‘พี่ตุ๋ย - พีระพันธุ์’ เปิดห้องรับฟังข้อเสนอแก้ไข รธน. ของ นศ. - เผยวัยรุ่นประสานเสียงไม่เอา ม.279 ชี้คนที่ทำการรัฐประหารควรได้รับการลงโทษ แถมสิ้นเปลืองหน้ากระดาษ
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2563 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 สภาผู้แทนราษฎร จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นนักศึกษา จำนวน 45 มหาวิทยาลัย โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธาน กมธ. เป็นประธาน
นายพีระพันธุ์ กล่าวเปิดเวทีว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่คำนึงถึงแต่ตัวเอง การที่คิดว่า มีสิทธิเสรีภาพจะทำอะไรก็ได้นั้น ถือว่า ไม่ใช่ เพราะความจริงต้องคิดถึงคนอื่นด้วย เนื่องจากคนอื่นก็มีสิทธิเหมือนเรา ถ้าเราไม่คำนึงสังคมก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้น หัวใจรัฐธรรมนูญ คือ หมวดที่ด้วยการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และหมวดว่า ด้วยการบริหารประเทศ ซึ่งเกี่ยวโยงกับการเลือกตั้ง ส.ส ส.ว. และองค์กรอิสระ
นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า สมัยยังเป็นนักศึกษาปริญญาโทที่สหรัฐ ชาวอเมริกากันมักอ้างรัฐธรรมนูญเสมอ บางคนเถียงกับพนักงานในร้านสะดวกซื้อว่า ทำไมไม่ติดป้ายว่า ระวังลื่น โดยอ้างรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้มีหน้าที่ดูแลสังคม ที่ชาวอเมริกันรักรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ใช่เครื่องมือทางการเมือง คนอเมริกันถือว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายของเขา ไม่ได้เป็นของนักการเมือง ดังนั้น หากเราทำให้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือคุ้มครองไม่ใช่เฉพาะการเมือง แต่คุ้มครองชีวิต จะทำให้ประชาชนรู้สึกหวงแหนและผูกพันกับรัฐธรรมนูญ
“รัฐธรรมนูญมีสองส่วนที่เกี่ยวกับประชาชน คือ เรื่องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และเรื่องสิทธิในการบริหารประเทศ ดังนั้น ทางกมธ.จึงได้หารือว่า ต้องทำรัฐธรรมนูญไม่ให้เป็นของฝ่ายการเมืองหรือคู่มือของฝ่ายการเมือง การที่เราจะทำแบบนี้ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม จึงได้ตั้งคณะอนุ กมธ. รับฟังขึ้นมา มอบหมายให้นายวัฒนา เมืองสุข ไปรับฟังทุกกลุ่มตามระยะเวลาที่กมธ.มีอยู่ หนึ่งในกลุ่มที่สำคัญ คือ กลุ่มนักศึกษา ซึ่งท่านจะบอกว่า เป็นเด็กไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นวัยที่กำลังเติบโต” นายพีระพันธุ์ กล่าว
จากนั้นได้เปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาได้แสดงความคิดเห็น โดยนายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง ภาคีนักศึกษาศาลายา มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างโดยคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเราไม่ได้เลือกมา เราไม่มีปากเสียงอะไรเลย ต่อมาเมื่อมีการทำประชามติก็ไม่ให้เราออกมาส่งเสียงว่า ทำไมจึงไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทั้งยังใช้อำนาจรัฐทุกช่องทางในการปิดเสียงคนเห็นต่าง ซึ่งนักศึกษาที่มาวันนี้ไม่อาจเรียกได้อย่างเต็มปากว่า เป็นตัวแทนนักศึกษาทั้งหมด ดังนั้น ต้องคิดว่า จะทำอย่างไรจึงทำให้คนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการนี้มากที่สุด ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้ กมธ. เปิดพื้นที่ให้นิสิตนักศึกษาทุกมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม เราให้คำมั่นสัญญาว่า หากทุกคนเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากพวกเราอย่างแท้จริง ขอให้ยื่นมือออกมา พวกเราพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
ด้านนายวิริยะ ก้องศิริ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ประเด็นที่อยากเรียกร้อง คือ 1.เรื่องสิทธิเสรีภาพ เช่น รัฐธรรมนูญ มาตรา 34 ให้สิทธิในการแสดงความคิดเห็น แต่ห้อยท้ายว่า “เว้นแต่มีกฎหมายความมั่นคงของรัฐ” ตนจึงขอเสนอให้เขียนให้ชัดเจนว่า กฎหมายเหล่านี้ควรตีความอย่างไร ดังนั้น กฎหมายใดที่สามารถเข้ามาใช้กำกับสิทธิเหล่านี้ของประชาชนได้ ไม่ใช่อ้างเรื่องความมั่นคงของรัฐและความเป็นคุณกับรัฐบาล 2.ขอเสนอให้แก้มาตรา 91 ว่าด้วยวิธีการคำนวณ ส.ส. เรื่องนี้ข้อดีคือจะทำให้พรรคใหญ่ไม่มีเสียงที่มากจนเกินไป และให้พรรคเล็กได้มีพื้นที่ แต่หากพรรคการเมืองที่มีเสียงน้อยเกินไป ไม่มีระบบการจัดการจะไม่สามารถสะท้อนเจตนารมของพี่น้องได้อย่างแท้จริง 3.ควรแก้ไขมาตรา 159 ว่าด้วยที่มานายกรัฐมนตรี โดยนายกฯควรมาจาก ส.ส. ที่ประชาชนเลือกมา
นายวิริยะ กล่าวอีกว่า 4.ควรแก้ไขมาตรา 256 ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และเลือกกันมาเอง มีที่มาไม่ชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย แต่รัฐธรรมนูญกลับกำหนดให้ต้องใช้เสียง ส.ว. จึงจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ตรงนี้เป็นเสมือนกุญแจล็อคประเทศให้นิ่งอยู่กับที่ 5.องค์กรเรื่องการตรวจสอบการใช้อำนาจ โดยองค์กรตุลาการถือเป็นศาลสุดท้ายของกระบวนการยุติธรรม แต่วันนี้ไม่มีใครสามารถตรวจสอบองค์กรยุติธรรมได้เลย เพราะผู้บริหารศาลไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน จึงขอเสนอให้คนที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารศาลต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร โดยใช้เสียงรับรอง 3 ใน 4 เพื่อความชอบธรรมและประชาธิปไตย และ6.องค์กรอิสระ ตามมาตรา 230 และมาตรา 247 วันนี้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวนมาก แต่ไม่มีอำนาจใดในการตัดสิน ทุกเรื่องจะถูกเขียนส่งไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีอำนาจในการฟ้องศาล กรณีละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนำเรื่องนี้ออกไป และทำให้เรื่องเหล่านี้กองอยู่ที่ กสม. โดยไม่ได้รับการแก้ไข
“ทางออกที่ดีที่สุด สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือ ใช้รูปแบบรัฐธรรมนูญ ปี 40 โดยการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมายกร่าง เพราะรัฐธรรมนูญที่ไม่ดีย่อมทำให้ได้รัฐบาลที่ไม่ดี การมีรัฐธรรมนูญที่ดีจะทำให้ได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพและสามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้” นายวิริยะ กล่าว
ด้านนายพร้อมสิน บุญจันทร์ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ภาคีนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวว่า วันนี้ขอถามว่า เรียกพวกเราไม่กี่คนมาทำอะไร เพราะเวลาในการจัดเวทีครั้งนี้เพียงครึ่งวันในการรับฟังปัญหาและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่า เวลาไม่เพียงพอและวิธีการนี้ไม่ได้ผล ที่ผ่านมาเรามีการจัดแฟลชม็อบตามมหาวิทยาลัย เพื่อให้ กมธ. ได้ลงไปรับฟังความคิดเห็นตามที่นักศึกษาเสนอ เพราะตัวแทนนักศึกษาไม่กี่คนที่มานั่งอยู่ในห้องนี้ช่วยอะไรพวกท่านไม่ได้ เราเสนอความเห็นอะไรไม่ได้ เพราะไม่สามารถพูดได้ว่า พวกเราเป็นตัวแทนนักศึกษานับแสนคนทั่วประเทศ อย่างไรก็ตา มาตรา 44 ได้ให้สิทธิสามารถชุมนุมไว้ แต่ก็มีการเข้ามาห้ามโดยอ้างเรื่องความมั่นคง จึงอยากถามว่า ความมั่นคงนี้เป็นของใคร ประเทศชาติ ประชาชน หรือความมั่นคงของอดีต คสช. วันนี้เราจึงขอเชิญพวกท่านลงไปรับฟังความคิดเห็นที่มหาวิทยาลัย ไม่ต้องกลัวโควิด-19 พวกเราเตรียมความป้องกันไวรัสไว้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักศึกษายังได้เรียกร้องให้ยกเลิกบทเฉพาะกาล มาตราสุดท้ายที่นิรโทษกรรมให้กับการรัฐประหารของ คสช. เพราะเห็นว่า คนที่ทำการรัฐประหารควรได้รับการลงโทษ อีกทั้งยังเป็นการสิ้นเปลืองหน้ากระดาษในการเขียนรับรองเรื่องนี้ไว้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี