ปัดเคอร์ฟิว24ชม.
‘บิ๊กตู่’ห่วงผู้ป่วย-คนชรา
ตร.จับผู้ฝ่าฝืนกว่าพันราย
นนทบุรีเปิดบ่อนเย้ยพรก.
ปค.บุกรวบผีพนัน108คน
ชัดเจนแล้ว“นายกฯ”บิ๊กตู่ ไม่ประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง ระบุเป็นห่วง 4 กลุ่ม“คนแก่อยู่ตามลำพัง-คนป่วยติดเตียง–คนพิการและคนหาเช้ากินค่ำ” ขณะที่ผ่านมา4 วัน ยังมีผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว อีกนับพันรายดำเนินคดี 949 คดี ด้านเมืองนนท์ เปิดบ่อนเย้ยพ.ร.ก.ฉุกเฉินฝ่ายปกครองตามไปรวบได้กว่าร้อยคน
เมื่อวันที่ 8 เมษายน มีรายงานข่าวว่า พล.อณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกพร้อมอ้างถึงข้อสั่งการพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)หรือศบค.จะไม่ประกาศห้ามออกนอกเคหสถาน ตลอด24ชั่งโมง เนื่องจากเป็นห่วงบุคคล4ประเภทคือ1.คนแก่อยู่ตามลำพัง, 2.คนป่วยติดเตียง,3.คนพิการ, 4.คนหาเช้ากินค่ำ
พล.อ.ณัฐพลย้ำถึงข้อสั่งการผบ.ทบ.ว่าให้แม่ทัพภาค ,ผู้บัญชาการมณฑลทหารบก,รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในทัพภาคสามารถใช้ สัสดีจังหวัด,สัสดีอำเภอในการขับเคลื่อนการปฏิบัติได้
เคอร์ฟิวทั่วประเทศเพียบ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงว่า สำหรับผลการปฏิบัติงานช่วงประกาศ “เคอร์ฟิว” วันที่ 7 เมษายน ต่อเนื่องวันที่ 8 เมษายน พบว่า ผู้ฝ่าฝืนประกาศเคอร์ฟิวลดน้อยลงเหลือ 1,156 ราย ถือว่ายังไม่น่าดีใจ ต้องลดลงให้เหลือหลักร้อย หรือหลักหน่วยให้ได้ โดยพบว่า มีการมั่วสุม ชุมนุม รวมกลุ่ม 72 ราย ตักเตือน 135 ราย ดำเนินคดี 949 ราย
“ส่วนในช่วงเทศสงกรานต์จะมีการคุมเข้มเรื่องการจำหน่ายสุรา หรือเมาไม่ขับหรือไม่นั้น เราอยู่ในช่วงโรคระบาด แค่นี้ก็สาหัสแล้ว ส่วนด้านอื่นๆขอให้ลดลง ซึ่งอยู่ที่แต่ละจังหวัดจะมีการประกาศในเรื่องของการห้ามจำหน่ายสุราหรือไม่ อย่างไร แต่กระทรวงวัฒนธรรมได้รณรงค์ให้ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมสงกรานต์ปีนี้ไปก่อน แทนที่จะรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ก็ให้เว้นระยะห่างผู้ใหญ่ก่อน อีกทั้งวัฒนธรรมการดื่มไม่ใช่วัฒนธรรมของคนไทยแน่นอน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ยันดำเนินคดีอย่างเสมอภาค
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.)กล่าวถึงผลการจับกุมผู้ฝ่าฝืนตามประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ฯ (เคอร์ฟิว) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19ว่าตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.ที่มีการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจังหลังตักเตือนในวันแรกๆพบว่า มีการจับกุมเพิ่มขึ้นวันละกว่า 1,000 ราย โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ จับกุมกว่า 100 รายต่อวัน ซึ่งน้อยกว่าต่างจังหวัด
ขณะที่พื้นที่ต่างจังหวัดมีการจับกุมมากสุดคือพื้นที่ตำรวจภูธรภาค1และภาค4โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่น เนื่องจากเป็นช่วงเวลาปิดเทอมทำให้ออกมารวมกลุ่มและกลุ่มคนที่ไปงานเลี้ยงดื่มเหล้า รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับเสพยาเสพติดทำให้ขาดสติไม่รู้เวลาเจ้าหน้าที่จะมีวิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มผู้ฝ่าฝืนอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมยืนยันตำรวจดำเนินกับทุกคนที่ฝ่าฝืนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมไม่มีข้อยกเว้นให้กับบุคคลใด
ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจทำงานให้เร็วขึ้น กรณีเจอคนที่ตั้งใจฝ่าฝืนอาจเป็นมิจฉาชีพ ต้องมีการระมัดระวังตัว พร้อมจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็วในการติดตามจับกุม ขณะเดียวกันฝากเตือนไปยังประชาชนให้เผื่อเวลาในเดินทางกลับบ้านให้ทันช่วงเคอร์ฟิวส์ 22.00-04.00 น. และลดโอกาสการติดเชื้อด้วยการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมืออยู่เสมอ.
จนท.รวบขนเจลล้างมือคาด่าน
ที่จ.นนทบุรี เมื่อเวลา23.30น.วันที่ 7 เม.ย. ที่บริเวณหน้าห้างพลัสมอลล์ หมู่ 5 ถนนกาญจนาภิเษก ต.ปลายบาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ร่วมกันตั้งจุดตรวจด่าน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามออกนอกเคหะสถาน ตั้งแต่เวลา 22.00 - 04.00 น. และทำการยึดรถรถยนต์กระบะยี่ห้ออิซูซุ ดีแม็กซ์ สีขาว ทะเบียน ผข 7024 นครปฐม จับกุมผู้ขับขี่คือ นายพิษณุ บุญภู อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74/1 หมู่ 8 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร
ตรวจสอบของกลางในรถเป็นเจลล้างมือที่บรรจุอยู่ในขวดพลาสติกแบบหัวปั้ม ขนาด 450 ml. จำนวน 7,236 ขวด และชนิดแบบหลอดพกพาบรรจุขนาด 50 ml. จำนวน 2,000 หลอด โดยไม่มีสลากสินค้าใดๆปรากฏ มูลค่ากว่า 8 แสนบาท ตรวจสอบเอกสารพบว่า เป็นสินค้าของ บริษัท ไอดีว่า กรุ๊ป จำกัด อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
จากการสอบปากคำ นายพิษณุ ให้การว่าได้รับจ้างมาจากหัวหน้าคิวรถขนของอีกทอดหนึ่ง ได้ค่าจ้าง5พันบท ให้นำสินค้าดังกล่าวที่ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไปส่งใน จ.นครราชสีมา จ.ขอนแก่น และ จ.สกลนคร ตำรวจจึงคุมตัวไปดำเนินคดีฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกนอกเคหะสถานโดยไม่มีเหตุอันควร ส่วนของกลางแอลกอฮอล์ล้างมือที่พบจำนวนมากได้ทำการอายัดไว้ตรวจสอบ โดยจะทำการประสานทางสาธารณสุขจังหวัดและพาณิชย์จังหวัด สรรพสามิตจังหวัด เข้าร่วมตรวจสอบเพื่อชี้ความผิดอีกครั้ง และจะทำการสืบสวนขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป
ทลายบ่อนเมืองนนท์เย้ยพรก.!
มีรายงานว่า นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง กรมการปกครอง (ศกปค.) นำกำลังฝ่ายปกครอง กว่า 50 คน เข้าจับกุมบ่อนไฮโล ภายในซอยพิบูลสงคราม 32 ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี สามารถจับกุมนักพนันได้ 108 คน พร้อมเงินของกลางประมาณ 2 แสนกว่าบาท พร้อม อุปกรณ์โต๊ะไฮโล และตู้เกมส์ไฟฟ้า 2 เครื่อง
สืบเนื่องจากกรมการปกครอง ได้รับแจ้งจากประชาชนว่าใกล้ตลาดเมืองนนทบุรีมีกลุ่มคนลักลอบเปิดบ่อนการพนันไฮโล สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านและเป็นการมอมเมาประชาชน ประกอบกับในสถานการณ์ปัจจุบันอาจเป็นแหล่งแพร่ระบาดเชื้อโควิด–19 ชุดปฎิบัติการพิเศษกรมการปกครองจึงออกสืบสวนหาข่าว จนทราบว่าภายในซอยพิบูลสงคราม 32 ลักลอบเปิดบ่อนไฮโล จึงวางแผนนำกำลังบุกเข้าจับกุมได้ดังกล่าว
ศูนย์ EM ส่องผู้ได้รับปล่อยตัว
นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และประกาศเคอร์ฟิว ในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร โดยห้ามบุคคลใดออกนอกเคหสถาน ระหว่างเวลา22.00-4.00 น.ของวันรุ่งขึ้นนั้น ส่วนควบคุมการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของบุคคลผู้ได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยศาล หรือที่เรียกว่า“ศูนย์EM” ขอเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ร่วมมือในการสอดส่องดูแลความสงบเรียบร้อยให้เป็นไปตามมาตรการของรัฐบาล
โดยการจัดเวรผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ช่วงเวลากลางคืนทำการตรวจสอบผู้สวมใส่กำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์ (EM) โดยวิธีจับระดับความเร็วในการเคลื่อนไหวเกิน 40 กม./ชั่วโมง ซึ่งเชื่อว่าอยู่ในยานพาหนะ เพื่อลดการสัญจร สามารถตรวจสอบผู้ติดอุปกรณ์ EM ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย ผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ขณะนี้มีผู้ติดอุปกรณ์ EM ทั่วประเทศ 2,815 ราย ได้รับการรายงานว่ามีประมาณวันละ 20 - 40 รายที่พบการเคลื่อนไหวเกิน 40 กม./ชั่วโมง ในช่วงเวลา 22.00-4.00 น. ได้กำชับเจ้าหน้าที่โทรศัพท์สอบถามทุกราย ทราบว่าส่วนใหญ่อยู่ระหว่างเดินทางกลับจากงาน หรือทำงานด้านขนส่งสินค้า แต่พบบางรายไปงานเลี้ยงสังสรรค์ หรือออกจากบ้านโดยไม่มีเหตุอันสมควร เช่น ไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ไปซื้อของ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตักเตือนให้ทราบว่า ในเวลานี้เป็นช่วงคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถาน โดยไม่ได้รับการยกเว้นและเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ได้มีการรายงานพฤติการณ์จำเลยไปยังศาลเพื่อทราบและพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ส่วนกรณีที่ศาลมีคำสั่งห้ามผู้ติดอุปกรณ์ EM รายใดเป็นการเฉพาะ ออกนอกเคหสถานโดยจำกัดช่วงเวลาไว้แล้ว จะมีการแจ้งเตือนมายังศูนย์ EM ทันที โดยไม่ต้องใช้วิธีจับความเร็วในการเคลื่อนไหว
โดยมาตรการดังกล่าวเป็นการส่งเสริมและให้ความร่วมมือตามแนวนโยบายรัฐบาล เพื่อป้องกัน สกัดกั้น และชะลอการแพร่โควิด -19 ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าศาลมีคำสั่งให้จำเลยติดอุปกรณ์ EM ในข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จำนวน 6 คดี
เชียงใหม่คืนเดียวฝ่าเคอร์ฟิว47ราย
ด้านพล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ นำกำลังสนธิกับทหาร ฝ่ายปกครองตั้งจุดตรวจดูแลรักษาความเรียบร้อย หลังมีคำสั่งประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกจากบ้านหลังเวลา 22.00-04.00 น.
ผลปรากฎว่ายังพบว่ามีประชาชนทั้งชาย-หญิงฝ่าฝืนออกจากบ้านจากการตั้งด่านตรวจทั่วทั้งจังหวัด 47 จุด สามารถจับกุมผู้ฝ่าฝืนได้มากถึง 47 ราย พบว่าสถิติยังสูงทุกวัน มีทั้งขี่รถไปหาแฟน หรือออกมาซื้ออาหาร หรือขี่รถเล่น รวมทั้งจับกลุ่มดื่ม โดยภาพรวมการตั้งจุดตรวจทั้ง 4 คืนที่ผ่านมา มีสถิติจับกุมผู้ฝ่าฝืนสะสมมากถึง 173 ราย และศาลตัดสินลงโทษจำคุก 15 วัน ปรับ 1,500 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี และห้ามออกจากเคหสถานโดยไม่มีเหตุอันสมควรเป็นเวลา 7 วัน แต่ก็ยังมีผู้ฝ่าฝืนอยู่
นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ออกคำสั่งประกาศปิดสถานที่หรือพื้นที่จำหน่ายสุรา หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดทั้งปลีกและส่ง มีผลตั้งแต่วันที่ 10-20 เมษายนนี้
เมืองคอนจับแก๊งเสพยาได้ 3 คน
ขณะที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจนครศรีธรรมราชร่วมกับฝ่ายปกครอง นำกำลังเข้าจู่โจมและจับกุมกลุ่มวัยรุ่นที่มั่วสุมเสพยาเสพติด ปรากฏว่ากลุ่มวัยรุ่นแตกกระเจิงวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง สามารถจับกุมไว้ได้3คน ยึดอุปกรณ์เสพยาเสพติด ยาเสพติดจำนวนหนึ่ง รถจักรยานยนต์รวม 9 คัน
หนึ่งในสามที่ถูกจับยอมรับว่า รู้ว่ามีการห้ามไม่ให้ออกจากบ้านในช่วงกลางคืน แต่ได้มารวมตัวกันในที่ลับตา ไม่ได้ออกไปเพ่นพ่านข้างนอกแต่อย่างใด และไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่จะตามมาได้ ยอมรับว่าเสพยาไอซ์ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้ามา
สำหรับที่เกิดเหตุพบว่าแก๊งวัยรุ่นมีทั้งผู้ค้าและผู้เสพมารวมตัวกัน ทั้งขายทั้งเสพในจุดเดียว โดยนัดหมายกันมารวมตัวที่นี่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ติดตามมานานแล้ว และทราบว่าคืนนี้มีการรวมตัวกันร่วม 20 คน จึงสนธิกำลังเข้าจับกุม แต่กลุ่มวัยรุ่นรู้ตัวก่อน อาศัยความชำนาญพื้นที่วิ่งหลบหนีไปได้ จึงได้ตัวได้แค่ 3 คนเท่านั้น แต่ยึดรถจักรยานยนต์ไว้ได้ถึง 9 คัน โดยจะเรียกเจ้าของรถจักรยานยนต์มาสอบสวนด้วย ส่วนผู้ต้องหา 3 คน ส่งไปดำเนินคดีต่อไปแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี