“ศรีสุวรรณ”ร้องกกต.ส่งศาลรธน.ยุบพรรคพลังประชารัฐ ผิดพ.ร.ป.พรรคการเมือง 2ปม จากเหตุใช้รีสอร์ตบุกรุกพื้นที่อุทยานฯสัมมนาพรรค-เชิญ“บิ๊กป้อม”เป็นประธานการประชุมทั้งที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค จวกอ้างใช้“การ์มองเต้”อย่าแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่ทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ
24 กรกฎาคม 2562 เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อให้พิจารณาและยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) จากการกระทำความผิด 2 ประเด็น คือ พรรค พปชร.ได้ใช้พื้นที่ของ88 การ์มองเต้ รีสอร์ต เป็นพื้นที่สัมมนา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีข้อพิพาทเรื่องของการบุกรุกป่าวังน้ำเขียว ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยกรมอุทยานฯได้ไปดำเนินการจับกุมแล้ว พร้อมกับส่งเรื่องไปดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว จึงเห็นว่าไม่เหมาะสม
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า พรรค พปชร.เป็นแกนหลักของรัฐบาล จึงไม่ถูกต้องที่จะไปจัดประชุมในพื้นที่ซึ่งมีข้อพิพาทด้านป่าไม้ ที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติ เนื่องจากเป็นพรรคที่มีนโยบายในการอนุรักษ์ฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก เพราะก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ดำเนินนโยบายทวงคืนผืนป่ามาโดยตลอด และรีสอร์ตดังกล่าวก็อยู่ในเป้าหมายของการทวงคืนผืนป่า
นอกจากนี้กระทรวงมหาดไทยก็ยังมีหนังสือสั่งการไปถึงพนักงานข้าราชการว่าห้ามพักอาศัยหรือพักค้างแรมในพื้นที่ที่มีปัญหาลักษณะดังกล่าว 152 แห่ง ซึ่งชัดเจนว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่บุกรุกป่า ดังนั้น การที่พรรค พปชร.ไปสนับสนุนหรือส่งเสริมโดยการไปจัดประชุมในโรงแรมนี้ ก็เข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 45 ที่ระบุว่าห้ามพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรค สมาชิกพรรคการเมือง ไปสนับสนุนส่งเสริมในการทำลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ เมื่อมีความผิดตามมาตรา 45 นั้นในมาตรา 92 ( 3 )ก็เขียนไว้ชัด ซึ่งเป็นเหตุให้ถูกยุบพรรคการเมืองได้
นายศรีสุวรรณ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในประเด็นที่ 2 จากการที่มีการสัมมนาของพรรค พปชร. ได้เชิญพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งยังไม่มีสถานะเป็นสมาชิกพรรค พปชร.ตามกฎหมายให้ไปเป็นประธานเปิดการสัมมนาเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยพล.อ.ประวิตร ได้กล่าวเปิดใจในตอนหนึ่งในการสัมมนาว่า ตนพร้อมที่จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค แต่ให้ผ่านการแถลงนโยบายรัฐบาลไปก่อน ซึ่งเป็นคำพูดที่ยืนยันว่าพล.อ.ประวิตร ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพปชร.
ดังนั้นการที่พรรค พปชร.ได้เชิญพล.อ.ประวิตร ไปกล่าวในงานสัมมนา โดยเป็นการพูดลักษณะชี้นำ ครอบงำการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองก็เข้าข่ายความผิดตาม มาตรา28 แห่งพ.ร.ป.ว่าพรรคการเมือง ซึ่งมีความผิดตาม ม.92(3) เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคได้เช่นกัน ขณะเดียวกันในมาตรา 29 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ระบุว่าห้ามให้บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคไปดำเนินการชี้นำ ครอบงำพรรค ซึ่งมีความผิดตามมาตรา108 ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 10ปี และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และศาลจะสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งด้วย
เมื่อถามว่าถ้าหากหลังจากนี้พล.อ.ประวิตร ออกมาเปิดเผยว่าได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้วยังเข้าข่ายความผิดหรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า จากคำพูดของ พล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็นคำพูดที่ชัดเจนตามที่สื่อได้เสนอไปเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมาว่ายังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค พปชร. ดังนั้นตนก็ต้องมายื่นเรื่องก่อนว่า ถ้าวันที่ 22 ก.ค. พล.อ.ประวิตร ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพปชร. ก็ถือว่ากระทำความผิดแล้ว
เมื่อถามต่อว่าได้มีการอ้างว่าใช้สถานที่ดังกล่าวในการจัดประชุมพรรคเพื่อให้รับทราบถึงปัญหาว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีการบุกรุกป่าจำนวนมาก นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ฟังไม่ขึ้น ถ้าจะแก้ไขปัญหาโดยวิธีการนี้ เพราะถ้าเช่นนั้นส.ส.จะไปแก้ไขปัญหายาเสพติด ส.ส.ก็ต้องไปกินยาเสพติด เพื่อไปแก้ไขปัญหา ซึ่งก็ไม่ถูกต้อง
“มันคนละเรื่องกัน และกฎหมายไม่ได้รองรับในเรื่องเหล่านี้ อย่าแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต้องทำทุกอย่างให้เปิดเผยโปร่งใส ไม่ใช่ทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจเพราะคิดว่ามีอำนาจ” นายศรีสุวรรณ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี