‘พิชัย’เศร้าพิษเศรษฐกิจทำคนไทยฆ่าตัวตายเพิ่ม สบช่องจี้‘บิ๊กตู่’เปลี่ยนทีมศก.
23 สิงหาคม 2562 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวว่า ตามที่มีข่าวแทบทุกวันว่าคนไทยฆ่าตัวตายจากพิษเศรษฐกิจที่ตกต่ำ โดยบางครั้งก็ฆ่าตัวตายพร้อมภรรยา และลูกๆด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง จากข้อมูลพบว่ามีคนไทยฆ่าตัวตายเดือนละกว่า 340 รายแล้ว รู้สึกเป็นห่วงว่าหากเศรษฐกิจไทยแย่ลงตามเศรษฐกิจโลกที่ทำท่าจะแย่ลงจากสัญญาณเตือนทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยจะยิ่งมีปัญหาการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นไปอีก จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยด่วน
ทั้งนี้ หากเห็นว่าบุคลากรที่บริหารเศรษฐกิจชุดเดิมแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้แล้ว เช่น ขณะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพิ่งจะพูดว่าเศรษฐกิจไทยเชื่อมต่อรัฐบาลเก่าและใหม่กำลังไปด้วยดี แต่จีดีพี กลับโตได้แค่ 2.3% เท่านั้น เหมือนกับถูกตบหน้าดิสเครดิตอย่างรุนแรง ดังนี้จึงควรหาบุคลากรชุดใหม่ให้เข้ามาช่วยแก้ไขเศรษฐกิจแทน ตามที่ในสภามีการนำคำพูดที่ อัลเบิร์ต ไอน์ไตน์ พูดไว้ว่า คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม แต่หวังผลที่เปลี่ยนแปลงคงเป็นไปไม่ได้ เช่นไหนก็เช่นกัน ใช้คนชุดเดิม คิดและทำแบบเดิมมา 5 ปี จะหวังว่า เศรษฐกิจจะดีขึ้นคงเป็นไปไม่ได้เช่นกัน
นายพิชัย ระบุว่า ตามที่ได้เคยบอกไว้ถึงเหตุผลหนึ่งที่นายสมคิด ยอมยกให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพราะทราบดีว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้ต้องย่ำแย่แน่ ซึ่งก็เป็นจริง เพราะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ขยายได้เพียง 2.3% เท่านั้น ซึ่งทำให้ปีนี้โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะขยายได้เพียง 3% ก็ยังเป็นไปได้ยากถึงยากมาก เพราะครึ่งปีขยายได้เพียง 2.6% เท่านั้น แม้รัฐบาลจะพยายามทั้งแจกทั้งแถมกว่า 3 แสนล้านบาทก็คงจะช่วยไม่ได้มากนัก เพราะครึ่งปีแรกรัฐบาลทั้งแจกทั้งแถม ทั้งมีการเลือกตั้ง เศรษฐกิจก็ยังขยายตัวได้ต่ำเตี้ย
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังละอายที่จะบอกว่าเป็นการแจกเงิน ทั้งที่แจก 500 บาทเข้าบัตรคนจน แจก 500 บาทเข้าบัตรคนแก่ แจก 300 บาทเข้าแม่ลูกอ่อน แจก 1,000 บาท ให้เที่ยวเมืองรอง แต่กลับปฏิเสธว่าไม่ใช่การแจกเงิน แต่เป็นนโยบายการคลัง ถึงแม้จะเล่นคำอย่างไร แต่ประชาชนก็ทราบว่านี่คือการแจกเงิน ไม่รู้จะอายไปทำไม ทำอะไรแบบกล้าๆกลัวๆจึงไม่เคยประสพความสำเร็จมาตลอด
“โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์เองก็ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจ ทั้งที่ความจริงการแจกเงินในภาวะที่ย่ำแย่ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิด แต่รัฐบาลต้องมีแนวทางที่ชัดเจนที่จะนำประเทศก้าวไปข้างหน้าและสร้างความมั่นใจให้ได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันมีแต่การแจกเงินแต่ประชาชนไม่รู้ทิศทางของประเทศ เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักลงทุนชาวต่างประเทศได้ ซึ่งการสร้างความมั่นใจนี้ต้องคิดให้ครบกรอบ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองด้วย” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้หากจำกันได้ตนได้ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย โดย คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง. ) ได้ลดดอกเบี้ยก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐจะลดดอกเบี้ย เพราะสหรัฐจะต้องลดอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ค่าบาทอ่อนลงก่อน และอ่อนมากกว่า แต่การที่แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐลดดอกเบี้ยแล้ว จึงทำให้ค่าเงินบาทไม่อ่อนค่า เพราะเป็นการทำทีหลัง
ทั้งนี้ ในขณะนี้ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยอีกและอาจจะลดถึง 0.5% เพื่อป้องกันเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ จึงอยากให้แบงก์ชาติได้ศึกษาบทเรียนในอดีต และตัดสินใจให้ดี เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้ การทำให้ค่าเงินบาทอ่อนในภาวะสงครามการค้าน่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยมากกว่า ในขณะที่จีนยังตัดสินใจลดค่าเงินหยวนเพื่อชิงความได้เปรียบทางการค้าก่อนแล้ว ในสถานการณ์ของโลกที่ผันผวน แบงก์ชาติไทยควรจะต้องคิดและออกมาตรการล่วงหน้าไว้ก่อน
ดังนั้นการที่นายสมคิดจะตั้งคณะกรรมการเพื่อดูแลค่าเงินบาทก็ไม่ผิด แต่ควรทำตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่นายอภิศักดิ์ อดีต รมว.คลัง บ่นแบงก์ชาติและตนก็ได้ออกมาสนับสนุนแล้ว แต่ทั้งนี้ต้องมั่นใจว่า รมว. คลังคนใหม่ และทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่จะต้องมีความรู้ความสามรถเพียงพอ มิเช่นนั้นอาจจะยิ่งสร้างความเสียหายให้กับประเทศมากขึ้นไปอีกได้ เพราะที่ผ่านมาก็ได้ทำความเสียหายให้กับประเทศมากมายอยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี