‘สุเทพ’ยันโรงพักสร้างไม่เสร็จ ไม่เกี่ยวคนอนุมัติ เสียงแข็งพร้อมพิสูจน์ในศาล
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 7 สิงหาคม 2562 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวก เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ ก่อการร้าย มั่วสุมเพื่อก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง
ก่อนเข้าห้องพิจารณา นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ชี้แจงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด กรณีทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่ง เป็นเหตุให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ได้รับความเสียหาย เป็นเงิน จำนวน 1,728 ล้านบาท ว่า ตนได้เข้าไปชี้แจงหลายครั้งหลายหนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในที่สุด ป.ป.ช.ก็ได้สรุปและมีมติชี้มูล ทำให้ตนเองจะได้มีโอกาสไปพิสูจน์ความจริงในศาล เรื่องราวจะได้จบ เพราะว่าตนเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียงมาเยอะแล้ว
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ในฐานะคนที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ เรื่องที่เกิดขึ้นขอเรียนกับประชาชนว่าไม่มีความซับซ้อนอะไรเลย แต่เดิม ป.ป.ช.พยายามกล่าวหาว่าตนเองกระทำผิดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ในที่สุดก็ไม่มีความผิด เพราะว่ามติ ครม.เกี่ยวกับเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่มีอยู่จริง เพราะฉะนั้นฟังจากการแถลงของ ป.ป.ช.เมื่อวานนี้ กลายเป็นว่าตนเองเสนอเรื่องขออนุมัติ ครม.เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงวิธีจัดซื้อจัดจ้างใหม่ กลับไม่เสนอขอมติที่ประชุม ครม.อีก คล้ายกับว่าตนเองใช้อำนาจโดยมิชอบ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าการใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีดังกล่าว จะทำให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ซึ่งตนเห็นว่าอาจจะผิดจากข้อเท็จ
“เพราะข้อเท็จจริง คือ ครม.มีมติครั้งเดียวเมื่อวันที่ 17 ก.พ.2552 ให้สร้างสถานีตำรวจ 396 แห่งในวงเงิน 6,000 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีตามปกติ แล้วผูกพันงบประมาณเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งครม.อนุมัติเพียงครั้งเดียว เรียกว่าครม.อนุมัติโดยหลักการ” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างไม่ใช่อำนาจของ ครม.ในการอนุมัติ ไม่มีการอนุมัติในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการใด ที่จะต้องไปขออนุมัติจากมติ ครม. เพราะมีกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างว่าด้วยระเบียบพัสดุของสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วว่าเป็นอำนาจของหัวหน้าหน่วยงาน คืออธิบดี หรือถ้าเกินอำนาจของอธิบดี ก็เป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่คุมกระทรวงนั้น ดังนั้นที่กล่าวหาว่าตนเสนอครม.ครั้งหนึ่งแล้ว แต่พอจะเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดซื้อจัดจ้างกลับไม่เสนอขอมติครม.นั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งประเด็นนี้ตนจะนำไปพิสูจน์ให้ศาลได้เห็น
“ขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจ เพราะทั้งหมดนี้ที่ ป.ป.ช.กล่าวหาตนเอง ไม่เกี่ยวกับการทุจริตเลย เป็นเพียงประเด็นว่าตนใช้อำนาจหน้าที่ชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น เรื่องการทุจริตนั้นเป็นเรื่องที่ป.ป.ช.แจ้งมติชี้มูลตำรวจ ข้าราชการ หรือพ่อค้าคนอื่นในวันเดียวกัน ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าตนเองไปสมคบทุจริตกับเขาด้วย” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ ระบุว่า ประเด็นสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะชี้ให้ประชาชนได้เห็น คือ มีการประมูลกันโดยวิธี (อีอ๊อกชั่น) e-Auction โดยมีผู้เข้าประมูลหลายรายและแข่งขันกัน 70 กว่าครั้งในการประกวดราคา ผู้ที่เสนอราคาต่ำสุดนั้น ได้เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นข้อเท็จจริง
“การก่อสร้างที่ไม่แล้วเสร็จ ไม่ได้เกี่ยวกับการอนุมัติสั่งการของตน แต่เกี่ยวกับการบริหารสัญญาคือการกำกับควบคุมดูแลการก่อสร้าง เป็นที่น่าสังเกตว่าระหว่างการก่อสร้างกว่าจะทำสัญญาได้ก็นาน และเวลาก่อสร้างมีการขยายสัญญาหลายครั้ง โดย ผบ.ตร.หลายคน ซึ่งตนจะไม่พูดว่าใครถูกใครผิดอย่างไร เพราะเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องไปพิสูจน์ความจริงกันในศาล ด้วยพยานหลักฐานที่มีอยู่” นายสุเทพ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี