ศึกในป.ป.ช.ร้อนระอุ"ประหยัด"โต้ลั่นโดนกลั่นแกล้งปมถูกฟันปกปิดบัญชีฯ 227 ล้าน ลั่นเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของ ‘ภรรยา’ แฉเหตุเป็นแคนดิเดตชิงเลขาฯ ลุยฟ้อง‘วรวิทย์’ต่อศาลคดีทุจริตภาค 1 ไปแล้ว พร้อมเขี่ยลูกให้ส.ส.ถอดถอนล้มป.ป.ช.ทั้งคณะ
เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 15 สิงหาคม 2562 ที่โรงเเรมริชมอนด์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตรแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พร้อมทนายความ แถลงข่าวกรณีถูกป.ป.ช.มีมติเอกฉันทร์ชี้มูลความผิด ฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ จำนวน 6 รายการ ซึ่งเป็นทรัพย์สินให้ของ นางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส โดยเป็นทรัพย์สินในประเทศ 2 รายการ รวม 2,010,000 บาท และทรัพย์สินในต่างประเทศ 4 รายการ รวม 225,383,103 บาท มูลค่ารวม 227,393,103 บาท
นายประหยัด กล่าวว่า ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2560 ต่อมาได้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาลอนดอน ที่ภรรยาทำธุรกิจกับชาวต่างประเทศ และขอกู้เงินเพื่อซื้อห้องชุดที่แจ้งว่าได้โอนกรรมสิทธิ์และปิดบัญชีไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถปิดได้ จึงได้ยื่นแสดงรายการบัญชีธนาคาร 3 บัญชีเพิ่มเติม ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 เรียบร้อยแล้ว จึงไม่เจตนาปกปิดแต่อย่างใด และชี้แจงว่าเป็นการที่ภรรยาถือครองกรรมสิทธิ์แทนบุคคลอื่นที่ทำธุรกิจร่วมกันและได้ยื่นเพิ่มเติมปรากฏต่อคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว
นายประหยัด กล่าวว่า การดำเนินการคดีดังกกล่าว เป็นการกลั่นแกล้ง และดำเนินการไม่ชอบหลายประการไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ตน ที่ผ่านมาคณะกรรมการป.ป.ช. และเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช.ไม่เคยให้โอกาสให้ตนได้ให้ถ้อยคำชี้แจงด้วยวาจา และไม่เคยให้เข้าพบ หรือมีการเปิดโอกาสให้ได้อธิบายชี้แจงแต่อย่างใด และไม่เคยแจ้งผลการพิจารณาตามหนังสือขอความเป็นธรรม ทั้งที่ได้ร้องขอความเป็นธรรมหลายครั้งเป็นการพิจารณาไต่สวนเพียงฝ่ายเดียว
นอกจากนี้การดำเนินการไต่สวนไม่ชอบ ไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ. ศ. 2561 มาตรา 114 ต้องพิสูจน์เจตนาและการดำเนินการกับข้าราชการป.ป.ช.โดยเฉพาะตามระเบียบ มีการปกปิดพยานเอกสารและข้อมูลที่นำมาเป็นเหตุการแจ้งข้อกล่าวหาโดยไม่ให้ตนตามพยานเอกสารในสำนวน หรือมอบหมายอนุกรรมการไต่สวนมาชี้แจงทำให้ตนไม่สามารถชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไม่ถูกต้องเหมือนคดีปกปิดทรัพย์สินทั่วไปหรือคดี
นายประหยัด กล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินการไต่สวน ก็ไม่เป็นเหมือนคดีอื่นทั่วไปที่มีการมีหนังสือขอให้มาชี้แจงโดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา พยานเอกสารที่ใช้กล่าวหา เช่น หนังสือสำนักงานป.ป.ง.จากต่างประเทศ ยังไม่มีการพิสูจน์ตามกระบวนการไต่สวนว่า ได้มาโดยชอบและเป็นข้อเท็จจริงตามนั้นหรือไม่ เพียงเชื่อว่าก็นำมาปรักปรำกล่าวหาให้ข่าวว่า ตนมีทรัพย์สินมากถึง 260 ล้านบาทนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเท็จทั้งสิ้น ไม่เคยมีทรัพย์สินจำนวนมากถึงขนาดนั้น
"ต้องการกลั่นแกล้งผมโดยการกล่าวอ้างว่า มีทรัพย์สินจำนวนมากโดยเป็นการนับจำนวนเงินในปี 2559 ก่อนยื่นบัญชีทรัพย์สินและบัญชีเงินจากบัญชีกระแสรายรับของการสั่งจ่ายเช็คซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันใดๆทั้งสิ้น ผมไม่มีเงินหรือทรัพย์สินใดๆที่มาจากการกระทำที่ทุจริตใดๆทั้งสิ้น"นายประหยัด กล่าว
และว่าเนื่องจากกระบวนการไต่สวนที่เร่งรัดดำเนินการผิดปกติและไม่เป็นมาตรฐานตามข้อกฎหมายมีเจตนากลั่นแกล้งตนในฐานะรองเลขาธิการคณะกรรมการปปชอาวุโสระดับหนึ่งรับราชการมาด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ได้รับรู้การทำงานภายในสำนักงานป.ป.ช.มาอย่างต่อเนื่องและยืนหยัดกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมจึงต้องพิสูจน์ความถูกต้องและขอความเป็นธรรมต่อศาลยุติธรรม
"ดังนั้นผมจึงได้ฟ้องนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาคหนึ่งในข้อหาหรือฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157 เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท.40/2562 และจะฟ้องร้องดำเนินคดี กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอีกหลายคนที่ทำเป็นกระบวนการต่างกรรมต่างวาระหลายครั้งต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ต่อไป"นายประหยัดกล่าว
นอกจากนี้การมีข้อบกพร่องสำคัญผิดในการยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ และเป็นเรื่องของภรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งเป็นคนละคนกันย่อมมีความเข้าใจผิดได้เมื่อรัฐธรรมนูญได้เพิ่มเจตนาจึงจำเป็นอย่างยิ่งว่าผู้มีอำนาจใช้กฎหมายต้องใช้หลักนิติธรรมในการพิจารณาอย่างเป็นธรรม และหากตนมีเจตนาปกปิดบัญชีทรัพย์สินจริงๆคงไม่ยื่นบัญชีเพิ่มเติมอย่างแน่นอนส่วนมูลเหตุการกันแกล้งตนเอง ให้ถูกดำเนินคดีครั้งนี้เชื่อว่า เกิดจากปัญหาความขัดแย้งในการปฎิบัติหน้าที่ระหว่างตนเองกับเลขาธิการปปช.
นายประหยัด กล่าวด้วยว่า ขอฝากสื่อมวลชน องค์กรยุติธรรมต่าง ๆ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเปิดโอกาสเรื่องหนึ่งที่สำคัญ คือการถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. ฝากเรียนไปยังพรรคการเมือง หรือ ส.ส. พรรคต่าง ๆ ถ้าเห็นว่าประเด็นตนมีข้อไม่เป็นธรรม ควรหยิบยกไปไต่สวนในสภา ขอเชิญมาบอกกับตนได้ จำนวนสมาชิก 125 เสียงเพื่อยื่นเรื่องต่อประธานสภา ไต่สวนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะ หรือประชาชน 2 หมื่นรายเข้าชื่อถอดถอนในประเด็นการดำเนินการที่มิชอบได้ ตนยินดีให้ความร่วมมือในกระบวนการว่าถูกต้องหรือไม่
เมื่อถามว่า คดีนี้มีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจเกี่ยวข้องกับคดีเครือ ปตท. ลงทุนปลูกปาล์มที่อินโดนีเซีย นายประหยัด กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นนานมาก ตนไม่เคยยุ่งเลย เคยไปอินโดนีเซียแค่ครั้งเดียวกับนายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. โดยไปศึกษาดูงาน ไม่เคยรู้จักเจ้าหน้าที่ ปตท. และภรรยาตนไม่เคยไปอินโดนีเซีย ไม่เคยรู้จักเหมือนกัน แต่เห็นว่าเป็นกรรมการผู้จัดการในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน มีการเชื่อมโยง คิดเอาเองทั้งนั้น สิ่งเหล่านี้ไม่มีการพิสูจน์ ต้องพิสูจน์ให้ชัดก่อน
เมื่อถามว่า มูลเหตุที่ทำให้เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันคืออะไร นายประหยัด กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมกับนายวรวิทย์ สุขบุญ แต่เมื่อนายวรวิทย์เป็นเลขาฯ ตนได้เป็นรองเลขาฯ และถูกลดบทบาทในการทำงาน บางครั้งต้องรักษาการรองเลขาฯ และสุ่มเสี่ยงถูกประเมินผลงานให้ถูกออกจากราชการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี