช่วงที่จะมีการแถลงโนยบายอย่างไร นายสมพงษ์กล่าวว่า สมัยรัฐบาลสมชาย รัฐบาลยิ่งลักษณ์กองทัพไม่ได้เป็นมือไม้ให้รัฐบาลสั่งการได้แต่อย่างใด ม็อบบุกยึดสถานที่สำคัญอย่างง่ายดายตัวบุคคลเหล่านั้นก็ได้กลับมามีอำนาจราวกับได้รับการสนับสนุนจากทหารมาเมื่อมาเรือลำเดียวกันก็เป็นอย่างนั้นพวกเดียวกันก็ทำแบบนั้น
เมื่อถามว่า ในฐานะอดีตประธานสภา หากให้ประเมินการทำงานของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาเป็นอย่างไร ด้านนายวันมูหะหมัดนอร์ กล่าวว่า ให้คะแนนพอๆ กับรัฐบาลนี้ คือให้คะแนนแบบปริ่มๆ น้ำ ไม่ถึงกับตก แต่ผ่านไปๆ ได้แบบไม่ค่อยดี แต่เชื่อว่าท่านจะรักษาชื่อเสียงของท่านโดยการทำหน้าที่ให้ดี
อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาของประเทศนั้นไม่ได้อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียว ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ไปเรื่องก็ยังไม่จบ เพราะปัญหาคือการที่บ้านเราไม่มีประชาธิปไตยที่แท้จริง เราจึงต้องทำให้เกิดประชาธิปไตยที่แท้จริง เริ่มจากการทำให้รัฐธรรมนูญเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีก่อน ทั้งนี้ คงไม่ชวนกันไปประท้วง หรือเดินถนน แต่คงไปบอกประชาชนว่า ประเทศไทยเราได้ประธิปไตยปลอมๆ สร้างความทุกข์ยากให้กับประชาชน ตราบใดที่ยังมีรัฐธรรมนูญปลอมๆ เลือกตั้งไปก็ได้พล.อ.ประยุทธ์กลับเข้ามา ผ่าน 250 ส.ว. เราเท่ากับเราได้การเลือกตั้งปลอมๆมา ดังนั้น เราต้องรวมพลังกันทำให้เป็นมติของมหาชนในประเทศไทยว่าเราต้องการแก้รัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านมีวิธีป้องกันการรัฐประหารครั้งหน้าอย่างไร นายธนาธร กล่าวว่า ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ก็มีคนอื่น พล.อ.ประยุทธ์เป็นเพียงตัวแทนของระบอบอภิสิทธิ์ชนที่ควบคุมประชาชนอยู่ก่อนหน้านี้ก็มี พล.อ.สนธิ ตราบใดที่สังคมไทยสถาปนาความคิดความเชื่อว่าคนเท่ากันไม่ได้ก็ไม่จบ การรัฐประหารจึงยังมีโอกาสเกิดขึ้นรัฐธรรมนูญคือหัวใจของการครองอำนาจ ถ้าเดินหน้าแก้ไขมีความเสี่ยงจะมีการทำรัฐประหารอีกครั้ง แต่สถานที่ที่จะไปรวมตัวกันต้านรัฐประหารหากมีขึ้นจะไม่ใช่สนามหลวงอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่ขอให้ไปที่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อยืนยันว่าอำนาจยังอยู่ที่สภาผู้แทนราษฎร
“สถาปนาฟื้นฟูความศักดิ์สิทธิ์จากอาชีพเดียวที่ประชาชนแต่งตั้งดึงความศักดิ์สิทธิ์ของ สส.ออกมาแล้วแสดงสัญลักษณ์ใหม่ว่ารัฏฐาธิปัตย์ยังอยู่กับสภาผู้แทนราษฎร ถ้าเกิดการคัดง้างพรรคฝ่ายค้านที่อยู่ตรงนี้จะร่วมต่อสู้กับประชาชนครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิมก็ได้ แต่หวังว่า กลุ่มอนุรักษ์นิยมหรืออภิสิทธิ์ชนจะมีสายตายาวพอฉลาดพอที่จะไม่ทำแบบนั้น ต้องรู้ว่าสังคมไทยต้องเปลี่ยนแปลงการทำให้พรุ่งนี้ทุกวันเป็นเมื่อวานไม่ใช่ทางเลือกหวังว่าเขาจะไม่ทำ แต่ถ้าทำก็ต้องต่อสู้ ถ้าไม่ปฏิรูปกองทัพเขียนรัฐธรรมนูญกี่ฉบับก็โดนล้มภารกิจของการสร้างประชาธิปไตยต้องรวมถึงการปฏิรูปกองทัพในระยะยาวด้วย” นายธนาธร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี