วิ่งไล่-เดินเชียร์ส่อรุนแรง
‘บิ๊กตู่’กังวล
สั่งฝ่ายความมั่นคงจับตา
หวั่นซ้ำรอยวิกฤติในอดีต
ลั่นพร้อมชี้แจงซักฟอกรบ.
‘เฉลิมชัย’ปัดถูกยิงบ้านพัก
“บิ๊กตู่” สั่งฝ่ายความมั่นคงทบทวนจัด “วิ่งไล่-เดินเชียร์”แบ่งประชาชนเป็น 2 ฝ่าย ลั่นไม่อยากให้เกิดชนวนความขัดแย้งรุนแรงซ้ำรอยอดีต “บิ๊กป้อม”เบรกจัดวิ่งไล่ลุงรอบ 2 ที่เชียงใหม่ หวั่นทำสังคมแตกแยก “บิ๊กป๊อก” ปัดห้าม “วิ่งไล่ลุง” ต้องอยู่ในขอบเขตกฎหมายอย่าทำวุ่นวายกระทบเศรษฐกิจ-ชีวิตประชาชน ส่วนศึกซักฟอกทั้ง’บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’ต่างพร้อมชี้แจง รวมทั้งรมต.ซีกพปชร.ขณะที่”วิษณุ”ชี้หลังยื่นญัตติฯ ต้องให้เวลา ครม.เตรียมตัว7วัน โยน”ชวน”ชี้ขาดขุดเรื่องเก่ามาอภิปรายได้หรือไม่‘เฉลิมชัย’ปัดถูกยิงบ้านพัก
เมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงข้อห่วงใยที่มีการจัดกิจกรรม”เดินเชียร์ลุง”และ”วิ่งไล่ลุง”จะกลายเป็นชนวนเพิ่มความขัดแย้งในสังคมรอบใหม่ว่าตนก็เห็นสื่อมีการประโคมข่าวกันทุกวันทั้งสองฝ่าย ซึ่งตนได้ให้ฝ่ายความมั่นคงเข้าไปดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป
สั่งมั่นคงทบทวนวิ่งไล่-เดินเชียร์
“เพราะไม่อยากให้ประชาชนถูกแยกเป็นสองฝ่ายรวมถึงที่มีหลายคนหลายพรรคไปแยกคนแยกชนชั้นเป็นกลุ่มนู้นกลุ่มนี้หรือแยกตามGenerationว่าเป็นวัยเยาวชนคนรุ่นใหม่ กับคนรุ่นเก่าซึ่งมองว่าไม่ได้เกิดอะไรที่ดีกับบ้านเมืองจึงต้องหาทางร่วมมือกัน เดี๋ยวฝ่ายความมั่นคงจะทบทวนเรื่องนี้อีกทีไม่ว่าจะเชียร์ไม่ว่าจะไล่อะไรก็แล้วแต่ อะไรที่ทำให้เกิดสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นอย่างที่เคยเกิดมาแล้วในอดีต ผมก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ใครจะอยากให้เกิดขึ้นอีก เรื่องวิ่งไล่ วิ่งเชียร์ ก็ว่ากันไป ผมตอบแค่นี้”นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำ
พร้อมชี้แจงซักฟอกทุกประเด็น
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการเตรียมข้อมูลชี้แจงประเด็นต่างๆที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ได้เตรียมความพร้อมและข้อมูลต่างๆมาโดยตลอด เตรียมอธิบายในข้อเท็จจริงโดยทุกอย่าง ต้องอยู่ในกระบวนการของกฎหมายเพราะรัฐบาลทำงานมาด้วยกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ก็จะต้องรอฟังอีกทีว่าจะยื่นญัตติในประเด็นใดบ้าง ทุกคนมีโอกาสที่จะพูดได้ทุกเรื่องซึ่งตนก็พร้อมที่จะชี้แจง ซึ่งตนมีเจตนาอันบริสุทธิ์ในการทำงานชี้แจงในข้อเท็จจริง
บิ๊กป้อม’เบรกจัด’วิ่งไล่-เดินเชียร์’
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีนายธนวัฒน์ วงศ์ไชย หรือ “บอล” แกนนำผู้จัดงาน วิ่งไล่ลุง ประกาศว่าจะจัดกิจกรรม “วิ่ง ไล่ ลุง”ครั้งที่สองในวันที่ 2 ก.พ.ที่จ.เชียงใหม่ ว่า ตนไม่อยากให้วิ่งหรือเดินแล้ว เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม และเป็นปัญหาที่จะทำให้รัฐบาลเดินไปข้างหน้า ขอให้มาช่วยกันแก้ไขปัญหาจะดีกว่า ขอไม่ต้องไปวิ่งหรือเดินอะไรแล้ว
เมื่อถามว่าจะไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรมดังกล่าวได้แล้วหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ แล้วแต่เรื่องกฎหมาย เมื่อถามย้ำว่าดูเหมือนนายธนาธรไม่ปฏิเสธว่า กิจกรรม”วิ่ง ไล่ ลุง”เป็นจุดเริ่มต้นของการชุมนุม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าไม่มีการเริ่มต้น ให้ลองไปถามนายธนาธรเอง
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมจะยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 20 ม.ค.นี้ ว่า เราเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ไม่มีอะไรน่าหนักใจ และเชื่อว่าจะชี้แจงในทุกเรื่องได้ เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายหรือทำในสิ่งที่ไม่โปร่งใส
โยนปชป.คุย“เทพไท”โจมตี รบ.
ส่วนกรณีนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาโจมตีรัฐบาลจะต้องไปพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล พล.อ.ประวิตรตอบว่าคงต้องให้พรรคประชาธิปัตย์ไปพูดคุยกับนายเทพไท เพราะหัวหน้าพรรคเขาก็ร่วมกับเราอย่างดีส่วนตัวไม่รู้ว่า ในพรรคเขามีปัญหาอะไรกัน แต่ในส่วนรัฐบาล ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขา ก็ต้องไปถามนายเทพไท และเรื่องดังกล่าว ไม่นำไปสู่การปรับ ครม. เพราะเป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะต้องไปตกลงกันเอาเอง ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องปรับ ครม.
มท.1ย้ำวิ่งไล่ลุงต้องอยู่ในขอบเขต
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่อยากให้จัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ว่า การจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ถือเป็นสิทธิ ขณะนี้เราเป็นประชาธิปไตย หากไม่ผิดกฎหมายทำได้ก็ทำ แต่ฐานะที่ตนดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยเคยผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาแล้วคิดว่าขอให้แสดงออกในขอบเขตและคำนึงถึงส่วนรวม ไม่อยากให้ประเทศชาติวุ่นวายจะมีผลกระทบไปยังส่วนอื่นไม่ว่าเรื่องเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งขณะนี้ไม่มีอะไรที่ผิดจนถึงขนาดต้องออกมาแสดงออกนอกสภาฯ ยังไม่มีอะไรเลวร้าย ทุกอย่างยังเป็นไปตามกฎหมายอยู่
ศรีฯจี้ใช้กม.เข้มข้น-สกัดวุ่นวาย
ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเผยว่าในอนาคตเชื่อว่าจะมีกิจกรรมวิ่งไล่ลุง และเดินเชียร์ลุงเกิดขึ้นต่อเนื่องซึ่งจะเป็นการก่อหวอดความขัดแย้งในสังคมกลับมารอบใหม่ เหมือนสมัยเสื้อเหลือง เสื้อแดง ทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคม เป็นการเปิดประตูให้อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซงด้วยการทำรัฐประหาร กลับไปสู่การยึดอำนาจยกเลิกรัฐธรรมนูญแล้วร่างใหม่ในวังวนเดิมๆ ปัญหาของประเทศ ก็ไม่ได้รับการแก้ไขทั้งที่ทุกฝ่ายควรเดินหน้าเคารพกติกาแล้วใช้หลักการตามรัฐธรรมนูญในการต่อสู้ทางการเมือง มากกว่าการใช้วิธีการเป็นสงครามตัวแทนทั้งเดินเชียร์ลุงหรือวิ่งไล่ลุง
“สะท้อนให้เห็นว่าผู้ยึดอำนาจเมื่อ5ปีก่อนบอกว่าจะสร้างความปรองดอง ความสมานฉันท์ แต่เห็นภาพชัดเจนว่าเป็นความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง สิ่งที่จะระงับกิจกรรมเหล่านี้ได้คือ การใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวด ต้องไม่มี2มาตรฐาน แม้จัดกิจกรรมจัดได้ ถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องบังคับไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ ต้องเรียกผู้จัด หรือผู้ขออนุญาตจัดชุมนุมมาดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายเพื่อให้หลาบจำ ไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่เช่นนั้นทั้ง2กลุ่ม จะย่ามใจ จัดต่อเนื่อง ทำให้เกิดความวุ่นวาย ดังนั้น การใช้กฎหมายเข้าไปกำกับต้องเข้มข้น อย่ามัวแต่รำมวย แล้วปล่อยให้บ้านเมืองวุ่นวาย กระทบไปทั้งระบบ เกิดขัดแย้งที่เกิดขึ้น ประชาชนทั่วไปจะสูญเสียประโยชน์ เสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ หากสังคมไม่สงบ กระทบถึงปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ซ้ำเติมสถานการณ์” นายศรีสุวรรณ กล่าว
‘โรม’โวยวิ่งไล่ลุงบุรีรัมย์ถูกเรียก
ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.)กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีบางจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสานที่มีการจัดงาน”วิ่งไล่ลุง”และมีผู้ร่วมงานบางรายถูกหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหาพ.ร.บ.ชุมนุมฯว่า เท่าที่ทราบ มี จ.บุรีรัมย์ที่มีหมายเรียกออกมาแล้วและอาจจะมีจังหวัดอื่นอีก นอกจากนี้ ยังมีกรณีนักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ที่ถูกคุกคาม ผ่านกระบวนการทางสังคม ตนได้เข้าไปคุยกับผู้ที่ได้รับผลกระทบแล้ว
ข้องใจตำรวจมีหลายมาตรฐาน
“จากที่ได้สัมผัสการจัดงานที่สวนรถไฟวชิรเบญจทัศน์ ใน กทม.ก็เห็นว่าทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและข้าราชการนั้น มีแนวทางการปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน ขณะที่การชุมนุมทางการเมืองที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ.ชุมนุมมีข้อยกเว้นเรื่อง งานกีฬา หากจะดูว่า เข้าข่ายหรือไม่ ต้องดูว่ามีเรื่องอื่นประกอบ จากได้ฟังคำชี้แจงของตำรวจก่อนการจัดงานเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา เขาก็ไม่ได้นำพ.ร.บ.ชุมนุม มาเป็นเงื่อนไขการจัดงาน หรือ แม้แต่จะพูดถึงเลยด้วยซ้ำ แต่เขาตั้งเงื่อนไขเป็นเรื่องอื่น ตามความเห็นส่วนตัวของผม ก็เลยก็มีข้อสงสัยว่า ทำไมงานที่จัดถึงมีการใช้สอง หรืออาจจะหลายมาตรฐาน ในแต่ละพื้นที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำหารือในที่ประชุม กมธ.กฎหมายฯในวันที่ 15 ม.ค.นี้”นายรังสิมันต์ ย้ำ
วิษณุชี้ยื่นซักฟอก ให้เวลารบ.7วัน
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 20 ม.ค. เพื่อขออภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า เป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลต้องไปคุยกัน ต้องมาถามรัฐบาลว่ารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายอยู่ชี้แจงหรือไม่ เรื่องเหล่านี้ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันได้ โดยผ่านกระบวนการวิปเพื่อแจ้งให้ประธานสภาฯทราบว่าจะเป็นวันใด อีกทั้ง กรณีที่มีผู้ถูกอภิปรายหลายคนควรให้เวลาในการเตรียมการอย่างน้อย 7 วัน ปกติการประชุมสภาฯคือวันพุธกับวันพฤหัสบดีคงต้องให้ลงล็อก
ส่วนที่ฝ่ายค้านเลือกยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 20 ม.ค.เกรงอาจจะต้องไปอภิปรายช่วงตรุษจีน ตรงวันที่ 25 ม.ค.จะไม่มีคนฟัง นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อเขายื่นมา วันที่ 20 ม.ค.อย่างไรก็ไม่ตรงอยู่แล้วและแค่เพียงรัฐบาลก็เตรียมตัวไม่ทันอยู่แล้ว ถ้าจะระวังก็ระวัง อย่าให้ตรงกับวันมาฆบูชาเท่านั้น
โยน’ชวน’ชี้ขาดขุดเรื่องเก่าถล่ม
เมื่อถามว่าจะสะดวกตลอดในการชี้แจงใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ขอตอบ แต่ก่อนหน้านี้ฝ่ายค้านได้บอกข้อสอบมาแล้วครึ่งหนึ่ง ที่เหลือไม่ต้องไปเก็ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะการระบุข้อหาเป็นการระบุกว้างๆให้รู้ว่าเรื่องอะไร แต่คำถามจะเป็นเรื่องอะไรก็เป็นได้ทุกเรื่อง เหมือนกับกระทู้ถามสดที่วกไปเรื่องนั้นเรื่องนี้ เป็นเรื่องธรรมดา คนที่อยู่ในแวดวงการเมืองต้องเข้าใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และไม่ถึงกับการกังวลหากจะมีการนำเรื่องเก่ามาอภิปราย เพราะทุกเรื่องตอบได้ แต่จะถูกระเบียบหรือไม่นั้น อยู่ที่การวินิจฉัยของประธานสภาฯ หากประธานสภาฯบอกว่าได้ ก็ตอบไป
พปชร.พร้อมสู้ศึกซักฟอกรบ.
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าเมื่อชัดเจนแล้วว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะอภิปรายอย่างไร พปชร.จะต้องหารือกัน ในการเตรียมการเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งเราได้ติดตามข่าวสารอยู่ซึ่งรัฐบาลพร้อมตอบตามข้อเท็จจริงว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการมาในช่วงการทำงาน 6 เดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ตามประเด็นที่ฝ่ายค้านจะหยิบยกขึ้นมา ส่วนฝ่ายค้านอาจจะขุดเรื่องเก่าในอดีตขึ้นมาอภิปรายเป็นหลักนั้น ต้องดูว่าการอภิรายนั้นอยู่ในกรอบอะไร จะอยู่ในความเกี่ยวข้องกับการเป็นรัฐบาลอย่างไร ขอให้มีความชัดเจนกว่านี้
ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านเตรียมจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นการแบนสารเคมีว่า “เดี๋ยวดูก่อนครับ ไม่เป็นไร ผมพร้อมอยู่แล้ว”
‘เฉลิมชัย’แจงปมเหตุคนยิงร้านฯ
วันเดียวกัน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงกรณีที่มีข่าวเกิดเหตุมีคนร้ายยิงใส่บ้านพักนั้นว่า จุดดังกล่าวเป็นสำนักงานซึ่งอยู่ในบริเวณร้านอาหารบ้านดาวล้อมเดือน ถ.ราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับบ้านพัก และเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเอง ที่คนเข้าใจผิด เพราะสถานที่ที่ไปเช่าเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ 4ไร่ ซึ่งมีสำนักงานอื่นอยู่ด้วย จุดที่ถูกยิงอยู่ห่างจากบ้านผมไปประมาณ100 เมตร ส่วนสาเหตุการยิง จะมาจากเรื่องใดนั้น ไม่ทราบ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับตนอย่างแน่นอน และขอยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใคร
วิปค้านยันมติไม่ส่งตัว3สส.อนค.
ที่พรรคเพื่อไทย ได้มีการประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วม7พรรคฝ่ายค้าน (วิปรัฐบาล) นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย แจ้งต่อที่ประชุมวิปฝ่ายค้านว่า ฝ่ายค้านยืนยันจะไม่ส่งตัว 3 ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ คือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ,นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนางสาวพรรณิการ์ วานิช ตามหมายเรียกตัวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในคดีอาญาในสมัยประชุมด้วยข้อกล่าวโทษการจัดชุมนุมสาธารณะ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือคดีแฟลชม็อบ ที่สกายวอร์คเมื่อวันที่14ธันวาคม 2562ซึ่งในวันพรุ่งนี้วันที่ 15 มกรมคม2563การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีวาระด่วนในเรื่องดังกล่าวด้วย
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยกล่าวว่าตามประเพณีปฏิบัติของสภาผู้แทนราษฎร ที่ผ่านมาไม่เคยลงมติส่งตัว ส.ส.ไปตามหมายเรียกของตำรวจระหว่างสมัยประชุม เพราะเป็นเรื่องความเป็นอิสระในการทำงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ เอกสิทธิ์ของ ส.ส. ซึ่งการประชุมพรุ่งนี้น่าจะมีการอภิปรายให้เหตุผลต่อเรื่องนี้ ซึ่งจะแจ้งที่ประชุมทราบถึงมติของคณะกรรมการพรรคร่วมรัฐบาลหรือ วิปรัฐบาล ที่จะไม่ส่งตัว ส.ส.ต่อที่ประชุมทราบด้วย
พิธาสู้ตามกม.ร่วมแฟลชม็อบ
ที่พรรคอนาคตใหม่(อนค.)นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่กล่าวถึงกรณี คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) มีมติ ไม่อนุญาตส่ง 3ส.ส.อนาคตใหม่ ที่ประกอบด้วยนายปิยะบุตร แสงกนกกุล นางสาวพรรณิการ์ วานิช และตน ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ไปสอบสวนดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ กรณีจัดแฟลชม็อบ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.62 โดย ยืนยันว่าหลังปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 พร้อมที่จะดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมาย ตามที่มีหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ยินดีที่จะให้ความร่วมมือและให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายทุกประการ
งูเห่าพท.งานเข้าชาวบ้านจี้ลาออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่พรรคเพื่อไทย(พท.) นายสมชาติ นาคบรรจง แกนนำกลุ่มประชาชนเขต 5 ปทุมธานี พร้อมประชาชนในเขต5เข้ายื่นหนังสือถึงนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและกรรมการบริหารพรรค ผ่าน นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ผู้อำนวยการพรรค กรณีขอให้พรรคพิจารณาลงโทษ ส.ส. ฝ่าฝืนมติพรรคและทรยศหักหลังประชาชน เนื่องด้วยนางพรพิมล ธรรมสาร หรือก้อย ส.ส.เขต 5 ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ได้ฝ่าฝืนมติพรรค ทำตัวเป็นงูเห่าหันไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ล่าสุด ลงมติเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ของรัฐบาลอีก สวนมติพรรคเพื่อไทย และมติ7พรรคร่วมฝ่ายค้าน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โดยนายสมชาติระบุว่าพฤติกรรมดังกล่าวบ่งชี้ชัดจนว่าจงใจฝ่าฝืนมติของพรรค ไม่รับผิดชอบต่อคะแนนเสียงของประชาชน ไม่เคารพสิทธิ์และเจตนารมณ์ของประชาชน จากนี้จะดำเนินการยกระดับ ไม่ว่าส.ส.คนนี้ จะไปงานไหน เราจะตามไปไล่ทุกที่ในพื้นที่เขต 5ปทุมธานี พร้อมเรียกร้องให้ลาออกจากพรรค รวมถึงการเป็นส.ส.ด้วยเพื่อคืนสิทธิ์คืนเสียงให้ประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี