เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2562 เวลา 13.00 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ไต่สวน สอบสวนเอาผิด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จำนวน 13 คน จาก 5 พรรคการเมือง ซึ่งปรากฏ ตามแบบแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช.ว่า ได้ครอบครองที่ดินประเภท ภ.บ.ท.5 และหรือ ส.ป.ก.4-01 กันเป็นจำนวนมาก โดยที่น่าจะขาดคุณสมบัติของการมีสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ ส.ส. ทั้ง 13 ราย ประกอบด้วย
1.นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี สส.กทม. พรรคอนาคตใหม่ มีที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 10 ไร่ 20 ตรว.
2.นายศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด พรรคอนาคตใหม่ มีที่ดิน ส.ป.ก.4-01 จำนวน 22 ไร่ 47 ตรว.
3.พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ สส.กำแพงเพชร พรรค พปชร.มีที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 2 งาน 88 ตรว.
4.น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ พรรค พปชร.มีที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 50 ไร่
5.นายวุฒิพงษ์ นามบุตร สส.อุบลราชธานี พรรค ปชป.มีที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 2 แปลงเนื้อที่รวม 16 ไร่ 2 งาน 3 ตรว.
6.นายสุพล จุลใส สส.ชุมพร พรรค รปช.มีที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 2 แปลงเนื้อที่รวม 17 ไร่ 37 ตรว.
7.นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ สส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป.มีที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 4 แปลงเนื้อที่รวม 70 ไร่
8.นายมานพ ศรีผึ้ง สส.นครสวรรค์ พรรคภูมิใจไทย มีที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 2 แปลงเนื้อที่รวม 27 ไร่ 40 ตรว.
9.นายสฤษดิ์ บุตรเนียร สส.ปราจีนบุรี พรรคภูมิใจไทย มีที่ดินทั้ง ภ.ท.บ.5 และ ส.ป.ก.4-01 จำนวนรวม 2 แปลง เนื้อที่รวม 13 ไร่ 47 ตรว.
10.นายสนอง เทพอักษรณรงค์ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย มีที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ข จำนวน 2 แปลงเนื้อที่ 7 ไร่ 2 งาน 5 ตรว.
11.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย มีที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 30 ไร่ 12.นายสุชาติ ภิญโญ สส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย มีที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 2 แปลง เนื้อที่ 295 ไร่ 3 งาน 33 ตรว.
และ13.นายสงวน พงษ์มณี สส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย มีที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ก จำนวน 1 ไร่ 2 งาน 81 ตรว.
ทั้งนี้ ส.ส.แต่ละรายล้วนมีรายได้และทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก และไม่ได้มีอาชีพทำเกษตรกรรมเป็นหลัก การมีที่ดิน ภ.ท.บ.5 และหรือ ส.ป.ก.4-01 ซึ่งเป็นที่ดินของทางราชการที่มีไว้แจกให้เฉพาะคนยากจน ไร้ที่ทำกินเท่านั้น จึงขัดต่อ พรบ.ส.ป.ก.2518 ประกอบ พรฎ.กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเป็นเกษตรกร พ.ศ.2535 และมติคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ครั้งที่ 1/2555 เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2555 ได้กำหนดอัตรารายได้ของผู้ยากจนไว้ คือ ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อคนต่อปีเท่านั้น ซึ่งการเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินดังกล่าว อาจผิด ม.54 พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ม.14 พรบ.ป่าไม้ 2484 และ ม.9 ประมวลกฎหมายที่ดิน และ ม.97 พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 ซึ่งมีโทษทางอาญาค่อนข้างสูงด้วย
ดังนั้น ส.ส.ทั้ง 13 คนซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนฝ่ายนิติบัญญัติ ย่อมรู้ว่า ตนเองเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติของการได้สิทธิในการครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. หรือ ภ.บ.ท.5 ดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น แต่กลับไม่ยอมสละที่ดินดังกล่าวคืนให้รัฐเพื่อนำไปจัดสรรให้กับผู้ยากไร้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ซึ่งเท่ากับว่า อาจมีเจตนาที่จะทุจริตต่อหน้าที่และฝ่าฝืนกฎหมายอันเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ 2561 อย่างร้ายแรงในข้อ 7 ข้อ 8 และข้อ 9 และยังเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลักในข้อ 11 ข้อ 12 ข้อ 17 และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมทั่วไปในข้อ 21 ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.219 บัญญัติอีกด้วย สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการไต่สวน สอบสวน เพื่อดำเนินการเอาผิดหรือลงโทษ ส.ส.ทั้ง 13 คนตามกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี