จ่อลงโทษงูเง่าสถานหนัก! “พท.” ตั้ง 5 คกก.สอบ 3 งูเห่า ชี้หากพบมีความผิดร้ายแรง ดำเนินการทางอาญา -ลงโทษสถานหนักขับออกจากพรรค - ไม่ส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. เวลา 11.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ นายชัยเกษม นิติสิริ คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ร่วมแถลงข่าวตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีการเกิดงูเห่าในพรรคการเมือง
โดยนายสมพงษ์ กล่าวว่า ตามที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้มีมติเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของ คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและเป็นไปตามอุดมการณ์และนโยบายของพรรคที่จะต้องคัดค้านต่อต้านการรัฐประหาร แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าในการประชุมสภาฯผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ส.ส.พรรครัฐบาลเสนอให้ลงคะแนนใหม่ โดยมีเจตนาจะล้มญัตติดังกล่าว ได้มี ส.ส.ของพรรค 3 คน ร่วมประชุมเพื่อให้ครบองค์ประชุมในการลงมติครั้งนี้ด้วย ทำให้เกิดความเสียหายต่อพรรคและภาพลักษณ์ของการเป็นพรรคฝ่ายค้านเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่มติพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นชอบไม่ให้ ส.ส.ฝ่ายค้านเข้าร่วมประชุม
ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง กรณี ส.ส.ของพรรคทั้ง 3 คนได้เข้าร่วมประชุมในวันดังกล่าว อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ.2561 ข้อ 63 (7) แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคณะ โดยมี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานกรรมการ นายชัยเกษม นิติสิริ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชูศักดิ์ ศิรินิล กรรมการ และนายวัฒนา เตียงกูล เลขานุการ โดยใช้เวลา 7-10 วัน โดยให้ตรวจสอบและแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ ส.ส.ของพรรคได้เข้าร่วมประชุมในวาระพิจารณาญัตติข้างต้น เชิญ ส.ส.ของพรรคที่เกี่ยวข้องและที่มีข้อมูลมาให้ข้อเท็จจริงหรือส่งมอบเอกสารหลักฐาน และสรุปข้อเท็จจริงและข้อเสนอแนะเสนอหัวหน้าพรรคเพื่อพิจารณาและดำเนินการต่อไป
เมื่อถามถึงการดำเนินการเอาผิด ส.ส.สถานหนักของพรรคคืออะไร นายชัยเกษม กล่าวว่า ในความเป็นสมาชิกพรรค ก็ต้องดำเนินการตามมติพรรค ส่วนจะลงโทษหนักแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่สอบได้ หากพบว่า ส.ส.ถูกชักจูงด้วอามิสสินจ้าง ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะถือว่ามีความผิด หากทำผิดถึงขั้นร้ายแรงอาจถึงขั้นขับออกจากพรรค ไม่ส่งลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งต่อไป ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงเพราะอนาคตการเป็น ส.ส.แทบจะเป็นหมดไป
เมื่อถามว่ารัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. นายชูศักดิ์ กล่าวว่า แม้ว่ารัฐธรรมนูญและกฎหมายพรรคการเมืองเขียนไว้ว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. แต่ ส.ส.ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายพรรคการเมืองและข้อบังคับของพรรค เพราะ ส.ส.จะลงสมัครอิสระไม่ได้ ต้องสังกัดพรรคการเมือง ดังนั้นเมื่อพรรคมีมติ ส.ส.ต้องเคารพมติพรรค
นายภูมิธรรม กล่าวว่า คณะกรรมการฯ จะเข้าไปตรวจสอบขึ้นกับข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการใช้เงินซื้อและมีการรับเงินจริง ก็จะดำเนินการเอาผิดทางอาญาต่อไปด้วย มาตรการสูงสุดคือขับออกจากพรรค ไม่ส่งลงสมัครไปจนถึงภาคทัณฑ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี