เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 10.30 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบการดำเนินการเปิดประมูลก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ รันเวย์ที่ 3 ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. วงเงิน 21,795.941 ล้านบาท โดยชี้ให้เห็นถึงข้อพิรุธ 4 ประการ ที่ส่อมีการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนบางรายที่ใกล้ชิดนักการเมืองใหญ่ ดังนี้
ประการที่หนึ่ง ในการประมูลงานของ ทอท.ที่ผ่านมาไม่เคยกำหนดการให้คะแนนคุณสมบัติของบริษัทที่เข้าร่วมประมูลว่า จะต้องได้รับการประเมินจากคณะกรรมการฯด้วยคะแนนคุณสมบัติตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดขึ้นมาไม่ต่ำกว่าร้อยละ 85 เนื่องจากโครงการต่าง ๆ ในอดีตกำหนดในขอบเขตงาน (ทีโออาร์) แต่เพียงว่า “ต้องเป็นบริษัทที่มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนผู้ค้าของ ทอท. กลุ่มงานจ้างก่อสร้าง ประเภทโยธา ประเภทที่ 1” อยู่แล้ว แม้แต่การจัดทำทีโออาร์การประมูลงานครั้งล่าสุดของ ทอท. คือ การประกวดราคา ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารรอง (Satellite Building) ก็ไม่เคยมีหลักเกณ์ข้อนี้
ประการที่สอง การกำหนดขอบเขตงาน (ทีโออาร์) โดยให้บริษัทที่เคยมีเพียงผลงานการซ่อมแซมทางวิ่งและหรือทางขับ ของสนามบินที่ดำเนินกิจการสนามบินสาธารณะในประเทศไทยที่สามารถรองรับอากาศยานขนาด E ตามเกณฑ์ขององค์การ ICAO และมีการขึ้นลงของอากาศยานไม่ต่ำกว่า 30,000 เที่ยวบินต่อปีในอดีต ที่เป็นสัญญาฉบับเดียวในวงเงินไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเป็นการกำหนดขอบเขตหรือสร้างเงื่อนไขกีดกันบริษัทในต่างประเทศ ที่อาจมีผลงานที่ดีกว่า ไม่ให้มาเข้าร่วมการประมูลนี้ เฉพาะจำกัดแค่เฉพาะบริษัทในประเทศไทยเท่านั้น
ประการที่สาม การล็อคสเปกโดยการปิดกั้นโอกาสที่จะได้บริษัทจากต่างประเทศที่มีความชำนาญและผลงานการสร้างสนามบินในต่างประเทศซึ่งสามารถเข้าร่วมเป็นกลุ่มกิจการร่วมค้า (Joint Venture) หรือนิติบุคคลร่วมทำงาน (Consortium) กับบริษัทไทยได้ แต่ TOR กลับรับเฉพาะบริษัทไทยซึ่งมีรายชื่ออยู่ในทะเบียนผู้ค้าของ ทอท. กลุมงานก่อสร้างโยธา ประเภทที่ 1 เท่านั้น ดังนั้นจึงจะมีบริษัทขนาดใหญ่ที่เคยมีผลงานภายในประเทศเพียง 2-3 บริษัทที่อาจหนุนหลังพรรคการเมืองไทยมาโดยตลอดเท่านั้นที่จะผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมประมูลได้
ประการที่สี่ การเปิดยื่นประมูลใช้เวลาที่รวบรัดมาก ซึ่งชี้ให้เห็นว่า บริษัทที่จะเข้าร่วมการประมูลจะต้องรู้ตัว รู้รายละเอียดของขอบเขตงานมาล่วงหน้าก่อนแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถเตรียมเอกสาร เตรียมแผนงานตามเกณฑ์ที่กำหนดได้ทันเวลา หากไม่มีการเตรี๊ยมกันมาก่อนจะไม่มีทางยื่นประมูลทันตามเวลาที่กำหนดเพราะต้องมีการเตรียมเอกสารทางเทคนิค การจัดทำข้อเสนอในแผนต่าง ๆ รวมทั้งต้องหาหลักประกันมาค้ำประกันซองอีก 540 ล้านบาท ซึ่งงานประมูลที่มีมูลค่านับหมื่นล้านบาทเยี่ยงนี้ กลับเร่งรีบในการรับซองประมูลและประกาศผลในเวลาอันรวดเร็ว จึงเป็นเรื่องที่ผิดปกติผิดวิสัย
ด้วยข้อพิรุธดังกล่าวที่อาจส่อไปในทางการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนบางรายที่จะเข้าร่วมประมูลงานนี้ อันอาจเข้าข่ายความผิดตาม ม. 11 และ ม.12 แห่ง พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ 2542 และพรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 ประกอบ พรป. ป.ป.ช.2561 สมาคมฯจึงจำเป็นที่จะต้องมาร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบและดำเนินการเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี